ตั้งแต่ตอนเด็กๆ พ่อแม่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้ ก็เลยเอามาฝากเลี้ยงไว้กับยาย ยายผมดุมากก ก้านมะยมที่หน้าบ้าน ตอนผมเด็กๆ ก้านมะยมไม่มีเหลือ ยายเด็ดมาตีผมตลอด แต่ยายก็เลี้ยงดูผมมา จนผมเรียกยายว่าแม่ โตขึ้นมา มีอาชีพการงานอยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่ได้อยู่กับยายแล้ว แต่ตอนที่ผมว่างก็คอยเดินทางกลับไปหายายตลอด งานเก่าผม ทำ 7 วัน พัก 7 วัน ผมก็มาเยี่ยมยายอยู่ประจำ จนเปลี่ยนงานใหม่ เป็นทำงาน 1 วัน พัก 3 วัน แต่ผมก็คอยมาหายาย ทุกเดือนๆ อยู่แบบนั้น ช่วงหลังๆยายอาการเริ่มทรุด รู้ข่าววันแรก ผมก็เดินทางมาหายายเลย ทั้งๆรู้ว่า พรุ่งนี้ต้องกลับไปเข้าเวร ที่ทำงานกับบ้านผม ห่างกันประมาณ 320 กิโล ผมก็มาป้อนข้าวป้อนน้ำแก เหมือนที่แกเคยเลี้ยงผมมาตอนเด็ก จนแกกินข้าวไม่ไหว ต้องป้อนอาหารเหลว ยายผอมลงมากๆ มีครั้งนึงผมร้องไห้ จนป้อนไม่ไหว เลยหลบออกมาร้องไห้ข้างนอก ให้ป้าเป็นคนป้อนแทน พอได้เวลาผมต้องเดินทางไปเข้าเวร ผมก็บอกยาย "ยาย ผมไปเข้าเวรก่อนนะ เข้าเวรแค่วันเดียว เดี๋ยวผมกลับมาเยี่ยมใหม่" ปกติยายจะไม่ค่อยตอบสนอง แต่พอจะรับรู้ได้ ว่าใครมาหาแกบ้าง แกจำเสียงผมได้ แกลืมตาขึ้นมามองหน้าผม กำมือผมไว้แน่น ผมก็นอนลงข้างยาย ให้ยายกำมือผมไว้ จนคิดว่าแกหลับไป ผมก็ไปกระซิบข้างหูยาย ว่า "ยาย ผมกลับไปทำงานก่อนนะ" แล้วก็ขับรถออกมา ก็ขับรถประมาณ เกือบ 5 ชม. ไม่มีใครโทรบอกผมเลย ว่าตั้งแต่ผมขับรถออกมาได้ไม่นาน ยายก็อาการทรุด หายใจไม่ปกติ จนถึง 23.15 น.
แม่ก็โทรมาบอกผม ว่ายายเสียแล้วนะ ผมทำงานทั้งน้ำตา น้ำตาไหลไป ทำงานไป คิดอยู่ในหัวตลอด อีกไม่กี่ ชม. ผมก็ได้กลับไปหายายแล้ว คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ตรงนี้ ที่ที่เราควรอยู่ คือข้างๆยาย ไม่ใช่ตรงนี้ เลย พอผมออกเวร ผมก็กลับมาหายาย กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ทั้งเสียใจและเสียดาย ที่ไม่ได้อยู่ส่งยายจนถึงวาระสุดท้าย ความรู้สึกมันติดในใจผม มาตลอด ไม่เคยเสียดายอะไรเท่านี้มาก่อนเลย
อยากระบาย ความรู้สึกเสียดายมากที่สุดในชีวิต