คนทำงานในกรุงเทพ จบปริญญาตรี มีเงินเดือนขั้นต้น 12,000-15,000 บาท บริหารรายจ่ายตึงมั้ยในสมัยปัจจุบันนี้

คนทำงานในกรุงเทพ จบปริญญาตรี มีเงินเดือนขั้นต้น 12,000-15,000 บาท บริหารรายจ่ายตึงมั้ยในสมัยปัจจุบันนี้
ความหวังที่จะมีบ้าน มีรถ มีครอบครัว อยู่ในกรุงเทพมหานคร คนจากต่างจังหวัดที่เรียนจบใหม่ในกรุงเทพ
ยังโสด ทำงานบริษัทคงมีมาก กับการทำงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้คุณมีความหวังมากแค่ไหน ว่าจะซื้อบ้าน ซื้อรถ มีครอบครัวในกรุงเทพสำเร็จ
สำหรับผมผมคิดว่า คนแก่กับคนอายุน้อย คงไม่ใช่ประเด็นว่า คนวัยไหนมีรายได้ดีในยุคปัจจุบัน
แล้วแต่ความเป็นคนที่ตั้งใจจะมีอาชีพ หรือมีความน่าเชื่อถือมากกว่า แม้คนจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม 
ในยุคเจริญก้าวหน้า ถ้ามีเงินน้อยก็จะหาความสุขในการดำรงชีพได้อย่างยากลำบาก 
ชีวิตมีความรู้ มีความขยันคิด ขยันพรีเซ็นต์ แต่บางคนมีความน่าเชื่อถือแต่มีทัศคติที่ไม่ดีต่อนายจ้างเกินไป 
หรือมีความไม่ผูกพันกับการมีรายได้สูง ก็ทำให้ชีวิตพลาดโอกาสไปได้ง่าย แต่ความจริงการปฎิบัติ 
ก็มีโอกาสคลาดเคลื่อน เป็นได้จริงบ้างไม่จริงบ้าง
บางคนก็อาจจะคิดว่า การหารายได้ก็ยากลำบากแล้ว กว่าจะได้กิน 
แต่ก็ไม่ได้จะเป็นการทำอะไรเพื่อกวนสมาธิคนที่ต้องทำงานหารายได้ยากลำบาก 
แต่หากมีความดีในจิตใจ ก็คงจะรู้จักความเห็นใจในคนหารายได้ยากลำบาก สงสารเขาเป็น
แต่คนลงทุน ใครจะทำอาชีพอะไร ต่างก็ต้องลงทุนมาก่อนทั้งนั้น แต่เป็นการลงทุนสูง ลงทุนน้อย
มีกำไร หรือขาดทุน เป็นชีวิตที่มีความสุขสบายหรือเปล่า มีเวลาจะทำชีวิตให้มีความเพลิดเพลิน
กับกิจกรรมอดิเรกอะไรได้บ้างหรือเปล่า หากชีวิตในความหวังจากการลงทุน
ก็มีแต่ความเครียดที่กังวล การลงทุนใช้เงินเพื่อเงิน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสาระแท้จริง
แต่บางคนก็เป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้นก็ได้ หากไม่มีสิ่งที่มีสาระจริงๆเข้าช่วย
การลงทุนใช้เงินเพื่อเงินก็อาจจะไม่สำเร็จ แต่จากประสบการณ์ชีวิตที่นำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่า
มีส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องเป็นศิลปินไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทอยู่ในสังคมธุรกิจใหญ่ในเมืองเจริญ
บางคนก็ตกงาน เพราะมีวิถีชีวิตติดหรูไม่ได้
ต้นฉบับงานหัวๆจริงๆ ก็ไม่ใช่มาจากคนที่มีความเป็นนักธุรกิจสูง แต่ต้นฉบับงานหัวๆ มาจากคนที่มีอาชีพเป็นศิลปิน
คนเราก็มีความเห็นแก่ตัวได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะใจดีรู้จักแบ่งปันไม่เป็น ก็จะได้ ก็จะต้องมีเสีย
ถ้าไม่มีใครเสียอะไร ก็คงไม่มีคนได้อะไร ผมทำผลงานศิลปะบันเทิงแบ่งปันให้ลองรับอรรถรสแก่คนอื่นๆช่วยคลายทุกข์มากแล้วล่ะ
ก็ยังไม่ค่อยว่าจะต้องติดหรูอะไรมากเกินไปในชีวิตเลย
ชีวิตคนเป็นศิลปินมืออาชีพ ก็ไม่ได้มีแต่ความสนุกตามกระแสสังคมเร่งอารมณ์ 
ถ้าใจสนุกใจเป็นบ้าไป ก็ไม่ได้มีตรรกะจะทำงานอะไร ให้มีความเป็นการเป็นงานอะไรเกินไป 
บางครั้งก็เครียดในวิชาการศิลปะ ที่ต้องระวังไม่ให้ผิดพลาดด้วยซ้ำไป งานหัวๆที่มีคุณค่าในเชิงบันเทิง 
ประวัติศาสตร์หรืองานที่เป็นเรื่องของวิถีชีวิตเศรษฐกิจ ต่างๆ 
ก็ต้องใช้ความคิดที่มีสติจะทำให้เกิดตรรกะอะไรจะสร้างสรรค์ ด้วยความรอบคอบสูง จึงมีทำให้ผู้รับเกิดความบันเทิงได้มาก
เพราะมือจะเที่ยงใช้เครื่องมือยาก ถ้าเมาจนสลบ ตอนเมามากๆ คือตอนที่ทำให้ชีวิตสติไม่ดีบ่อยๆนั่นล่ะ จะทำผลงานศิลปะให้คนชื่นชมก็จะยาก
ถ้าจะทำธุรกิจ แต่ไม่ได้เรียนศิลปะ ไม่มีความรู้ในเรื่องของอะไรเลย ก็จะทำให้ชีวิตคนเราทำธุรกิจยากจนเกินไป
ต่างก็มีการได้ หรือการเสีย อะไรต่างๆ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาความเจริญ
แต่เรื่องเงินนั้น ชีวิตคนเรา ถ้าจะเอาแต่เงินให้ได้ใช้มากตามใจโลภ แต่ในชีวิตเป็นคนไม่มีความรู้ในหน้าที่
การงานอะไรมากกว่าความฝันอยากรวยมาก เขาก็ไล่ออกจากงานได้
บางคนชีวิตก็ไม่ได้กลัวว่า จะไม่มีรายได้ในอนาคต
แต่บางคนก็อยากมีความสุขในการหารายได้มากกว่า
ชีวิตตกระกำลำบากฝืดเคืองในยามชรา ถ้าชีวิตเขาไม่ดังให้มีPasive income
เขาก็พ้นจากความอับโชคในชะตาเกิดได้ยาก
ใครที่ได้อ่านเรื่อง รักล้นใจ นายปากกาทอง ที่ผมเขียน ก็คงจะได้เติมเต็มความสุขในชีวิตได้บ้างในความบันเทิง ซึ่งสมัยนี้
ก็มีราคาแข่งขันกันค่อนข้างแพง และทำให้ค่าใช้จ่ายต้องมากขึ้นไปด้วยความฟุ่มเฟือย หวังว่า รักล้นใจ นายปากกาทอง ที่ใครได้อ่าน
คงสร้างความสุขใจในชีวิตของคนที่กำลังหาประสบการณ์ในโลกการทำงานบริษัทในกรุงเทพได้มาก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่