เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
http://www.thairath.co.th/news/auto/news/2776046
รถยนต์มือสองล้นตลาด รถใหม่ถูกยึดเพียบ กดราคาร่วงต่อ คนหยุดขายรถเก่าชะลอซื้อรถใหม่ ไฟแนนซ์ให้กู้ยาก
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 67 นางสาวเจริญรัตน์ เลิศอานันท์ภร เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า สถานการณ์สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นที่หลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเกษตร ก่อสร้าง และกลุ่มบริการ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีการซื้อรถยนต์กระบะและรถบรรทุก โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ว่าในปี 2567 สัดส่วน NPL ในภาคธุรกิจจะยังคงเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเช่นกัน
ขณะเดียวกันสัดส่วนสินเชื่อที่ต้องระวัง หรือ SML และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL มีอัตราเพิ่มขึ้นและคงตัวอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด (ปี 2562) และคาดการณ์ว่าจะต่อเนื่องต่อไปในปี 2567 ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน และเข้าสู่ภาวะรัดเข็มขัดมากขึ้น
โดยมูลค่าหนี้ครัวเรือนของไทยสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงโควิด โดยมีสัดส่วนสูงถึง 90.9% ต่อ GDP ณ 03-2566 ซึ่งสัดส่วนสินเชื่อที่ต้องระวังเป็นพิเศษ (SML) ของสาขารถยนต์ สูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 แสดงถึงแนวโน้มการเป็นหนี้เสียที่อาจสูงขึ้นด้วย
ในภาคครัวเรือน สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในสินเชื่อเกือบทุกวัตถุประสงค์ ทั้งที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต และเช่าซื้อรถยนต์ สอดคล้องกับรายงานของ ธปท. ที่ระบุว่า มาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา มีความเข้มงวดขึ้นในเกือบทุกประเภทสินเชื่อ และมีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นต่อเนื่องในปี 2567
นางสาวเจริญรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดรถยนต์มือสอง โดยฉพาะรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเล็กนั้น อยู่ในทิศทางเป็นลบต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2566 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในปี 2567 เนื่องจากอัตราการยึดรถของบริษัทสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น จากภาวะหนี้เสียของตลาดรถยนต์ใหม่ ทำให้ปริมาณรถมือสองล้นตลาดเกินความต้องการ
ขณะเดียวกัน เราพบว่าผู้บริโภคชะลอการเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ เนื่องจากราคาขายต่อที่ตกต่ำลง และไฟแนนซ์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงของรถยนต์ใหม่ ส่งผลต่อราคารถมือสองต้องปรับตัวลดลง
รถยนต์มือสองล้นตลาด รถใหม่ถูกยึดเพียบ กดราคาร่วง ไฟแนนซ์ให้กู้ยาก
http://www.thairath.co.th/news/auto/news/2776046
รถยนต์มือสองล้นตลาด รถใหม่ถูกยึดเพียบ กดราคาร่วงต่อ คนหยุดขายรถเก่าชะลอซื้อรถใหม่ ไฟแนนซ์ให้กู้ยาก
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 67 นางสาวเจริญรัตน์ เลิศอานันท์ภร เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า สถานการณ์สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นที่หลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเกษตร ก่อสร้าง และกลุ่มบริการ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีการซื้อรถยนต์กระบะและรถบรรทุก โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ว่าในปี 2567 สัดส่วน NPL ในภาคธุรกิจจะยังคงเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเช่นกัน
ขณะเดียวกันสัดส่วนสินเชื่อที่ต้องระวัง หรือ SML และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL มีอัตราเพิ่มขึ้นและคงตัวอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด (ปี 2562) และคาดการณ์ว่าจะต่อเนื่องต่อไปในปี 2567 ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน และเข้าสู่ภาวะรัดเข็มขัดมากขึ้น
โดยมูลค่าหนี้ครัวเรือนของไทยสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงโควิด โดยมีสัดส่วนสูงถึง 90.9% ต่อ GDP ณ 03-2566 ซึ่งสัดส่วนสินเชื่อที่ต้องระวังเป็นพิเศษ (SML) ของสาขารถยนต์ สูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 แสดงถึงแนวโน้มการเป็นหนี้เสียที่อาจสูงขึ้นด้วย
ในภาคครัวเรือน สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในสินเชื่อเกือบทุกวัตถุประสงค์ ทั้งที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต และเช่าซื้อรถยนต์ สอดคล้องกับรายงานของ ธปท. ที่ระบุว่า มาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา มีความเข้มงวดขึ้นในเกือบทุกประเภทสินเชื่อ และมีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นต่อเนื่องในปี 2567
นางสาวเจริญรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดรถยนต์มือสอง โดยฉพาะรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเล็กนั้น อยู่ในทิศทางเป็นลบต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2566 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในปี 2567 เนื่องจากอัตราการยึดรถของบริษัทสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น จากภาวะหนี้เสียของตลาดรถยนต์ใหม่ ทำให้ปริมาณรถมือสองล้นตลาดเกินความต้องการ
ขณะเดียวกัน เราพบว่าผู้บริโภคชะลอการเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ เนื่องจากราคาขายต่อที่ตกต่ำลง และไฟแนนซ์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงของรถยนต์ใหม่ ส่งผลต่อราคารถมือสองต้องปรับตัวลดลง