[ตั้งวงแชร์ พาแม่เที่ยว - Tokyo & Kawaguchiko & Nikko trip] => Day 1 - Let's go to Japan

สวัสดีพี่ๆทุกท่านคร้าบ หลังจากที่ผมมาตั้งกระทู้ถามเพื่อจัดแพลนไปญี่ปุ่นบ่อยๆก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ไปเที่ยวแล้วก็กลับมาเรียบร้อยครับ เลยอยากจะเอาผลประกอบการมาส่งพี่ๆที่คอยตรวจการบ้านหรือให้คำแนะนำผมก่อนเดินทาง หรือเพื่อนๆที่กำลังวางแผนอยู่นะครับ

กระทู้ผมรูปอาจจะน้อย แล้วก็ไม่ค่อยสวยด้วย แต่จะขอชดเชยด้วยประสบการณ์หรือ Tips ที่ผมเจอระหว่างเดินทางจริงแทนละกันนะครับ 

=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!
Trip Overview
* ทริปนี้เดินทางเมื่อกลางๆเดือนมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา 3 คนแม่ลูก
* เที่ยวใน Tokyo - Kawakuchiko - Nikko
* เน้นกิน ไม่เน้น Shopping (แต่จัด Ginza Karren เพิ่มอีก 1 ใบได้ไงก่อน !!)
* ระหว่างทริปใช้ KTC Travel card & JCB Credit card & เงินสด แลกที่ Oh Rich (ทยอยๆแลก)
* ส่วน Internet ใช้ Sim2Fly 12Gb คนละ Sim กับพี่สาว (ถ้าแค่เปิด Map / อ่านรีวิว / Social Media นิดหน่อยๆ เหลือครับ ผมใช้ไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ)
* มีใช้ 2 Pass คือ Tokyo Wide Pass (ซื้อ Online และไปรับ Ticket ที่ JR East @ Narita terminal 1) & 1 Way - Keisei & 48 hr Subway Pass
* รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป (ไม่รวมค่า Shopping ส่วนตัว) 9 วัน 8 คืน 3 คน ประมาณ 23x,xxx บาท 
* เวลาคำนวณราคาของ คิดไวๆ ก็หาร 4 โล้ด
* Apps ที่ต้องมีเลยก็ต้อง Google Maps / Google Translate สำหรับแปลเมนูหรือสื่อสารกับคนท้องถิ่น ซึ่งในทริปนี้ได้ใช้แบบฉุกเฉิน 2-3 ครั้ง / สำหรับใครที่อยากจดพวกค่าใช้จ่ายระหว่างทริปก็แนะนำ Trabee Pocket
* แนะนำให้ Print แผนหรือจด Note พวกชื่อ Pass / Train station / Hotel / Landmark ออกมานะครับ สะดวกเวลาเปิด Map หรือชี้ถามทางจากคนญี่ปุ่น
* พยากรณ์อากาศ ส่วนตัวผมว่า Yahoo กับ Weathernews.jp แม่นสุด โดยเฉพาะอันหลังมีให้ดู Forecast แบบทุกๆ 5 นาทีด้วย
* สายสว.ขี้หนาวอย่างแม่ผม Item ลับ คือ ทรายร้อน ครับ มืออุ่นจนร้อนทีเดียว ถ้าเผลอโยนใส่กระเป๋าหลังใช้แล้ว ก็อย่าตกใจว่าทำไมกระเป่ามันร้อนจนจะไหม้แบบแม่ผมนะครับ ฮ่าๆๆๆ

++ เราไปเริ่มเดินทางทริปมึนๆ ที่แต่ละคนได้ฝากตำนานฮาๆ ให้คนญี่ปุ่นได้จดจำกันเลยน้าครับ (เดี๋ยวจะทยอยๆเล่าระหว่างทริปนะฮะ) ฝากทุกท่านติดตามหรือเดินทางไปด้วยกันคร้าบ ไฮ้ 

=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!

Day 1 - Let's go to Japan 

(: บ้านกระผมอยู่ฝั่งดอนเมือง แต่ต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิทำให้เช้าวันเดินทาง เสียงนาฬิกาปลุกเริ่มดังตั้งแต่เกือบๆตี 3 พวกเราตกลงกันไว้ว่าล้อหมุนออกจากบ้านไม่เกินตี 4 ซึ่งเราทำเวลากันได้ดีมาก พร้อมกันบนรถที่ 03:59 ฮ่าๆๆ

TIP: เวลาที่ต้องเดินทางเช้าตรู่ แบบเช้ามากๆๆๆ อย่างทริปนี้ ผมขอแนะนำให้ทุกคนในทริปจัดของให้เสร็จ ปิดกระเป๋าแล้วเอาขึ้นรถตั้งแต่คืนก่อนไปสนามบินครับ ส่วนพวกครีม เครื่องสำอางค์ใช้เสร็จวันเดินทางก็ให้เก็บใส่กระเป๋าแยก ส่วนจะโหลดหรือไม่อันนี้แล้วแต่ปริมาณว่าเกิน 50 ml รึป่าว ผมว่าวิธีนี้ค่อนข้างช่วยจัดสรรเวลาบ้านผมให้ไม่รื้อของจนนาทีสุดท้ายที่กำลังจะไปสนามบิน อีกอย่างไม่ต้องเสียเหงื่อยามเช้าขนของขึ้นรถให้ชุดเที่ยวเราเหนียวด้วยครับ !!

(: พอมาถึงสุวรรณภูมิปุ๊บ เดินไป Counter check-in ของ ANA ที่ Row L ก็ต้องช็อคปั๊บ แถวที่รอ Check-in คือยาวมั่กๆๆๆ แบบเลยไป Row อื่นเลย พวกเราก็เลยรีบไปต่อท้ายแถว แล้วก็ส่งตัวแทนไปด้อมๆมองๆ แถว Counter ก็ได้ความจากพี่พนง. Ground ว่าถ้า Check-in online มาแล้วสามารถมา Drop luggage ตรงอีกแถวได้เลย  ซึ่งมีคิวก่อนหน้าแค่ประมาณ 4 - 5 กลุ่มเองครับ ฉะนั้น ถ้าใครสามารถ Check-in online ได้ ทำเถอะครับ แล้วเอาเวลาที่เหลือไปเดินชิลล์ที่ Duty free ดีกว่า
(: ตัดภาพมาที่เกทกันดีกว่าคับ เราเลือกเดินทางกับ ANA  
Flight NH806 : BKK - Narita โดย Boarding time ก็คือ 6:30 AM Departure time คือ 07:10 AM แต่กว่าจะ Taxi จริงๆ แอบ Delay นิดหน่อย
ตัวเคบิน เก้าอี้กว้าง สะอาดถูกใจ มี Flight attendant คนไทย (แต่บริการอีกฝั่ง T.T) อาหารโอเค เครื่องดื่มไม่อั้น ถ้าจะติอย่างเดียว คือ แอร์ไม่เย็น แต่ในตัวเครื่องไม่ถึงกับร้อน !!
ส่วนตั๋วเครื่องบินผมจองช่วงเดือน 10 ปี 2023 ได้มาที่ 68,xxx THB สำหรับ 3 คนนะครับ โดยเป็นราคาตั๋ว บวกค่าจองที่นั่ง 2 ที่ และจ่ายผ่านบัตรกรุงศรีได้ Cash back 1,000 THB หรือตกแล้วคนละประมาณ 22,xxx THB ต่อคน ซึ่งผมถือว่าคุ้มมากกับบริการที่ได้รับ (โดยเฉพาะขากลับที่คุณแม่ผมไม่สบาย อาหารเป็นพิษ ไว้จะมาเล่าตอน Ep. วันกลับนะครับ)

(: ตอนจองตั๋ว ผมได้เพิ่มเงินจองที่นั่งฝั่งซ้าย เพราะเห็นจากหลายๆกระทู้บอกว่า ถ้าอากาศดีเราจะเห็นคุณฟูจิมาต้อนรับตั้งแต่บนเครื่อง 
แต่ตอนจองที่นั่ง ดันลืมมองว่ามันติดปีก !!! ผมเลยทำใจว่า ไม่เห็นคุณฟูจิก็ไม่เป็นไรเน๊าะ (แต่นอยด์ไปแล้วว่ากรูเสียเงินเพิ่มเพื่อ ?!?)
(: แต่พอเครื่องใกล้จะถึง Narita น่าจะอีกประมาณ 30 นาทีได้ Captain is speaking again คับ
ให้ Passenger มองไปด้านซ้าย คุณฟูจิมารอเวลคัม ทู JAPAN อยู่ โย้วๆๆๆ 
รู้สึกได้ถึงคลื่นความตื่นเต้นของทุกคนบนเครื่องเลยครับ โดยเฉพาะแม่ผม จากที่นั่งหลับ กลายเป็นคุณหญิงตื่นเต็มตาเลย 555
(: จากนั้นก็ Landing ที่ Narita เรียบร้อย ก็ผ่านด้านตม.และศุลกากร 
สำหรับผมได้ลงทะเบียน Visit Japan มาแต่ตรงตม.ก็เข้าแถวรวมกับคนที่เขียนใบตม.ปกตินะครับ ไม่ได้เร็วหรือมีช่องพิเศษอะไร รวมๆใช้เวลาตรงนี้ค่อนข้างนานอยู่เกือบๆ ชั่วโมง 

(: หลังรับกระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลาเปิดประสบการณ์การเดินทางเข้าเมืองโตเกียวกันล้าว เครื่องลงประมาณบ่าย 2 กว่าๆ ผ่านตม.ออกมาบ่าย 3 กว่าๆ ที่  "JR East Counter" โล่งมากถึงมากที่สุด ผมใช้เวลารับตั๋วที่ซื้อและจอง Online มาไม่ถึง 15 นาที วันที่ไปผมลองสุ่มถามว่ามี Suica ขายมั้ย สรุปผมได้มาจากที่สนามบิน 3 ใบครบถ้วนเลยครับ แต่ที่ "Keisei" กลายเป็นว่า คนล้นมากๆๆๆๆๆ ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงที่นี้ ยังไงถ้าใครจองรอบรถไฟมาล่วงหน้า เผื่อเวลากันดีดีนะครับ !!

TIP: ทั้ง 2 Counter จะอยู่ติดกัน ถ้าฝั่งไหนแถวยาวมากและไปกันหลายคน แนะนำให้ส่งคนไปต่อแถวเอาคิวล่วงหน้านะครับ และอีก 1 อย่างที่เจอ คือ การห้ามนำรถเข็นติดตัวไปด้วยตอนต่อแถว ถ้าคุณเข็นเข้าไป จนท.จะมาบอกให้เข็นออกไปจากแถว 

(: ผมจะนั่ง Keisei Sky Access สายสีส้มไปลงที่สถานี Asakusabashi ครับ เข้าใจว่าบางขบวนเท่านั้นที่จะตรงไป Haneda เราจึงจะสามารถนั่งยาวๆ แบบนี้ได้ อย่าลืมตรวจสอบเที่ยวรถไฟก่อนขึ้นน้าครับทุกคน โดยวิธีชำระค่าโดยสารก็ผ่านบัตร IC Suica โล้ดดดดดด โดยตัวรถไฟสายนี้จะเหมือนกับรถไฟในเมืองที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน ไม่มีที่เก็บกระเป๋า ก็ดูแลข้าวของกันดีๆ ไม่ให้รบกวนผู้อื่นกันนะฮะ แล้วอย่าลืมเสพย์วิวระหว่างทางนะครับ มันแปลกตาแล้วก็ชวนตื่นเต้น ขนลุกว่าเราถึงญี่ปุ่นล้าวว แล้วยิ่งตื่นเต้นไปอีกเวลาเห็นบ้านเมือง เห็นป้ายร้านที่เห็นบ่อยๆจากคลิปหรือจากใน TV
ซึ่งจาก Narita Terminal 1 ตู้ที่ผมนั่งก็คือเต็มทุกพื้นที่จริงๆ ทั้งคนทั้งกระเป๋า แต่ความสามารถในการขึ้นลงรถไฟของคนญี่ปุ่นนี่สุดจริงๆ พอ Terminal 2 คือ เข้ามากันได้อีกเยอะทีเดียว 5555 เวลาลงก็พริ้วมั่ก ๆๆๆๆ
 
Tip: ให้นั่งใกล้ๆประตูทางออกรถไฟ เวลาออกจะได้ไม่ต้องเดินผ่านผู้คนมากนัก แต่ถ้าต้องผ่านคนอื่น ผมเห็นนักท่องเที่ยวท่านอื่นอาจจะสะกิดเบาๆ คนตรงหน้าแล้ว Excuse me ขอทางออกครับ

(: จนในที่สุด ก็มาถึง Asakusabashi station ในหาทางออก A1 นะครับจะเป็นลิฟต์ คุณป้าที่ดูแลสถานีใจดีมาก พอเห็นพวกเราขนกระเป๋าก็มาชี้บอกทางให้ไปทางนี้ ทางนี้มีลิฟต์ ใจฟูมั่กๆ ผมพักที่ Toyoko Inn Akiba Asakusabashi ก็เดินไปอีกประมาณ 5 นาที ระหว่างทางก็จะผ่านพวกร้านอาหาร 7/11 หรือ Family mart ซึ่งมีเยอะมั่กๆ ก็หมายตามื้อเย็นกันไว้ฮะ และนี้คือ มื้อแรกของเรา
(: ก่อนจะพักผ่อน ขอออกไปเดินเล่น สำรวจบริเวณโรงแรมกันฮะ
เจอร้านขนมปลา Taiyaki อ่านรีวิวแล้ว ได้ดาวเยอะอยู่ ก็ส่งพี่สาวไปซื้อเล้ยยย วันนี้จัดไส้ถั่วแดงกันครับ จริงๆจัด Strawberry มาอีก 1 กล่องแต่กินกันเพลิน ไม่มีใครหยิบกล้องมาถ่ายเลย 
เป็นอันจบวันแรกของการเดินทางครับ 
วันถัดไปเรามีแพลนไปย้อนวัยกันที่ Fujiko F Museum 
ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะฮะ และขอขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เคยแนะนำหรือตอบคำถามของผมจนทริปนี้ของครอบครัวผม ฟิน กันมากครับ
=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!=!
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่