“คอฟฟี่คลับ” เจาะออฟฟิศ พลิกตำราสู้ศึกร้านกาแฟ

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.prachachat.net/marketing/news-1532461

เดอะคอฟฟี่คลับ เจาะช่องว่างตลาด เปิดยุทธศาสตร์ Neighborhood Cafe ร้านกาแฟใกล้บ้าน-ที่ทำงาน ส่งสาขาไซซ์เล็กเจาะย่านออฟฟิศ พร้อมงัดทีเด็ดเพิ่มแม็กเนต โมเดลซื้ออาหาร-เครื่องดื่มล่วงหน้าแบบรายเดือน ชูความคุ้มค่าดึงดูดลูกค้า มั่นใจสิ้นปี 2567 กวาดสมาชิก 2.5 แสนราย พร้อมรายได้ทะลุ 800 ล้าน กำไรโตดับเบิลดิจิต

นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะคอฟฟี่คลับ ภายใต้การดำเนินการของบริษัทเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน แม้ตลาดร้านกาแฟจะมีการแข่งขันสูงจากผู้เล่นจำนวนมาก แต่ยังมีช่องว่างในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือคนทำงานอิสระ ที่ต้องการร้านที่อยู่ใกล้กับที่พักหรือออฟฟิศในระดับเดินมาใช้บริการได้ และมีเมนูอื่น ๆ นอกจากกาแฟ เช่น อาหารเช้าหรือกลางวัน รวมถึงเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีร้านกาแฟที่สามารถตอบรับดีมานด์เหล่านี้มากนัก

ปีนี้บริษัทจึงชูยุทธศาสตร์ Neighborhood Cafe หรือการเป็นร้านกาแฟใกล้บ้าน-ที่ทำงาน ด้วยการขยายสาขาไซซ์เล็ก พื้นที่ประมาณ 70-100 ตร.ม. หรือประมาณ 30 ที่นั่ง เจาะทำเลย่านออฟฟิศในกรุงเทพฯ รวมถึงเปิดตัวเมนูอาหารและเครื่องดื่มรูปแบบต่าง ๆ ต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทานอาหารอื่น ๆ นอกจากกาแฟ พร้อมกับจัดโปรโมชั่นหลายรูปแบบเน้นให้ลูกค้าสมัครสมาชิก และกลับมาใช้บริการซ้ำ รวมถึงบอกต่อไปยังเพื่อนร่วมงาน โดยจะเปิดเพิ่ม 4 สาขา หลังการทดลองที่พาร์คสีลม และ The PARQ ได้ผลตอบรับดี ขณะเดียวกันจะขยายสาขาโมเดลปกติขนาด 180-200 ตร.ม. เพิ่ม 1 สาขา ในจังหวัดท่องเที่ยว จะทำให้สิ้นปี 2567 มีสาขาในไทยทั้งหมด 45 สาขา

พร้อมกันนี้จะเพิ่มแม็กเนตด้านความคุ้มค่าเพื่อดึงดูดลูกค้า มีไฮไลต์เป็นโมเดล Subscript หรือการซื้อกาแฟหรือเซตอาหารล่วงหน้าแบบรายเดือน ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคจ่ายราคาต่อหน่วยที่ถูกลง ส่วนบริษัทจะได้ความถี่ในการใช้บริการและโอกาสจำหน่ายเมนูอื่น ๆ เพิ่ม ทั้งเซตเมนูอาหารเช้าหรือกลางวัน คู่กับเครื่องดื่ม ซึ่งจะเท่ากับส่วนลดประมาณ 100 บาท เมื่อเทียบกับการซื้อแยกกัน เช่น อาหารกลางวันคู่กับเครื่องดื่มราคา 850 บาท ต่อ 5 ชุด เท่ากับชุดละ 178 บาท หรือข้าวต้มคู่กับเครื่องดื่มราคา 199 บาท เป็นต้น

ซึ่งเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของโมเดล Subscript เดิมที่มีเพียงกาแฟ เช่น กาแฟ 15 แก้ว ราคา 790 บาท หรือเฉลี่ยแก้วละ 53 บาท ขณะที่หากซื้อแยกราคาจะอยู่ที่แก้วละ 100 บาท และตอบโจทย์กลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มักต้องดื่มกาแฟเป็นประจำในแต่ละวันอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการใช้บริการให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มบริการเสริมที่ตอบโจทย์พนักงานออฟฟิศ ด้วยบริการแคเทอริ่งในรูปแบบสแน็กบอกซ์ ราคาเริ่มต้น 70 บาท เพื่อเพิ่มโอกาสที่ผู้บริโภคจะได้ลองทานเมนูเบเกอรี่และกาแฟของร้านให้สูงขึ้นอีก เช่นเดียวกับการเพิ่มเมนูเทกอะเวย์

“จากแนวทางดังกล่าวมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดสมาชิกเพิ่มจาก 1.7 แสนคน เป็น 2.5 แสนคน พร้อมผลักดันรายได้เติบโต 15-20% เป็น 800 ล้านบาท และกำไรเติบโตระดับเลข 2 หลัก หลังปี 2566 สามารถพลิกกลับมามีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี” นางนงชนกกล่าว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่