สวัสดีครับ .... กลับมาอีกครั้ง หลังไม่ได้เขียน Blog ท่องเที่ยวมานานแสนนาน เนื่องจากไม่ค่อยได้ไปที่ใหม่ๆ เลย แต่คราวนี้ถึงเวลา ออกเดินทาง แล้ว
หมายเหตุ รูปไม่สวย เพราะถ่ายเองเกือบทั้งหมด มีที่เป็นรูป โรงแรม ที่ไม่ได้ถ่ายไว้ เอาภาพจากอากู๋ มาใส่ๆ ตัวอักษรเอา ยังไงทนๆ ดูกันไปก่อน 555+
วันที่ไป : 12 - 16 กุมภาพันธ์ 2568
ค่าใช้จ่าย : คนละ 50,000 - 60,000 บาท รวมทั้งหมด ทั้งค่าเครื่อง ค่าที่พัก ค่าเช่ารถ และค่ากิน
การเดินทาง
ขาไป : สายการบิน Air Japan ค่อนข้างดีนะ กว้างขวาง ไม่เรื่องเยอะ
ขากลับ : สายการบิน ZipAir ทันสมัยหน่อย แต่กฏระเบียบเกี่ยวกับกระเป๋า Carry On ค่อนข้างเข้มงวด ยังไงดูรายละเอียดก่อนเดินทาง หรือก่อนกลับจะดีจ๊ะ
*** เราจ่ายบริการเพื่อจองที่นั่งไปเลยได้นั่งที่ดีหน่อย ยืดขายืดแข้งได้หน่อย
รถเช่า
Toyota Aqua Hybrid 5 ที่นั่ง พับเบาะหลัง วางกระเป๋าได้เยอะเลย พร้อมกับยางหิมะ และ ETC Card แนะนำซื้อไปให้หมดนะ เพราะจำเป็น
ประกัน
ซมปะ ประกันภัย ซื้อจาก Heygoody.com
วางแผนเที่ยวทั้งหมด ------- ChatGPT บอกเลยว่ายอดเยี่ยมมาก 555 ใครจะดู Prompt ทักมาโลด
.... ไปจ๊ะ ...
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ (เดินทาง กรุงเทพ - โตเกียว - นิกโกะ)
วันแรกเป็นวันเดินทาง ออกเดินทาง 00:15 ไปถึงราว 8:00 ที่ สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น พอเอากระเป๋าเสร็จก็ไปรับรถ เราให้เค้าเอารถมาส่งที่สนามบินนาริตะ
หมายเหตุตัวโตๆ ถ้าเป็นบริการเช่ารถของ Toyota Rent a car หรือ Nissan Rent a car จะมี counter โทรไปหาเค้า แจ้ง booking ได้เลย แต่ของเรา จองผ่าน KLOOK ได้ JDM จะต้องแอดไลน์ (ส่งมาในเมล์) พอถึงแล้วทักหาเค้าเลย เค้าจะพานั่งไปประมาณ 15 - 20 นาที จากสนามบิน ใช้เอกสาร ใบขับขี่สากล กับ Passport
และนี่คือพาหนะของเรา เจ้า "TOYOTA AQUA Hybrid" ราคาเช่า 3 วัน ประมาณ 8 พันกว่าบาท รวมประกัน ยางหิมะ และค่าเช่าบัตร ETC เพื่อขึ้นทางด่วน พอรับรถ เช็คโน่นนี่เสร็จ ก็เดินทางได้เลย
โดยที่แรก เราจะเดินทางไปเมืองชื่อ "นิกโกะ" ขับจากโตเกียวไปประมาณ 3 ชั่วโมง นิดๆ ถ้าไม่ซิ่งมาก
ระหว่างทางหิวก็หาแวะกินตามปั๊ม อาหารอร่อยเกือบทุกปั๊มที่แวะ ส่วนเราปวดฉิ๊งฉ่อง เลยแวะเซเว่น ที่นั่นมีห้องน้ำในเว่นด้วย ก็แวะซื้อของกิน และก็พักรถไปด้วย
ระหว่างทางไป นิกโกะ จะเป็นถนนออกแนวขึ้นเขาหน่อย โดยเมืองนิกโกะ จะอยู่ใกล้กับภูเขาหิมะ เพราะงั้น จำเป็นต้องใช้ยางหิมะเด้อ เค้าจะมีป้ายเตือนตลอดทางว่าให้ใช้ยางแบบนี้ไม่งั้นจะอันตราย
สำหรับคนที่ขับรถไม่แข็งมาก ก็อย่าซิ่งนะ ทางขึ้นเขา สลับซับซ้อนอยู่นะ ที่แรกที่จะไปคือ "Akechedaira Ropeway" เป็นรถกระเช้าเล็กๆ ขึ้นไปบนเขาให้เห็นภาพกว้างของ นิกโกะ
วันที่ไป ค่อนข้างเงียบ มีครอบครัวเดียว กับเรา ราคาขึ้นกระเช้าคนละ 600 เยน (134 บาท โดยประมาณ) เส้นทางขึ้นสูงเล็กน้อย แต่ไม่น่ากลัว ขนาดเรากลัวความสูงยังขึ้นได้ เพราะงั้น ไปถึงแล้ว ก็ลุยยย
วิวที่เห็นก็จะแบบนี้เลย เป็นทิวเขาหิมะ สวยงาม มองเห็นน้ำตกเคงง (Kegon Fall) และ ทะเลสาปชูเซ็นจิ (Chezenji Lake) ไกลๆ แต่อยู่อีกด้านนะ ขึ้นไปข้างบนแล้วจะเห็นเอง 555+
วิวถ่ายจากกระเช้าก็จะประมาณนี้ ตัวกระเช้าค่อนข้างแข็งแรงเลย ไม่ต้องห่วง ^ ^
หลังจากลงกระเช้า เราก็ขับรถไปต่อยัง น้ำตกเคงง ขับต่อไปจาก Akechedaira ไม่ถึง 10 นาที โดย น้ำตกเป็นน้ำตกที่โด่งดังมาก ตั้งอยู่ที่ทะเลสาปชูเซ็นจิ ติดอันดับน้ำตกที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยนะ
ตอนเราไป จะเป็นฤดูหนาว เพราะงั้นน้ำตกจะเป็นน้ำแข็งเกือบหมดเลยให้ความสวยอีกแบบ แต่ถ้าไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเห็นต้นไม้สวยงาม แนะนำให้ลงลิฟท์ไปดูน้ำตกด้านล่าง มีค่าใช้จ่ายคนละ 570 เยน (ประมาณ 127 บาท) เพื่อให้ได้ภาพใกล้กับน้ำตกมากสุดๆ
หลังจากนั้นเราก็จะไปดูทะเลสาปชูเซ็นจิ อยู่ใกล้ๆ กับน้ำตก เคงง ซึ่งถ้าไปฤดูอื่น ที่ไม่ใช่ฤดูหนาว สามารถถีบเรือเป็ดที่ทะเลสาปได้ด้วยนะ
หลังจากเดินแรดๆ แถวนั้นได้ไม่นาน เพราะหนาวมาก ลมแรงงง เราก็กลับไปพักที่โรงแรม NIKKO STATION ตามภาพ โรงแรมดีนะ สมัยใหม่ ไม่น่ากลัวใกล้กับสถานีรถไฟ ใครไปด้วยรถไฟ ก็เดินไปได้เลย ส่วนถ้าขับรถไป มีที่จอดรถให้ใกล้ๆ
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ (เที่ยววัดในนิกโกะ - เดินทางไปทะเลสาป คาวางูจิโกะ ไปดูฟูจิ)
ด้วยความที่นิกโกะเป็นเมืองที่มีสถานที่มรดกโลกอยู่ เราเลยต้องแวะไปชม สถานที่แรกที่จะไปคือ "สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)" สะพานแดงอันโด่งดังของนิกโกะ ที่เมื่อก่อนใช้เป็นที่สัญจรของขุนนางในสมัยนั้น ปัจจุบัน เราสามารถจ่ายเงินเพื่อเดินขึ้นไปบนสะพานได้ แต่เราไม่ได้จ่าย เพราะแค่ถ่ายภาพก็สวยงามพอแล้วว
โดยบริเวณนั้นจะเป็นที่ตั้งของวัด และศาลเจ้าที่สำคัญๆ ของเมืองนิกโกะ ที่ได้รับรองโดยองค์กร ยูเนสโก้ ให้เป็น World Heritage ซึ่งแนะนำให้ไปเดินดูจะพบสถานที่สวยๆ ทั้งในมุมของสถานที่ และวัฒนธรรมมากมายเลยนะ
ถ้าจะเก็บให้ครบ เราแนะนำว่าควรเผื่อเวลาไว้สัก 3 ชั่วโมง เผื่อเดิน และอ่านประวัติต่างๆ ของมรดกโลกชิ้นนี้ เราจำไม่ได้ทั้งหมด แต่อยากให้ลองไปกัน
หลังจากเดินชมวัด และศาลเจ้าเสร็จ เราก็ตีรถไปจังหวัด ยามานิชิ เพื่อไปสถานที่ สุดฮิตอย่าง Lake Kawaguchiko และไปดู ภูเขาไฟฟูจิ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ในการขับรถไป
วันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส ได้เห็นน้องฟูจิแบบเต็มๆ ไม่มีอะไรมาบดบัง เราไปที่นี่มา 3 ครั้ง อดเห็นน้องไป 1 ครั้ง เพราะฝนตก แต่คราวนี้ไม่พลาด 555+
ที่ทะเลสาปคนค่อนข้างเยอะ ยังไงก็อดทนหน่อยเพื่อให้ได้รูปสวยๆ กันนะ
คืนนี้เราไม่ได้นอนที่ คาวา เพราะคนเยอะ เราเลยเลือกมาที่ ทะเลสาปยามานะกะ (Yamanaka Lake) ที่อยู่ห่างมา 30 นาที แต่ยังคงได้เห็นวิว ฟูจิซัง แบบชัดเจนอยู่ดีนะ เพราะน้องใหญ่โตมาก โดยโรงแรมที่เรานอนคืนนี้ชื่อ "Fuji Matsuzono Hotel" เป็นโรงแรมที่วิวดีจัดเลย ด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ด้านหน้าเป็นทะเลสาปยามานะกะ
ซึ่งโรงแรมนี้มี ออนเซ็นให้แช่ด้วย มีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor บอกเลยว่าฟินนน
ตอนที่เรามาถึงโรงแรมค่อนข้างมืดแล้ว เลยได้ภาพด้านล่างมา ด้วยความที่เป็นวันพระจันทร์สวยพอดี โชคดีของเรา
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ (เดินทางออกจากยามานาชิ ไปเยือนบ้านเกิดชินจังที่คาซึคาเบะ)
วันนี้จริงๆ เรามีแผนจะไป Mt. Fuji Panorama Ropeway กระเช้าดูวิวฟูจิ ที่ทะเลสาปคาวางูจิโกะ แต่คนเยอะมาก เลยขอบาย ไปต่อที่เจดีย์แดง ชูไรโตะ แทน
ขับออกมา 20 นาที ก็ถึงเจดีย์แดงอันเลื่องชื่อ ... คนเยอะตามเคย แต่ก็ยังโชคดีที่เห็นวิวฟูจิแบบเต็มตาแบบนี้
หลังจากดูวิวเสร็จ เราก็เดินทางเข้าเมือง โดยก่อนไป Tokyo เรา ในฐานะแฟน ชินจัง เลยขอไปแวะบ้านเกิดน้อน ที่เมืองคาซึคาเบะ ขับรถจากจังหวัดยามานาชิประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึง
คาซึคาเบะเป็นเมืองน่ารักๆ ใกล้กับโตเกียว น่าจะห่างประมาณ 1 ชั่วโมง ได้ เราตามรอยมาจากเพจของน้องพลอย Pikaploy โดยกิจกรรมที่นี่จะเป็นการเก็บ Stamp ของน้องที่จะหลอกล่อ ให้เราเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะพาไปพิพิธภัณฑ์ ศูนย์ราชการ สถานีรถไฟ โดยเราไปถึงค่อนข้างเย็นแล้ว กลัวส่งรถไม่ทัน เลยได้มาแค่ 3 Stamp โดยในเมืองจะมีร้านขายของที่เกี่ยวกับชินจังอยู่ด้วย ใครเป็นแฟนก็ไปหาซื้อกันได้ อย่างที่ห้าง LaLa Garden เป็นต้น
*** หมายเหตุ ที่สถานีรถไฟคาซึคาเบะ ช่วงรถไฟมาถึง จะมีเพลงจิงเกิ้ลขึ้นมา จะเป็นเพลงชินจังด้วยนะ สุโค่ย สุดๆ เสียดายเราถ่ายไว้ไม่ทัน แต่ก็ได้ยินน่ารักมากก
หลังจากนี้เราจะเข้าโตเกียวซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการช้อปปิ้งเลยไม่ได้เอาภาพมาให้ดู โดยทั้ง 2 คืน ที่เหลือเรานอนที่โรงแรม "Vessel Inn Asakusa" เป็นอีกโรงแรมที่ดีมากเลย ถึงจะไม่ได้ใกล้สถานีรถไฟมาก แต่เดินไปไม่ถึง 10 นาที เองง
เอาล่ะ ที่เหลือจะเป็นภาพของกิน และเรามีโอกาสไปแวะ Tower Records ไปซื้อแผ่น ไวนิล ของวงดนตรีที่เราชอบ "LINKIN Park" ด้วย ตามหามาเนิ่นนาน
สรุป
- เป็นทริปที่ขับรถแอบเหนื่อยนะ แต่วางแผนให้ขับเป็นวงกลม แวะพักบ้างก็พอขับได้
- นิกโกะสวยมาก อยากให้ลองไป ถึงเป็นเมืองเงียบๆ แต่ก็มีเสน่ห์ และต้องไปลอง ฟูบะ หรือฟองเต้าหู้นะ อร่อยมาก
- อากาศหนาว เตรียมเสื้อไปดีๆ ล่ะ
- - จบแล้ว - -
[CR] จี้ปุ่ง...หน๊าว หนาว Nikko - Kawaguchiko - Kasukabe - Tokyo แบบ 5 วัน 4 คืน
สวัสดีครับ .... กลับมาอีกครั้ง หลังไม่ได้เขียน Blog ท่องเที่ยวมานานแสนนาน เนื่องจากไม่ค่อยได้ไปที่ใหม่ๆ เลย แต่คราวนี้ถึงเวลา ออกเดินทาง แล้ว
หมายเหตุ รูปไม่สวย เพราะถ่ายเองเกือบทั้งหมด มีที่เป็นรูป โรงแรม ที่ไม่ได้ถ่ายไว้ เอาภาพจากอากู๋ มาใส่ๆ ตัวอักษรเอา ยังไงทนๆ ดูกันไปก่อน 555+
วันที่ไป : 12 - 16 กุมภาพันธ์ 2568
ค่าใช้จ่าย : คนละ 50,000 - 60,000 บาท รวมทั้งหมด ทั้งค่าเครื่อง ค่าที่พัก ค่าเช่ารถ และค่ากิน
การเดินทาง
ขาไป : สายการบิน Air Japan ค่อนข้างดีนะ กว้างขวาง ไม่เรื่องเยอะ
ขากลับ : สายการบิน ZipAir ทันสมัยหน่อย แต่กฏระเบียบเกี่ยวกับกระเป๋า Carry On ค่อนข้างเข้มงวด ยังไงดูรายละเอียดก่อนเดินทาง หรือก่อนกลับจะดีจ๊ะ
*** เราจ่ายบริการเพื่อจองที่นั่งไปเลยได้นั่งที่ดีหน่อย ยืดขายืดแข้งได้หน่อย
รถเช่า
Toyota Aqua Hybrid 5 ที่นั่ง พับเบาะหลัง วางกระเป๋าได้เยอะเลย พร้อมกับยางหิมะ และ ETC Card แนะนำซื้อไปให้หมดนะ เพราะจำเป็น
ประกัน
ซมปะ ประกันภัย ซื้อจาก Heygoody.com
วางแผนเที่ยวทั้งหมด ------- ChatGPT บอกเลยว่ายอดเยี่ยมมาก 555 ใครจะดู Prompt ทักมาโลด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น