สวัสดีค่า พอชนะคะ
วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์การไปคลินิกจิตเวชครั้งแรกของเรานะคะ
ในสังคมไทย แค่ได้ยินคำว่าจิตเวชคนก็กลัวแล้ว กลัวถูกคนรอบข้างมองว่าป่วย
แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นเลยค่ะ
เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ ลองฟังเรื่องของเราดูนะคะ
เราเริ่มมีปัญหานอนไม่หลับมาประมาณ 2 เดือนค่ะ
2 เดือนที่ว่านี่เป็นช่วงที่กำลังหางานใหม่ค่ะ
มีทั้งความเครียดจากปัญหาค่าใช้จ่าย และการที่เราไม่รู้จะไปทำงานอะไรดี
เราเป็นเหมือนเป็ดเลยค่ะ ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่รู้เลยว่าอะไรคืองานที่อยากทำกันแน่
เราใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าจะทำอะไรในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมา
ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เวลาก็ค่อย ๆ หมดไปเรื่อย ๆ
ไม่มีแพชชั่น ไม่มีแรงบันดาลใจ
จนเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้ตัดสินใจไปพบนักจิตวิทยาในครั้งนี้ค่ะ
Mental Well Clinic
ตั้งอยู่ที่โครงการ The Quartier รัชดา 32 ค่ะ
เดินทางสะดวกทั้ง MRT และ BTS แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์อีกนิดนึง
หรือจะขับรถมา ในโครงการก็มีที่จอดเยอะเลยค่ะ
ลบภาพคลินิกที่น่ากลัว ๆ ออกไปได้เลย
เพราะที่นี่บรรยากาศดีมากกกค่ะ โล่ง โปร่ง สบาย
ที่นั่งรอบริเวณหน้าคลินิก
บริเวณชั้น 1 จะมีเคาเตอร์และที่นั่งเพื่อการซักประวัติคัดกรองอาการเบื้องต้นโดยนักจิตวิทยาค่ะ
นักจิตวิทยาจะสอบถามอาการปัจจุบันและค่อย ๆ ถามเราถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นสาเหตุ
เอาจริงแค่ตรงนี้ก็น้ำตาแตกแล้วค่ะ
มันเหมือนกันเราค่อย ๆ ถูกแกะเปลือกออกดูทีละชั้น จนเจอสาเหตุจริง ๆ
ที่ถึงแม้เราจะเป็นเจ้าของร่างกาย เจ้าของความรู้สึกนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถค้นพบสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง
ในส่วนนี้เราได้รับคำแนะนำดี ๆ จากนักจิตวิทยามาเยอะเลยค่ะ
และนักจิตวิทยาแนะนำให้เราพบนักจิตบำบัดเพิ่มเติม เพื่อผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังแนะนำให้ดริปวิตามิน B รวมเข้มข้นที่เป็นสูตรเฉพาะของคลินิก
ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับและฟื้นฟูร่างกายจากอาการอ่อนล้า
อันนี้ช่วยได้ดีมาก ๆ เราไม่เคยได้นอนหลับก่อนตี 1 มานานแล้วค่ะ
คืนนั้นกลับไปเรานอนหลับยาวถึงเช้าเลย ตื่นมาสดชื่นมาก ๆ
ตรงที่ดริปวิตามินจะเป็นเก้าอี้นวดนะคะ
ดริปไปนวดไป จะบอกเลยว่าฟินมากกก
ตรงนี้จะเป็นส่วนของบอร์ดเกมเพื่อการบำบัดนะคะ
ส่วนถัดไปจะเป็นการพบนักจิตบำบัดค่ะ
บรรยากาศโดยรวมหน้าห้องรักษาค่ะ
น่ารักและเป็นมิตรมาก ไม่มีตรงไหนที่น่ากลัวเลย
ถ้าขั้นตอนแรกคือการแกะเปลือกเราออกโดยนักจิตวิทยา
ขั้นตอนนี้ก็น่าจะเป็นการประกอบร่างเราเข้าไปใหม่ เป็น ver. ที่ซ่อมแซมแล้วโดยนักจิตบำบัดค่ะ
การที่เรามีอาการแบบนี้
ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราไม่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ใครฟังเลย
เลือกที่จะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวเอง
เราไม่อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกได้ขนาดนั้น
การที่ได้มีใครซักคนที่รับฟังเราอย่างจริงใจ เป็นสิ่งที่ช่วยได้มากจริง ๆ ค่ะ
ใน session นี้นักจิตบำบัดจะนำปัญหาของเรามาวิเคราะห์เพิ่มเติม
โดยปัญหาหลักของเราที่จะนำมาแก้กันในวันนี้คือ
“เราใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าจะทำอะไรในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมา”
นักจิตบำบัดให้เราเขียน goals ในชีวิตของเราขึ้นมา 25 ข้อ
(อันนี้เราแอบคิดไม่ออก ได้มา 14 ข้อค่ะ)
โดยจะเป็นอะไรก็ได้เลยค่ะ ทั้งสิ่งที่เราอยากทำ สิ่งที่เราอยากเห็นตัวเองเป็น
แล้วให้เราให้คะแนนแต่ละอย่าง 1-10 วัดจากความอยากทำ
และให้อีกรอบนึงจากความสำคัญ (ทั้งสำคัญจริง ๆ และสำคัญกับใจ)
โดย 10 คือคะแนนมากที่สุด
แล้วนำคะแนนทั้ง 2 ช่องมาคูณกัน
แล้วเรียงลำดับ 5 อันดับแรกที่คะแนนมากที่สุด
น่าแปลกใจที่บางอย่างที่เราไม่ได้รู้สึกว่าอยากทำหรือสำคัญกับเรามากขนาดนั้น
แต่พอวัดเป็นคะแนนออกมา กลับติด 1 ใน 5 เฉยเลย
เหมือนกับว่าลึก ๆ แล้วเราอยากทำนั่นแหละ แต่เราแค่ไม่รู้ตัวเฉย ๆ
เหมือนได้ค้นพบส่วนหนึ่งของตัวเองที่ซ่อนอยู่เลย
เป็น session ที่ประทับใจมาก ๆ
และเราก็ได้ค้นพบสิ่งที่เราจะทำในวันพรุ่งนี้แล้วค่ะ
เป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ที่รู้สึกว่าผ่านไปเร็วมาก
สิ่งที่เคยหนัก ๆ อยู่ในหัว ตอนกลับออกมาจากคลินิกเรียกได้ว่าโล่งสบายมากค่ะ
ทุก ๆ ขั้นตอนไม่มีขั้นตอนไหนน่ากลัวเลย
หวังว่าประสบการณ์ของเราจะทำให้คนที่กำลังลังเล ตัดสินใจได้นะคะ
[SR] แชร์ประสบการณ์พบนักจิตวิทยาครั้งแรกในชีวิต เมื่อการไปคลินิกจิตเวชไม่ใช่เรื่องน่ากลัว | MENTAL WELL CLINIC
วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์การไปคลินิกจิตเวชครั้งแรกของเรานะคะ
ในสังคมไทย แค่ได้ยินคำว่าจิตเวชคนก็กลัวแล้ว กลัวถูกคนรอบข้างมองว่าป่วย
แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นเลยค่ะ
เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ ลองฟังเรื่องของเราดูนะคะ
เราเริ่มมีปัญหานอนไม่หลับมาประมาณ 2 เดือนค่ะ
2 เดือนที่ว่านี่เป็นช่วงที่กำลังหางานใหม่ค่ะ
มีทั้งความเครียดจากปัญหาค่าใช้จ่าย และการที่เราไม่รู้จะไปทำงานอะไรดี
เราเป็นเหมือนเป็ดเลยค่ะ ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่รู้เลยว่าอะไรคืองานที่อยากทำกันแน่
เราใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าจะทำอะไรในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมา
ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เวลาก็ค่อย ๆ หมดไปเรื่อย ๆ
ไม่มีแพชชั่น ไม่มีแรงบันดาลใจ
จนเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้ตัดสินใจไปพบนักจิตวิทยาในครั้งนี้ค่ะ
Mental Well Clinic
ตั้งอยู่ที่โครงการ The Quartier รัชดา 32 ค่ะ
เดินทางสะดวกทั้ง MRT และ BTS แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์อีกนิดนึง
หรือจะขับรถมา ในโครงการก็มีที่จอดเยอะเลยค่ะ
ลบภาพคลินิกที่น่ากลัว ๆ ออกไปได้เลย
เพราะที่นี่บรรยากาศดีมากกกค่ะ โล่ง โปร่ง สบาย
ที่นั่งรอบริเวณหน้าคลินิก
บริเวณชั้น 1 จะมีเคาเตอร์และที่นั่งเพื่อการซักประวัติคัดกรองอาการเบื้องต้นโดยนักจิตวิทยาค่ะ
นักจิตวิทยาจะสอบถามอาการปัจจุบันและค่อย ๆ ถามเราถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นสาเหตุ
เอาจริงแค่ตรงนี้ก็น้ำตาแตกแล้วค่ะ
มันเหมือนกันเราค่อย ๆ ถูกแกะเปลือกออกดูทีละชั้น จนเจอสาเหตุจริง ๆ
ที่ถึงแม้เราจะเป็นเจ้าของร่างกาย เจ้าของความรู้สึกนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถค้นพบสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง
ในส่วนนี้เราได้รับคำแนะนำดี ๆ จากนักจิตวิทยามาเยอะเลยค่ะ
และนักจิตวิทยาแนะนำให้เราพบนักจิตบำบัดเพิ่มเติม เพื่อผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังแนะนำให้ดริปวิตามิน B รวมเข้มข้นที่เป็นสูตรเฉพาะของคลินิก
ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับและฟื้นฟูร่างกายจากอาการอ่อนล้า
อันนี้ช่วยได้ดีมาก ๆ เราไม่เคยได้นอนหลับก่อนตี 1 มานานแล้วค่ะ
คืนนั้นกลับไปเรานอนหลับยาวถึงเช้าเลย ตื่นมาสดชื่นมาก ๆ
ตรงที่ดริปวิตามินจะเป็นเก้าอี้นวดนะคะ
ดริปไปนวดไป จะบอกเลยว่าฟินมากกก
ตรงนี้จะเป็นส่วนของบอร์ดเกมเพื่อการบำบัดนะคะ
ส่วนถัดไปจะเป็นการพบนักจิตบำบัดค่ะ
บรรยากาศโดยรวมหน้าห้องรักษาค่ะ
น่ารักและเป็นมิตรมาก ไม่มีตรงไหนที่น่ากลัวเลย
ถ้าขั้นตอนแรกคือการแกะเปลือกเราออกโดยนักจิตวิทยา
ขั้นตอนนี้ก็น่าจะเป็นการประกอบร่างเราเข้าไปใหม่ เป็น ver. ที่ซ่อมแซมแล้วโดยนักจิตบำบัดค่ะ
การที่เรามีอาการแบบนี้
ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราไม่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ใครฟังเลย
เลือกที่จะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวเอง
เราไม่อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกได้ขนาดนั้น
การที่ได้มีใครซักคนที่รับฟังเราอย่างจริงใจ เป็นสิ่งที่ช่วยได้มากจริง ๆ ค่ะ
ใน session นี้นักจิตบำบัดจะนำปัญหาของเรามาวิเคราะห์เพิ่มเติม
โดยปัญหาหลักของเราที่จะนำมาแก้กันในวันนี้คือ
“เราใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าจะทำอะไรในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมา”
นักจิตบำบัดให้เราเขียน goals ในชีวิตของเราขึ้นมา 25 ข้อ
(อันนี้เราแอบคิดไม่ออก ได้มา 14 ข้อค่ะ)
โดยจะเป็นอะไรก็ได้เลยค่ะ ทั้งสิ่งที่เราอยากทำ สิ่งที่เราอยากเห็นตัวเองเป็น
แล้วให้เราให้คะแนนแต่ละอย่าง 1-10 วัดจากความอยากทำ
และให้อีกรอบนึงจากความสำคัญ (ทั้งสำคัญจริง ๆ และสำคัญกับใจ)
โดย 10 คือคะแนนมากที่สุด
แล้วนำคะแนนทั้ง 2 ช่องมาคูณกัน
แล้วเรียงลำดับ 5 อันดับแรกที่คะแนนมากที่สุด
น่าแปลกใจที่บางอย่างที่เราไม่ได้รู้สึกว่าอยากทำหรือสำคัญกับเรามากขนาดนั้น
แต่พอวัดเป็นคะแนนออกมา กลับติด 1 ใน 5 เฉยเลย
เหมือนกับว่าลึก ๆ แล้วเราอยากทำนั่นแหละ แต่เราแค่ไม่รู้ตัวเฉย ๆ
เหมือนได้ค้นพบส่วนหนึ่งของตัวเองที่ซ่อนอยู่เลย
เป็น session ที่ประทับใจมาก ๆ
และเราก็ได้ค้นพบสิ่งที่เราจะทำในวันพรุ่งนี้แล้วค่ะ
เป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ที่รู้สึกว่าผ่านไปเร็วมาก
สิ่งที่เคยหนัก ๆ อยู่ในหัว ตอนกลับออกมาจากคลินิกเรียกได้ว่าโล่งสบายมากค่ะ
ทุก ๆ ขั้นตอนไม่มีขั้นตอนไหนน่ากลัวเลย
หวังว่าประสบการณ์ของเราจะทำให้คนที่กำลังลังเล ตัดสินใจได้นะคะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น