เราอยากขอความคิดเห็นค่ะ
เรื่องค่อนข้างยาว เพราะกินระยะเวลาหลายปี (>10ปี ++)
ขออภัยหากยาวเกินไปนะคะ หากเพื่อนๆท่านไหนมีเวลา ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะอยากทราบมุมมองของคนที่ไม่รู้จักกัน
ขออนุญาตเล่าเรื่องก่อนค่ะ
ปัจจุบัน เราเป็นผู้หญิง อายุ 30+ ไม่ถึง 40
และด้วยความที่เราเรียนจบปริญญาตรี และจบปริญญาโทในสาขาวิชาชีพเฉพาะทาง และมีแผนจะเรียนต่อหลักสูตรพิเศษอื่นๆ
เราเลยมีความก้าวหน้าในสายงานค่อนข้างไว บวกกับมีผู้ใหญ่ให้โอกาส
ปัจจุบันนี้ เราจึงมีตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ในระดับบริหารขององค์กรหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ครอบครัวเราภาคภูมิใจมาก
ครอบครัวของเราประกอบด้วย พ่อ แม่ พี่ และเราเป็นลูกคนสุดท้อง
พ่อแม่เราเลี้ยงดูสั่งสอนเรามาดี เท่าที่ท่านจะสอนได้ เราถูกเลี้ยงมาแบบคนโบราณ โตมาด้วยไม้เรียวและต้องทำตามคำสั่งมาตั้งแต่เด็ก
แต่ครอบครัวเราดีตรงที่ ไม่เคยบังคับเราในเรื่องของการเรียนเลย ใครๆก็จะบอกว่าเราเป็นคนเรียบร้อย เรียนเก่ง และเพรียบพร้อม
ซึ่งท่านจะภูมิใจมากหากมีคนชมลูก และพูดเสมอว่าโตมาด้วยการอบรมอย่างเข้มงวดของท่าน
พ่อแม่เราท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ ลูกๆต้องอยู่ในกรอบ
พ่อเราค่อนข้างดุ แต่บางครั้งพ่อก็มีปากเสียงกับที่บ้านบ่อยๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ แต่ด้วยความเป็นโรคซึมเศร้าของพ่อเราที่เกิดขึ้นในตอนที่ท่านเกษียณ ทำให้ภาวะในจิตใจของท่านยิ่งผิดปกติมากไปใหญ่ส่งผลทำให้แม่ของเรามีภาวะเครียดซ้ำซ้อนจากการที่พ่อเป็นโรคซึมเศร้าด้วย
แม่ของเราเป็นแม่บ้านลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก
เป็นรูปแบบของผู้หญิงสมัยก่อนที่แต่งงานแล้วออกมาเลี้ยงลูก แต่ด้วยความที่พ่อเราเป็นคนเจ้าชู้มาก ทำให้ท่านมีบ้านเล็ก
ในขณะที่แม่ตั้งท้องเราอยู่และนั่นคือปมที่ทำให้แม่เราฝังใจในเรื่องของผู้ชายที่เข้ามา
**แม่เรามีความคาดหวังจากลูกสูงมาก และติดลูกมากๆ เพราะไม่มีสังคมอื่นๆรอบตัว ท่านให้เหตุผลว่าลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน
และนี่เป็นเหตุของปมของเรา**
ปัจจุบันพ่อเราไม่มีบ้านเล็กแล้วแต่แม่เราก็ยังคงฝังใจในเรื่องนี้อยู่ และทำให้แม่ของเราแยกห้องนอนกับพ่อตั้งแต่เล็กจนต้องมานอนกับเราและพี่
ในเรื่องความรัก เรามีแฟนมา 2 คน คือแฟนเก่า กับแฟนคนปัจจุบัน
แฟนเก่าเราคบมาเป็นเวลา 10+ปี ตั้งแต่เราอยู่มัธยมจนอายุ 27 แต่เขาไม่กล้าเข้ามาหาพ่อแม่เรา
เนื่องจากพ่อแม่เรากีดกันเพราะมองว่าเป็นคนที่ไม่มีสัมมาคารวะซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นคนเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง เขาขอเราแต่งงานตอนอายุ 25
แต่เราไม่ได้ตอบตกลง ต่อมาเรามีปัญหากับแฟนเก่าในเรื่องมือที่ 3 ความผิดส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะเราที่ทำงานเยอะจนไม่มีเวลาสนใจเขา
และมุ่งมั่นกับการหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เขาให้เหตุผลว่า เขาเข้ากับที่บ้านเราไม่ได้ ยังไงเราก็ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน
ซึ่งเรามีปากเสียงเรื่องนี้กันบ่อยมาก และผู้หญิงคนใหม่ตอบโจทย์ของเขามากกว่า เรื่องของเราจึงจบไป แต่ไม่ได้จบด้วยดี
ในเรื่องนี้แม่และพี่ ก็เอาแต่พูดว่าบอกแล้วว่ามันเป็นคนไม่ดี และดูดีใจมากที่เราเลิกกัน
เราเป็นโสดอยู่สักพักเราก็พบกับผู้ชายคนนึงผ่านทางออนไลน์ นั่นก็คือแฟนปัจจุบันของเรา
แฟนของเราคนนี้อายุมากกว่าเราพอสมควร เขารักเรามากตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเขาชัดเจนมาตลอด เป็นคนที่ภูมิใจมากกับการที่มีเราในชีวิต
และ ดูแลคนรอบข้างของเราเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน และเขามีแผนที่จะสร้างอนาคตกับเรา
ในตอนแรกที่เขาเข้ามา ครอบครัวเราก็ต้อนรับเขาพอสมควร ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรแต่ก็เปิดใจให้คบกันมากกว่าแฟนคนแรก
เราดีใจมากเพราะว่าเรื่องทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีและ เราคิดว่าเราจะต้องได้สร้างครอบครัวกับคนนี้อย่างราบรื่นได้แน่นอน
และพ่อแม่ของเราก็จะต้องมีความสุข เพราะเราเจอคนที่ดี
การคบกันของเรากับแฟน คู่เราเข้าตามตรอกออกตามประตูทุกอย่างเพราะมองว่าเป็นวัยผู้ใหญ่แล้วควรจะทำให้มันถูกต้อง
ในการขอไปเที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกแฟนของเราจึงมาขอกับแม่ของเราซึ่งพ่อแม่ของเราไม่ให้ไปและเรียกแฟนของเราไปดุ
โดยพ่อของเราบอกว่าจะไปทำให้ลูกสาวเขาเสียหาย ซึ่งเราได้นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทำให้เราไม่ได้เที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันอีก
และหลังจากนั้นครอบครัวของเรา ก็ไม่ชอบแฟนเราขึ้นมาเรื่อยๆ
แต่ความสัมพันธ์ของเรากับแฟนดีมาก ในขณะที่ที่บ้านของเราแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบเขา
เขาก็ยังดูแลเราดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะดูแลผู้หญิงได้ และมีความพยายามที่จะเข้าหาครอบครัวเรา
จนเมื่อวันสำคัญวันหนึ่ง แฟนเราเข้าไปขอขมาแม่ ในการที่เขาทำอะไรให้แม่ไม่พอใจ ไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ตาม
แม่เราไม่รับไหว้และไม่ให้อภัยในเรื่องนี้หลังจากนั้นแฟนกับแม่ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
ปัจจุบันหากเราโทรศัพท์คุยกับแฟนในบ้านเราก็จะไม่สามารถคุยได้ แม่จะตะโกนเข้ามาด่าในสายเสมอ
หรือหากเขามารับที่บ้านพ่อของเราก็จะว่าเขาว่าทำไมถึงไม่ให้เรามีเวลาให้ในครอบครัว ทั้งๆที่ใน 1 เดือนเราเจอแฟนเราน้อยมาก
เรื่องนี้ลามไปจนถึงการคุยโทรศัพท์ของเรากับเพื่อน หากเขาเห็นเราคุยโทรศัพท์เขาจะแสดงท่าทีที่ไม่พอใจทันที
ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยากให้เราเลิกกับแฟนเนื่องจากมองว่าแฟนไม่มีสัมมาคารวะ (อีกแล้ว)
ซึ่งเราเคยตั้งข้อสันนิษฐานเล่นๆว่า หากเราเลิกกับแฟนเก่าและเรามีแฟนคนใหม่อีกครั้ง
หากเขาดีและครอบครัวของเราไม่ชอบ เราจะคิดว่ามันเป็นอคติของครอบครัวของเราที่ไม่อยากให้เราคบกับใคร
ขอเล่าไปตอนที่เราอายุ 25 ปีเราเคยหนีออกจากบ้าน 1 ครั้งเนื่องจากเรามีภาวะจิตใจไม่ปกติเราอยากจะฆ่าตัวตาย
ทำให้เรารู้สึกอึดอัดจนอยู่ที่บ้านไม่ได้ เนื่องจากเราโดนบังคับทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวเล็กๆในชีวิตประจำวัน
หากเราไม่ทำตามใจเขาเราจะถูกว่าจนเราทนไม่ได้ เราจึงหนีออกมา
ปัจจุบันเรากลับมาอยู่กับครอบครัวแล้ว วันนั้นเราหนีออกไป 3-4 เดือน
เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใตของตัวเองและตั้งใจทำงานให้มากจะได้ลืมเรื่องการทำร้ายตัวเอง แต่ในปัจจุบัน
ในเวลานี้ เราเริ่มกลับมีความคิดแบบเดิมอีกแล้ว เนื่องจากตั้งแต่ที่พ่อและแม่เราบังคับให้เราเลิกกับแฟน
เขาไม่ได้บังคับแค่เรื่องแฟนแค่เรื่องเดียว เขาบังคับในเรื่องของการใช้ชีวิตทุกอย่างของเรา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงานว่าเราจะต้องปฏิบัติตัวยังไงในหน้าที่ บังคับให้เราเล่าเรื่องงานให้ฟังว่าเราบริหารงานอย่างไร
และ comment เรื่องของการบริหารงานของเราหากเราไม่เล่าก็จะว่า และเขารู้จักกับเจ้านายของเราเป็นอย่างดี
โดยให้เหตุผลว่าครอบครัวเป็นห่วง มันเลยทำให้เราเครียดมากเพราะมันทำให้พื้นที่ส่วนตัวในชีวิตของเราหายไป
รวมถึงความเป็นตัวตนของเราที่ค่อยๆหายไปเช่นกัน
และพี่ก็จะพูดเหน็บแนมในการที่เราออกไปไหนกับแฟนในแต่ละครั้ง ว่าเราไม่รู้จักการมีเวลาให้ครอบครัว
ทั้งๆที่เราให้ไปทั้งหมดเท่าที่เรามีแล้ว แต่ด้วยความที่เราทำงาน และเราเลิกค่อนข้างดึก
เราจึงกลับบ้านช้าในแต่ละวันและเหนื่อยมากกับการที่จะต้องคอยนั่งพูดกับใครแต่เราก็ยังคงต้องพูดเนื่องจากเขาบังคับให้เราพูด
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาแฟนคนนี้ขอเราแต่งงานและสร้างครอบครัวอย่างจริงจัง
เราตอบรับเขาเพราะเรารักและไม่อยากเสียเขาไป แต่ติดตรงที่เรามีปัญหากับที่บ้าน
เราจึงยังไม่สามารถแต่งงานได้ แต่เราวางแผนแอบซื้อบ้านด้วยกัน แต่ยังไม่ได้เข้าไปอยู่
กระทู้นี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่มันเป็นความอึดอัดของเราจริงๆ
เราไม่สามารถพูดกับใครได้เลย เราอยากให้เพื่อนๆ ช่วยคิดกันหน่อยว่าเราควรจะทำยังไงดีกับชีวิตของเราในตอนนี้
เรามีความคิดว่าเราอยากจะแยกบ้านอยู่เพื่อรักษาชีวิตของเราเอาไว้ เราไม่อยากทำร้ายตัวของเราเองอีก
เราไม่อยากจมดิ่งเหมือนตอนที่เราเป็นในตอนนั้นอีกแล้วค่ะ เราอยากขอชีวิตของเราคืนจากครอบครัวของเราค่ะ
เราถูกครอบครัวควบคุมและบังคับมาตลอดชีวิต จนทำร้ายตัวเอง อยากมีอิสระ ควรทำอย่างไรต่อไปดี ?
เรื่องค่อนข้างยาว เพราะกินระยะเวลาหลายปี (>10ปี ++)
ขออภัยหากยาวเกินไปนะคะ หากเพื่อนๆท่านไหนมีเวลา ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะอยากทราบมุมมองของคนที่ไม่รู้จักกัน
ขออนุญาตเล่าเรื่องก่อนค่ะ
ปัจจุบัน เราเป็นผู้หญิง อายุ 30+ ไม่ถึง 40
และด้วยความที่เราเรียนจบปริญญาตรี และจบปริญญาโทในสาขาวิชาชีพเฉพาะทาง และมีแผนจะเรียนต่อหลักสูตรพิเศษอื่นๆ
เราเลยมีความก้าวหน้าในสายงานค่อนข้างไว บวกกับมีผู้ใหญ่ให้โอกาส
ปัจจุบันนี้ เราจึงมีตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ในระดับบริหารขององค์กรหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ครอบครัวเราภาคภูมิใจมาก
ครอบครัวของเราประกอบด้วย พ่อ แม่ พี่ และเราเป็นลูกคนสุดท้อง
พ่อแม่เราเลี้ยงดูสั่งสอนเรามาดี เท่าที่ท่านจะสอนได้ เราถูกเลี้ยงมาแบบคนโบราณ โตมาด้วยไม้เรียวและต้องทำตามคำสั่งมาตั้งแต่เด็ก
แต่ครอบครัวเราดีตรงที่ ไม่เคยบังคับเราในเรื่องของการเรียนเลย ใครๆก็จะบอกว่าเราเป็นคนเรียบร้อย เรียนเก่ง และเพรียบพร้อม
ซึ่งท่านจะภูมิใจมากหากมีคนชมลูก และพูดเสมอว่าโตมาด้วยการอบรมอย่างเข้มงวดของท่าน
พ่อแม่เราท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ ลูกๆต้องอยู่ในกรอบ
พ่อเราค่อนข้างดุ แต่บางครั้งพ่อก็มีปากเสียงกับที่บ้านบ่อยๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ แต่ด้วยความเป็นโรคซึมเศร้าของพ่อเราที่เกิดขึ้นในตอนที่ท่านเกษียณ ทำให้ภาวะในจิตใจของท่านยิ่งผิดปกติมากไปใหญ่ส่งผลทำให้แม่ของเรามีภาวะเครียดซ้ำซ้อนจากการที่พ่อเป็นโรคซึมเศร้าด้วย
แม่ของเราเป็นแม่บ้านลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก
เป็นรูปแบบของผู้หญิงสมัยก่อนที่แต่งงานแล้วออกมาเลี้ยงลูก แต่ด้วยความที่พ่อเราเป็นคนเจ้าชู้มาก ทำให้ท่านมีบ้านเล็ก
ในขณะที่แม่ตั้งท้องเราอยู่และนั่นคือปมที่ทำให้แม่เราฝังใจในเรื่องของผู้ชายที่เข้ามา
**แม่เรามีความคาดหวังจากลูกสูงมาก และติดลูกมากๆ เพราะไม่มีสังคมอื่นๆรอบตัว ท่านให้เหตุผลว่าลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน
และนี่เป็นเหตุของปมของเรา**
ปัจจุบันพ่อเราไม่มีบ้านเล็กแล้วแต่แม่เราก็ยังคงฝังใจในเรื่องนี้อยู่ และทำให้แม่ของเราแยกห้องนอนกับพ่อตั้งแต่เล็กจนต้องมานอนกับเราและพี่
ในเรื่องความรัก เรามีแฟนมา 2 คน คือแฟนเก่า กับแฟนคนปัจจุบัน
แฟนเก่าเราคบมาเป็นเวลา 10+ปี ตั้งแต่เราอยู่มัธยมจนอายุ 27 แต่เขาไม่กล้าเข้ามาหาพ่อแม่เรา
เนื่องจากพ่อแม่เรากีดกันเพราะมองว่าเป็นคนที่ไม่มีสัมมาคารวะซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นคนเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง เขาขอเราแต่งงานตอนอายุ 25
แต่เราไม่ได้ตอบตกลง ต่อมาเรามีปัญหากับแฟนเก่าในเรื่องมือที่ 3 ความผิดส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะเราที่ทำงานเยอะจนไม่มีเวลาสนใจเขา
และมุ่งมั่นกับการหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เขาให้เหตุผลว่า เขาเข้ากับที่บ้านเราไม่ได้ ยังไงเราก็ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน
ซึ่งเรามีปากเสียงเรื่องนี้กันบ่อยมาก และผู้หญิงคนใหม่ตอบโจทย์ของเขามากกว่า เรื่องของเราจึงจบไป แต่ไม่ได้จบด้วยดี
ในเรื่องนี้แม่และพี่ ก็เอาแต่พูดว่าบอกแล้วว่ามันเป็นคนไม่ดี และดูดีใจมากที่เราเลิกกัน
เราเป็นโสดอยู่สักพักเราก็พบกับผู้ชายคนนึงผ่านทางออนไลน์ นั่นก็คือแฟนปัจจุบันของเรา
แฟนของเราคนนี้อายุมากกว่าเราพอสมควร เขารักเรามากตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเขาชัดเจนมาตลอด เป็นคนที่ภูมิใจมากกับการที่มีเราในชีวิต
และ ดูแลคนรอบข้างของเราเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน และเขามีแผนที่จะสร้างอนาคตกับเรา
ในตอนแรกที่เขาเข้ามา ครอบครัวเราก็ต้อนรับเขาพอสมควร ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรแต่ก็เปิดใจให้คบกันมากกว่าแฟนคนแรก
เราดีใจมากเพราะว่าเรื่องทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีและ เราคิดว่าเราจะต้องได้สร้างครอบครัวกับคนนี้อย่างราบรื่นได้แน่นอน
และพ่อแม่ของเราก็จะต้องมีความสุข เพราะเราเจอคนที่ดี
การคบกันของเรากับแฟน คู่เราเข้าตามตรอกออกตามประตูทุกอย่างเพราะมองว่าเป็นวัยผู้ใหญ่แล้วควรจะทำให้มันถูกต้อง
ในการขอไปเที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกแฟนของเราจึงมาขอกับแม่ของเราซึ่งพ่อแม่ของเราไม่ให้ไปและเรียกแฟนของเราไปดุ
โดยพ่อของเราบอกว่าจะไปทำให้ลูกสาวเขาเสียหาย ซึ่งเราได้นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทำให้เราไม่ได้เที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันอีก
และหลังจากนั้นครอบครัวของเรา ก็ไม่ชอบแฟนเราขึ้นมาเรื่อยๆ
แต่ความสัมพันธ์ของเรากับแฟนดีมาก ในขณะที่ที่บ้านของเราแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบเขา
เขาก็ยังดูแลเราดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะดูแลผู้หญิงได้ และมีความพยายามที่จะเข้าหาครอบครัวเรา
จนเมื่อวันสำคัญวันหนึ่ง แฟนเราเข้าไปขอขมาแม่ ในการที่เขาทำอะไรให้แม่ไม่พอใจ ไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ตาม
แม่เราไม่รับไหว้และไม่ให้อภัยในเรื่องนี้หลังจากนั้นแฟนกับแม่ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
ปัจจุบันหากเราโทรศัพท์คุยกับแฟนในบ้านเราก็จะไม่สามารถคุยได้ แม่จะตะโกนเข้ามาด่าในสายเสมอ
หรือหากเขามารับที่บ้านพ่อของเราก็จะว่าเขาว่าทำไมถึงไม่ให้เรามีเวลาให้ในครอบครัว ทั้งๆที่ใน 1 เดือนเราเจอแฟนเราน้อยมาก
เรื่องนี้ลามไปจนถึงการคุยโทรศัพท์ของเรากับเพื่อน หากเขาเห็นเราคุยโทรศัพท์เขาจะแสดงท่าทีที่ไม่พอใจทันที
ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยากให้เราเลิกกับแฟนเนื่องจากมองว่าแฟนไม่มีสัมมาคารวะ (อีกแล้ว)
ซึ่งเราเคยตั้งข้อสันนิษฐานเล่นๆว่า หากเราเลิกกับแฟนเก่าและเรามีแฟนคนใหม่อีกครั้ง
หากเขาดีและครอบครัวของเราไม่ชอบ เราจะคิดว่ามันเป็นอคติของครอบครัวของเราที่ไม่อยากให้เราคบกับใคร
ขอเล่าไปตอนที่เราอายุ 25 ปีเราเคยหนีออกจากบ้าน 1 ครั้งเนื่องจากเรามีภาวะจิตใจไม่ปกติเราอยากจะฆ่าตัวตาย
ทำให้เรารู้สึกอึดอัดจนอยู่ที่บ้านไม่ได้ เนื่องจากเราโดนบังคับทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวเล็กๆในชีวิตประจำวัน
หากเราไม่ทำตามใจเขาเราจะถูกว่าจนเราทนไม่ได้ เราจึงหนีออกมา
ปัจจุบันเรากลับมาอยู่กับครอบครัวแล้ว วันนั้นเราหนีออกไป 3-4 เดือน
เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใตของตัวเองและตั้งใจทำงานให้มากจะได้ลืมเรื่องการทำร้ายตัวเอง แต่ในปัจจุบัน
ในเวลานี้ เราเริ่มกลับมีความคิดแบบเดิมอีกแล้ว เนื่องจากตั้งแต่ที่พ่อและแม่เราบังคับให้เราเลิกกับแฟน
เขาไม่ได้บังคับแค่เรื่องแฟนแค่เรื่องเดียว เขาบังคับในเรื่องของการใช้ชีวิตทุกอย่างของเรา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงานว่าเราจะต้องปฏิบัติตัวยังไงในหน้าที่ บังคับให้เราเล่าเรื่องงานให้ฟังว่าเราบริหารงานอย่างไร
และ comment เรื่องของการบริหารงานของเราหากเราไม่เล่าก็จะว่า และเขารู้จักกับเจ้านายของเราเป็นอย่างดี
โดยให้เหตุผลว่าครอบครัวเป็นห่วง มันเลยทำให้เราเครียดมากเพราะมันทำให้พื้นที่ส่วนตัวในชีวิตของเราหายไป
รวมถึงความเป็นตัวตนของเราที่ค่อยๆหายไปเช่นกัน
และพี่ก็จะพูดเหน็บแนมในการที่เราออกไปไหนกับแฟนในแต่ละครั้ง ว่าเราไม่รู้จักการมีเวลาให้ครอบครัว
ทั้งๆที่เราให้ไปทั้งหมดเท่าที่เรามีแล้ว แต่ด้วยความที่เราทำงาน และเราเลิกค่อนข้างดึก
เราจึงกลับบ้านช้าในแต่ละวันและเหนื่อยมากกับการที่จะต้องคอยนั่งพูดกับใครแต่เราก็ยังคงต้องพูดเนื่องจากเขาบังคับให้เราพูด
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาแฟนคนนี้ขอเราแต่งงานและสร้างครอบครัวอย่างจริงจัง
เราตอบรับเขาเพราะเรารักและไม่อยากเสียเขาไป แต่ติดตรงที่เรามีปัญหากับที่บ้าน
เราจึงยังไม่สามารถแต่งงานได้ แต่เราวางแผนแอบซื้อบ้านด้วยกัน แต่ยังไม่ได้เข้าไปอยู่
กระทู้นี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่มันเป็นความอึดอัดของเราจริงๆ
เราไม่สามารถพูดกับใครได้เลย เราอยากให้เพื่อนๆ ช่วยคิดกันหน่อยว่าเราควรจะทำยังไงดีกับชีวิตของเราในตอนนี้
เรามีความคิดว่าเราอยากจะแยกบ้านอยู่เพื่อรักษาชีวิตของเราเอาไว้ เราไม่อยากทำร้ายตัวของเราเองอีก
เราไม่อยากจมดิ่งเหมือนตอนที่เราเป็นในตอนนั้นอีกแล้วค่ะ เราอยากขอชีวิตของเราคืนจากครอบครัวของเราค่ะ