👗👗👗
ด้วยความที่เราไม่เคยเห็น Emma Stone ใช้ร่างกายเล่นหนังแบบเปลืองตัวมาก่อน พอมีภาพจากหนังเรื่องนี้ปรากฏออกมา ผู้คนต่างก็ไปโฟกัสที่เรื่องของฉากเลิฟซีน 18+ กันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพอได้มาดูหนังเต็มๆ แล้ว เรากลับรู้สึกว่าในเรื่องของฉากเลิฟซีนมันคือสิ่งที่เป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ ของหนัง แต่มันทำให้หนังสมบูรณ์ได้อย่างสุดยอดจนทำให้ Emma Stone ได้รับรางวัลจากหนังเรื่องนี้ไปอย่างมากมาย
👗👗👗
Poor Things คือผลงานที่ดัดแปลงมาจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ Alasdair Gray ที่ออกตีพิมพ์ในปี 1992 บอกเล่าเรื่องราวของ Bella Baxter (Emma Stone) หญิงสาวที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งโดยการทดลองของนักวิทยาศาสตร์นาม Godwin Baxter (Willem Dafoe) แต่เนื่องจากเธอได้รับการถ่ายทอดสมองจากเด็กทารก จึงทำให้ต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสังคมรอบข้าง และพยายามจะเติบโตด้วยสัญชาตญาณดิบและความต้องการที่มีในตัว
👗👗👗
การเล่าเรืองหลักๆ เลย มันคือการที่หนังจะพาคนดูได้เห็นพัฒนาการเติบโตของตัวนางเอก Bella Baxter ที่ถูกปลุกจากความตายโดยการสลับสับเปลี่ยนสมองกับเด็กทารก ทำให้เราจะเห็นพฤติกรรมที่ตัวเป็นผู้ใหญ่แต่ใจเป็นเด็ก และมีความต้องการและเอาแต่ใจตลอดเวลา แต่ผมกลับรู้สึกว่า สิ่งที่หนัต้องการจะสื่อ มันคือการที่หนังทำให้เราเห็นว่าความต้องการที่อยู่ภายใต้จิตใจของมนุษย์มันจะถูกกดอยู่ภายใต้คำว่าขนบธรรมเนียม จารีต หรือประเพณีตลอด ไม่ว่าจะสังคมประเภทไหน
👗👗👗
ซึ่งในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น หนังก็จะแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ตัว Bella เองจะต้องพบเจอ กับสิ่งที่มันขัดแย้งกับความต้องการในส่วนลึก และเธอก็จำเป็นต้องหาทางที่จะทำทุกอย่างในรูปแบบที่เธอคิดว่ามันควรจะเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ มันจะมองว่า Bella คือบุคคลที่เป็น "ขบถ" ต่อจารีตประเพณี หรือสังคมส่วนใหญ่ก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เธอทำนั้น มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ร้ายบริสุทธิ์ และเป็นตลกร้ายที่เราต้องเจอกันในทุกสังคม ไม่เว้นแม้แต่ในอดีตหรือปัจจุบัน
👗👗👗
หนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 40 นาทีเศษๆ ซึ่งผมดูไปก็เดาทางตอนจบไม่ถูก แต่หนังก็ใส่บทสรุปที่สวยงามมาให้จนได้ อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่หนังเล่าค่อนข้างจะอืด แต่มันคือการบอกพัฒนาการของตัวละครอย่าง Bella ได้อย่างละเอียด และทำให้เราเริ่มเห็นถึงสิ่งที่เธอต้องการจะเป็นและสิ่งที่เธออยากให้เป็น ซึ่งมันอาจจะดูค่อนข้างจะเกินความจริงไปหน่อย แต่กลับทำให้ผมรู้สึกว่า เออ..หนังมันคิดล้ำไปไกลเหมือนกันนะเนี่ย
👗👗👗
จุดแข็งอีกจุดของหนังคือเรื่องของงานภาพที่สวยงามและดูดีเอามากๆ หนังดูเหมือนจะย้อนยุค แต่กลับมองเป็นหนังแก่งโลกอีกโลกที่อยู่ใน timeline อันแปลกประหลาดก็ย่อมได้ และจุดแข็งทีุ่ดของหนังจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกซะจากตัวนักแสดง Emma Stone ที่ตีแผ่ความเป็น Bella ที่แสนบริสุทธิ์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่สนว่าจะเปลืองตัวหรือใครจะเห็นอะไรก็ช่าง เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่มันออกมามันคือภาพที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวองค์ประกอบที่ทำให้หนังมันสมบูรณ์และสวยงามเอามากๆ
👗👗👗
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ยาวพอสมควร และมีช่วงที่น่าง่วงนอนอยู่ แต่กลับกัน หากเรานั่งดูอย่างละเอียดและดูมันด้วยความเข้าใจ จะพบว่าหนังเรื่องนี้ดีมากๆ และเหมาะสมกับรางวัลทุกรางวัลด้วยประการทั้งปวงครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Poor Things - เฝ้ามองการเจริญเติบโตด้วยสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ กับฉาก 18+ ที่เป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆ
👗👗👗
ด้วยความที่เราไม่เคยเห็น Emma Stone ใช้ร่างกายเล่นหนังแบบเปลืองตัวมาก่อน พอมีภาพจากหนังเรื่องนี้ปรากฏออกมา ผู้คนต่างก็ไปโฟกัสที่เรื่องของฉากเลิฟซีน 18+ กันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพอได้มาดูหนังเต็มๆ แล้ว เรากลับรู้สึกว่าในเรื่องของฉากเลิฟซีนมันคือสิ่งที่เป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ ของหนัง แต่มันทำให้หนังสมบูรณ์ได้อย่างสุดยอดจนทำให้ Emma Stone ได้รับรางวัลจากหนังเรื่องนี้ไปอย่างมากมาย
👗👗👗
Poor Things คือผลงานที่ดัดแปลงมาจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ Alasdair Gray ที่ออกตีพิมพ์ในปี 1992 บอกเล่าเรื่องราวของ Bella Baxter (Emma Stone) หญิงสาวที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งโดยการทดลองของนักวิทยาศาสตร์นาม Godwin Baxter (Willem Dafoe) แต่เนื่องจากเธอได้รับการถ่ายทอดสมองจากเด็กทารก จึงทำให้ต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสังคมรอบข้าง และพยายามจะเติบโตด้วยสัญชาตญาณดิบและความต้องการที่มีในตัว
👗👗👗
การเล่าเรืองหลักๆ เลย มันคือการที่หนังจะพาคนดูได้เห็นพัฒนาการเติบโตของตัวนางเอก Bella Baxter ที่ถูกปลุกจากความตายโดยการสลับสับเปลี่ยนสมองกับเด็กทารก ทำให้เราจะเห็นพฤติกรรมที่ตัวเป็นผู้ใหญ่แต่ใจเป็นเด็ก และมีความต้องการและเอาแต่ใจตลอดเวลา แต่ผมกลับรู้สึกว่า สิ่งที่หนัต้องการจะสื่อ มันคือการที่หนังทำให้เราเห็นว่าความต้องการที่อยู่ภายใต้จิตใจของมนุษย์มันจะถูกกดอยู่ภายใต้คำว่าขนบธรรมเนียม จารีต หรือประเพณีตลอด ไม่ว่าจะสังคมประเภทไหน
👗👗👗
ซึ่งในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น หนังก็จะแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ตัว Bella เองจะต้องพบเจอ กับสิ่งที่มันขัดแย้งกับความต้องการในส่วนลึก และเธอก็จำเป็นต้องหาทางที่จะทำทุกอย่างในรูปแบบที่เธอคิดว่ามันควรจะเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ มันจะมองว่า Bella คือบุคคลที่เป็น "ขบถ" ต่อจารีตประเพณี หรือสังคมส่วนใหญ่ก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เธอทำนั้น มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ร้ายบริสุทธิ์ และเป็นตลกร้ายที่เราต้องเจอกันในทุกสังคม ไม่เว้นแม้แต่ในอดีตหรือปัจจุบัน
👗👗👗
หนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 40 นาทีเศษๆ ซึ่งผมดูไปก็เดาทางตอนจบไม่ถูก แต่หนังก็ใส่บทสรุปที่สวยงามมาให้จนได้ อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่หนังเล่าค่อนข้างจะอืด แต่มันคือการบอกพัฒนาการของตัวละครอย่าง Bella ได้อย่างละเอียด และทำให้เราเริ่มเห็นถึงสิ่งที่เธอต้องการจะเป็นและสิ่งที่เธออยากให้เป็น ซึ่งมันอาจจะดูค่อนข้างจะเกินความจริงไปหน่อย แต่กลับทำให้ผมรู้สึกว่า เออ..หนังมันคิดล้ำไปไกลเหมือนกันนะเนี่ย
👗👗👗
จุดแข็งอีกจุดของหนังคือเรื่องของงานภาพที่สวยงามและดูดีเอามากๆ หนังดูเหมือนจะย้อนยุค แต่กลับมองเป็นหนังแก่งโลกอีกโลกที่อยู่ใน timeline อันแปลกประหลาดก็ย่อมได้ และจุดแข็งทีุ่ดของหนังจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกซะจากตัวนักแสดง Emma Stone ที่ตีแผ่ความเป็น Bella ที่แสนบริสุทธิ์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่สนว่าจะเปลืองตัวหรือใครจะเห็นอะไรก็ช่าง เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่มันออกมามันคือภาพที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวองค์ประกอบที่ทำให้หนังมันสมบูรณ์และสวยงามเอามากๆ
👗👗👗
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ยาวพอสมควร และมีช่วงที่น่าง่วงนอนอยู่ แต่กลับกัน หากเรานั่งดูอย่างละเอียดและดูมันด้วยความเข้าใจ จะพบว่าหนังเรื่องนี้ดีมากๆ และเหมาะสมกับรางวัลทุกรางวัลด้วยประการทั้งปวงครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้