“ชลธิชา-ก้าวไกล” จี้รัฐบาลตื่นตัวชี้แจงกรณี “เมียนมา”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_701584/
“ชลธิชา-ก้าวไกล” จี้รัฐบาลตื่นตัวชี้แจงกรณี “เมียนมา”ชี้ต้องมีท่าทีทางการเมืองที่สมดุล ต้องมีความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย
นางสาว
ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคก้าวไกล และกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ของรัฐบาล
เศรษฐา ทวีสิน ต่อกรณีรัฐบาลทหารเมียนมาขอใช้สนามบินแม่สอด จ.ตาก เพื่อลงจอดเครื่องบินของกองทัพ เมื่อวันที่ (7 เม.ย. 67) โดยไม่มีคำชี้แจงใด ๆ ออกมาจากปากรัฐบาลและกองทัพไทยเลย ประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาล ต่างต้องพยายามค้นหาข้อเท็จจริงและประเมินความเสี่ยงกันเอง มีเพียงการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ
ซึ่งอ้างแหล่งข่าวจากเนปิดอว์ว่า เครื่องบินเมียนมาลำนี้ บินมาเพื่อขนเงินและทรัพย์สินจากธนาคารเมียวดีกลับไปเมียนมา และจะไม่มีเครื่องบินใดเข้ามาเพิ่มเติมอีก ในขณะที่รัฐบาลกลุ่มชาติพันธุ์ก็กังวลว่า หากปฏิบัติการตามแผนการของรัฐบาลเมียนมา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เสร็จสิ้นแล้ว กองทัพเมียนมาอาจใช้ยุทธการสละเมียวดี คือทิ้งระเบิดปูพรมโดยไม่แยกแยะระหว่างพลเรือนหรือผู้ถืออาวุธ ดังเช่นที่เคยกระทำกับเมืองลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐกะเรนนีมาแล้ว
ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนคนไทยในพื้นที่ต่างกังวลต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น แทนที่เราจะเห็นคำชี้แจงที่มีรายละเอียดที่ชัดเจนจากรัฐบาล
เศรษฐา ทวีสิน แต่กลับมีเพียงคำชี้แจงสั้น ๆ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นการขอนำเครื่องบินพลเรือนมาขนของพลเรือน ไม่ใช่ขนอาวุธ ขนกำลังทหาร หรือการขอลี้ภัย แต่เป็นการขอทางการทูตเพื่อมาขนย้ายสิ่งของทางการทูตเท่านั้น
หลังจากนั้น เมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็ได้แถลงข่าวความยาวเพียง 2 นาทีกว่า ซึ่งไม่ได้ให้ความกระจ่างใด ๆ เลยว่า เครื่องบินจากเมียนมาขนอะไรและมาขนใคร รัฐบาลไทยทำอะไรอยู่ และประชาชนคนไทยจะได้รับประโยชน์หรือได้รับผลกระทบอย่างไรจากเรื่องนี้ และที่น่าผิดหวังคือในการแถลงรอบนี้ เราไม่เห็นการแถลงเตือนประชาชนในพื้นที่ชายแดนว่าจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร หากสถานการณ์การสู้รบชายแดนเมียนมารุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์การอพยพหนีภัยสงคราม
ซึ่งตอนนี้มีผู้อพยพชาวเมียนมาในพื้นที่เมียวดีได้ยึดแนวริมฝั่งน้ำเมยเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว เพื่อเตรียมพร้อมที่จะข้ามมาในฝั่งไทยทางแม่สอด หากกองทัพเมียนมาเริ่มปฏิบัติการทางทหาร ทิ้งระเบิดใส่ชุมชนอย่างไม่เลือกหน้าอีก
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ คนทั่วโลกต่างกำลังตื่นตัวและติดตามอย่างใกล้ชิด ณ จุดนี้ รัฐบาลไทยต้องตื่น ออกมาชี้แจงว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับกองทัพเมียนมาอยู่ในระดับใด มีมาตรฐานปฏิบัติอย่างไร จากกระแสรายงานข่าวที่ว่ามีการขนทรัพย์สินเงินทองกลับไปนั้นจริงหรือไม่ เงินเหล่านี้เป็นเงินของใคร เงินได้มาจากไหน ขนเงินเข้ามาในสถานะอะไร การอนุญาตให้ขนเงินจำนวนมากมายขนาดนั้นเข้ามาในไทยได้เป็นไปตามกระบวนการและกฎหมายภายในประเทศแล้วใช่หรือไม่
สส.ก้าวไกลกล่าวต่อว่า จากกระแสข่าวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเชลยศึกหรือพลเรือนกลับเมียนมา หรือการเคลื่อนย้ายเงินทองทรัพย์สินจากต่างแดน ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการต่อไปนี้เพื่อรับมือสถานการณ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้เกิดความชัดเจน
(1) รัฐบาลต้องมีความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วน เพราะการสื่อสารของคนในรัฐบาลที่ไม่ตรงกัน นำมาซึ่งความสับสน ประชาชนไม่เชื่อมั่น
(2) รัฐบาลต้องมีท่าทีทางการเมืองที่สมดุล ที่ผ่านมารัฐบาลถูกตั้งคำถามว่าได้ปฏิบัติต่อสองฝ่าย คือฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมาและฝ่ายต่อต้าน อย่างเท่าเทียมด้วยมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ เรื่องนี้มีความสำคัญมากต่อบทบาทของไทยในฐานะประเทศตัวกลาง โดยวิธีหนึ่งที่จะรับมือเรื่องนี้ได้คือการชี้แจงแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ หรือ SOP (Standard Operating Procedure) ที่จัดทำโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีการชี้แจงต่อสาธารณะ
ตนเกรงว่าหากไทยวางตัวผิดพลาด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนรัฐบาลเมียนมาในการสู้รบนี้ เช่น นำกำลังทหารออกจากพื้นที่เพื่อให้กลับมารบใหม่ หรือขนทรัพย์สินสิ่งของที่อาจถูกนำมาใช้เพื่อการทำสงครามอีก หรือเปิดทางเพื่อให้กองทัพเมียนมาสามารถถล่มเมียวดีได้โดยสะดวก ผลกระทบก็จะตกอยู่กับประชาชนไทย โดยเฉพาะประชาชนบริเวณชายแดน และอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัฐบาลเมียนมาในอนาคต
(3) รัฐบาลต้องมีบทบาทเชิงรุกต่อสถานการณ์ในเมียนมาได้แล้ว แทนที่จะนิ่งเงียบ รัฐบาลเศรษฐาต้องออกมาคุยกันอย่างคนโต ๆ ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป และตอนนี้ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์การอพยพหนีภัยสงครามแล้วหรือยัง
การรับมือนั้นคงไม่ใช่การเฝ้าระวังไม่ให้คนข้ามแดนมา แต่จะต้องเป็นการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คนได้หนีร้อนมาพึ่งเย็น ใช้หลักมนุษยธรรมกับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นข้าราชการเมียนมาหรือประชาชนริมขอบแดน หากไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้ให้รอบคอบ ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณสุขชายแดนที่ล้มเหลวในการควบคุมโรคติดต่ออย่างมาลาเรีย วัณโรค และโรคท้องร่วง ผลกระทบด้านการจัดสรรทรัพยากรชายแดน และภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลก
ทั้งนี้ ตนต้องย้ำว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในระยะยาว ลำพังการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แม้จำเป็นแต่ไม่เพียงพอ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ เช่น รัฐบาลไทยต้องมีบทบาทนำในกระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมา โดยยึดมั่นคุณค่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และกระบวนการยุติธรรม
ผู้มีอำนาจจ้องทำลาย ก้าวไกลในวันที่ไม่เคยกลัว(ยุบพรรค) อุดมการณ์แรงกล้าเปลี่ยนแปลงประเทศ
https://www.matichon.co.th/clips/news_4516273
รายงานพิเศษ ก้าวไกลในวันที่ไม่เคยกลัว (ยุบพรรค) ฝ่ามรสุมทางการเมือง กับอนาคตทางการเมือง เสี่ยงคดียุบพรรค แม้ว่าไม่มีวี่แววจะได้เห็นฟ้าหลังฝน แต่ทุกคนยืนหยัดด้วยอุดมการณ์ที่แรงกล้า ต่อสู้ในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งต้องการพิสูจน์ว่ามาถูกทาง และต้องเดินไปให้ถึงฝัน ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
น้ำมันดิบตลาดโลก ลดลงเล็กน้อย 48 เซนต์ ขณะที่ราคาทองคำยังนิวไฮ ขึ้นอีก 5.60 ดอลล์
https://ch3plus.com/news/economy/morning/394995
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ปิดลบในวันจันทร์ (8 เม.ย.) โดย น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 86.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ลดลง 79 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 90.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่ากองทัพอิสราเอล ได้ลดจำนวนทหารที่ประจำการในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา และเริ่มเจรจาหยุดยิงรอบใหม่กับกลุ่มฮามาส ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่ออุปทานน้ำมันในตลาด
ด้าน
จิโอวานี สตอโนโว นักวิเคราะห์ของธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลได้ลดจำนวนทหารที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา รวมทั้งข่าวที่ว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เริ่มเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งการตัดสินใจของอิสราเอลมีแนวโน้มที่จะทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์บรรเทาลง และส่งผลให้ราคาน้ำมันชะลอตัวลง
นอกจากนี้
สตอโนโว กล่าวว่า ราคาน้ำมันยังอ่อนแรงลง เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของอิหร่านอย่างใกล้ชิด หลังจากอิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศว่าจะล้างแค้นอิสราเอล หลังจากอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านในซีเรียเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ซึ่งรวมถึงนายโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั้งจากสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐซึ่งเป็น 2 ประเทศที่ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธที่ 10 เม.ย. และจีนจะเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนมี.ค.ในวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย.
ขณะที่ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดบวกในวันจันทร์ (8 เม.ย.) โดยสัญญาทองคำยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับข่าวธนาคารกลางหลายแห่ง เข้าซื้อทองคำ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ หรือ +0.24% ปิดที่ 2,351.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ธนาคารกลางจีนได้ซื้อทองคำเพิ่มอีก 160,000 ออนซ์ เข้าสู่ระบบทุนสำรองในเดือนมีนาคม ขณะที่ธนาคารกลางตุรกี อินเดีย คาซัคสถาน และอีกหลายประเทศในยุโรปตะวันออก ได้เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในปีนี้เช่นกัน
JJNY : “ชลธิชา-ก้าวไกล”จี้รบ.ตื่นตัว│ก้าวไกลในวันที่ไม่เคยกลัว│น้ำมันโลกลดลง ทองคำยังนิวไฮ│ร้อนสุดเดือนที่ 10ด.ติดต่อกัน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_701584/
“ชลธิชา-ก้าวไกล” จี้รัฐบาลตื่นตัวชี้แจงกรณี “เมียนมา”ชี้ต้องมีท่าทีทางการเมืองที่สมดุล ต้องมีความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย
นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคก้าวไกล และกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อกรณีรัฐบาลทหารเมียนมาขอใช้สนามบินแม่สอด จ.ตาก เพื่อลงจอดเครื่องบินของกองทัพ เมื่อวันที่ (7 เม.ย. 67) โดยไม่มีคำชี้แจงใด ๆ ออกมาจากปากรัฐบาลและกองทัพไทยเลย ประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาล ต่างต้องพยายามค้นหาข้อเท็จจริงและประเมินความเสี่ยงกันเอง มีเพียงการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ
ซึ่งอ้างแหล่งข่าวจากเนปิดอว์ว่า เครื่องบินเมียนมาลำนี้ บินมาเพื่อขนเงินและทรัพย์สินจากธนาคารเมียวดีกลับไปเมียนมา และจะไม่มีเครื่องบินใดเข้ามาเพิ่มเติมอีก ในขณะที่รัฐบาลกลุ่มชาติพันธุ์ก็กังวลว่า หากปฏิบัติการตามแผนการของรัฐบาลเมียนมา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เสร็จสิ้นแล้ว กองทัพเมียนมาอาจใช้ยุทธการสละเมียวดี คือทิ้งระเบิดปูพรมโดยไม่แยกแยะระหว่างพลเรือนหรือผู้ถืออาวุธ ดังเช่นที่เคยกระทำกับเมืองลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐกะเรนนีมาแล้ว
ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนคนไทยในพื้นที่ต่างกังวลต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น แทนที่เราจะเห็นคำชี้แจงที่มีรายละเอียดที่ชัดเจนจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แต่กลับมีเพียงคำชี้แจงสั้น ๆ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นการขอนำเครื่องบินพลเรือนมาขนของพลเรือน ไม่ใช่ขนอาวุธ ขนกำลังทหาร หรือการขอลี้ภัย แต่เป็นการขอทางการทูตเพื่อมาขนย้ายสิ่งของทางการทูตเท่านั้น
หลังจากนั้น เมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็ได้แถลงข่าวความยาวเพียง 2 นาทีกว่า ซึ่งไม่ได้ให้ความกระจ่างใด ๆ เลยว่า เครื่องบินจากเมียนมาขนอะไรและมาขนใคร รัฐบาลไทยทำอะไรอยู่ และประชาชนคนไทยจะได้รับประโยชน์หรือได้รับผลกระทบอย่างไรจากเรื่องนี้ และที่น่าผิดหวังคือในการแถลงรอบนี้ เราไม่เห็นการแถลงเตือนประชาชนในพื้นที่ชายแดนว่าจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร หากสถานการณ์การสู้รบชายแดนเมียนมารุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์การอพยพหนีภัยสงคราม
ซึ่งตอนนี้มีผู้อพยพชาวเมียนมาในพื้นที่เมียวดีได้ยึดแนวริมฝั่งน้ำเมยเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว เพื่อเตรียมพร้อมที่จะข้ามมาในฝั่งไทยทางแม่สอด หากกองทัพเมียนมาเริ่มปฏิบัติการทางทหาร ทิ้งระเบิดใส่ชุมชนอย่างไม่เลือกหน้าอีก
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ คนทั่วโลกต่างกำลังตื่นตัวและติดตามอย่างใกล้ชิด ณ จุดนี้ รัฐบาลไทยต้องตื่น ออกมาชี้แจงว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับกองทัพเมียนมาอยู่ในระดับใด มีมาตรฐานปฏิบัติอย่างไร จากกระแสรายงานข่าวที่ว่ามีการขนทรัพย์สินเงินทองกลับไปนั้นจริงหรือไม่ เงินเหล่านี้เป็นเงินของใคร เงินได้มาจากไหน ขนเงินเข้ามาในสถานะอะไร การอนุญาตให้ขนเงินจำนวนมากมายขนาดนั้นเข้ามาในไทยได้เป็นไปตามกระบวนการและกฎหมายภายในประเทศแล้วใช่หรือไม่
สส.ก้าวไกลกล่าวต่อว่า จากกระแสข่าวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเชลยศึกหรือพลเรือนกลับเมียนมา หรือการเคลื่อนย้ายเงินทองทรัพย์สินจากต่างแดน ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการต่อไปนี้เพื่อรับมือสถานการณ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้เกิดความชัดเจน
(1) รัฐบาลต้องมีความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วน เพราะการสื่อสารของคนในรัฐบาลที่ไม่ตรงกัน นำมาซึ่งความสับสน ประชาชนไม่เชื่อมั่น
(2) รัฐบาลต้องมีท่าทีทางการเมืองที่สมดุล ที่ผ่านมารัฐบาลถูกตั้งคำถามว่าได้ปฏิบัติต่อสองฝ่าย คือฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมาและฝ่ายต่อต้าน อย่างเท่าเทียมด้วยมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ เรื่องนี้มีความสำคัญมากต่อบทบาทของไทยในฐานะประเทศตัวกลาง โดยวิธีหนึ่งที่จะรับมือเรื่องนี้ได้คือการชี้แจงแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ หรือ SOP (Standard Operating Procedure) ที่จัดทำโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีการชี้แจงต่อสาธารณะ
ตนเกรงว่าหากไทยวางตัวผิดพลาด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนรัฐบาลเมียนมาในการสู้รบนี้ เช่น นำกำลังทหารออกจากพื้นที่เพื่อให้กลับมารบใหม่ หรือขนทรัพย์สินสิ่งของที่อาจถูกนำมาใช้เพื่อการทำสงครามอีก หรือเปิดทางเพื่อให้กองทัพเมียนมาสามารถถล่มเมียวดีได้โดยสะดวก ผลกระทบก็จะตกอยู่กับประชาชนไทย โดยเฉพาะประชาชนบริเวณชายแดน และอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัฐบาลเมียนมาในอนาคต
(3) รัฐบาลต้องมีบทบาทเชิงรุกต่อสถานการณ์ในเมียนมาได้แล้ว แทนที่จะนิ่งเงียบ รัฐบาลเศรษฐาต้องออกมาคุยกันอย่างคนโต ๆ ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป และตอนนี้ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์การอพยพหนีภัยสงครามแล้วหรือยัง
การรับมือนั้นคงไม่ใช่การเฝ้าระวังไม่ให้คนข้ามแดนมา แต่จะต้องเป็นการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คนได้หนีร้อนมาพึ่งเย็น ใช้หลักมนุษยธรรมกับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นข้าราชการเมียนมาหรือประชาชนริมขอบแดน หากไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้ให้รอบคอบ ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณสุขชายแดนที่ล้มเหลวในการควบคุมโรคติดต่ออย่างมาลาเรีย วัณโรค และโรคท้องร่วง ผลกระทบด้านการจัดสรรทรัพยากรชายแดน และภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลก
ทั้งนี้ ตนต้องย้ำว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในระยะยาว ลำพังการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แม้จำเป็นแต่ไม่เพียงพอ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ เช่น รัฐบาลไทยต้องมีบทบาทนำในกระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมา โดยยึดมั่นคุณค่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และกระบวนการยุติธรรม
ผู้มีอำนาจจ้องทำลาย ก้าวไกลในวันที่ไม่เคยกลัว(ยุบพรรค) อุดมการณ์แรงกล้าเปลี่ยนแปลงประเทศ
https://www.matichon.co.th/clips/news_4516273
รายงานพิเศษ ก้าวไกลในวันที่ไม่เคยกลัว (ยุบพรรค) ฝ่ามรสุมทางการเมือง กับอนาคตทางการเมือง เสี่ยงคดียุบพรรค แม้ว่าไม่มีวี่แววจะได้เห็นฟ้าหลังฝน แต่ทุกคนยืนหยัดด้วยอุดมการณ์ที่แรงกล้า ต่อสู้ในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งต้องการพิสูจน์ว่ามาถูกทาง และต้องเดินไปให้ถึงฝัน ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
น้ำมันดิบตลาดโลก ลดลงเล็กน้อย 48 เซนต์ ขณะที่ราคาทองคำยังนิวไฮ ขึ้นอีก 5.60 ดอลล์
https://ch3plus.com/news/economy/morning/394995
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ปิดลบในวันจันทร์ (8 เม.ย.) โดย น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 86.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ลดลง 79 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 90.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่ากองทัพอิสราเอล ได้ลดจำนวนทหารที่ประจำการในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา และเริ่มเจรจาหยุดยิงรอบใหม่กับกลุ่มฮามาส ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่ออุปทานน้ำมันในตลาด
ด้าน จิโอวานี สตอโนโว นักวิเคราะห์ของธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลได้ลดจำนวนทหารที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา รวมทั้งข่าวที่ว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เริ่มเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งการตัดสินใจของอิสราเอลมีแนวโน้มที่จะทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์บรรเทาลง และส่งผลให้ราคาน้ำมันชะลอตัวลง
นอกจากนี้ สตอโนโว กล่าวว่า ราคาน้ำมันยังอ่อนแรงลง เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของอิหร่านอย่างใกล้ชิด หลังจากอิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศว่าจะล้างแค้นอิสราเอล หลังจากอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านในซีเรียเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ซึ่งรวมถึงนายโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั้งจากสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐซึ่งเป็น 2 ประเทศที่ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธที่ 10 เม.ย. และจีนจะเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนมี.ค.ในวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย.
ขณะที่ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดบวกในวันจันทร์ (8 เม.ย.) โดยสัญญาทองคำยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับข่าวธนาคารกลางหลายแห่ง เข้าซื้อทองคำ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ หรือ +0.24% ปิดที่ 2,351.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ธนาคารกลางจีนได้ซื้อทองคำเพิ่มอีก 160,000 ออนซ์ เข้าสู่ระบบทุนสำรองในเดือนมีนาคม ขณะที่ธนาคารกลางตุรกี อินเดีย คาซัคสถาน และอีกหลายประเทศในยุโรปตะวันออก ได้เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในปีนี้เช่นกัน