เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน “อยากตาย…ไม่ได้ตาย”



 
ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวในตอนนี้ หากใครเคยได้ยินคำว่า บังเอิญ สำหรับผมแล้ว มันไม่มีคำว่าบังเอิญ
เพราะทุกเส้นทาง และ ทุกๆ เรื่องเล่าที่เกิดขึ้นนั้น มันถูกขีดเขียนขึ้นมาจากการกระทำของเราเอง จากอดีตส่งผลมายังปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เป็นการยืดเยื้อมากจนเกินไปกับการอารัมภบทของผมในตอนนี้ งั้นเราไปลุยกันเลยดีกว่าครับ …..
เรื่องเล่าเรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดจากคนๆ นึงครับ ผมขอเล่าแทนตัวเขา โดยเล่าเป็นตัวผมไปเลยละกันครับมันจะได้อ่านกันแล้ว แบบต่อเนื่องไม่ดูสับสนกันไปนะครับ

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ เริ่มต้นขึ้นมาในช่วงต้นๆ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ครับ ในช่วงบ่ายๆวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่นั่นเองมีข้อความทักเข้ามาว่า “พี่ทีๆ พี่พอจะว่างไหมคะ? พอดีหนูมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย” ข้อความที่ผมได้อ่านจบลงนั้นเป็นข้อความจากน้องตูน ผมขออธิบายเกี่ยวกับน้องตูนก่อนนะครับ  จะได้พอเห็นภาพคร่าวๆของน้องตูนว่าเป็นอย่างไร น้องตูนเป็นลูกครึ่งผสมไทยจีน ผิวออกสีน้ำผึ้งหน่อยๆ ผู้หญิงไอทียุคใหม่ มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าคิดกล้าทำ อยู่ในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งในกรุงเทพครับ เราสองคนรู้จักกันมานานผ่านเพื่อนของผมเอง จึงทำให้เราสองคนนั้นรู้จักกันมาน่าจะ 4-5 ปีได้ครับ ปล. สาวตูนยังโสดน๊า ใครสนใจก็ทักมาถามได้น๊า แฮร่ มาต่อกันดีกว่าครับเดี๋ยวจะยืดยาวไปกว่านี้ 
หลังจากที่ผมได้อ่านข้อความจึงตอบกลับไปหาน้องตูนว่า “อ่อ ว่าไงๆ มีอะไรจะมาเม้ามอยกับพี่” น้องตูนเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ

พอดีว่าน้องที่ออฟฟิศที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเจอกัน เช้านี้อยู่ดีๆ นางก็มาเล่าให้ฟังถึงเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับนาง แต่หนูไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี หนูคิดถึงพี่ทีคนแรกเลย มาปรึกษาพี่นี่แหละว่าจะช่วยนางยังไงดี ผมจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น น้องตูนเล่าว่า น้องคนนี้ชื่อน้องเกดคะพี่ น้องเกดเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านของน้องเกดมันมีเรื่องแปลกๆ หลังจากที่พ่อเลี้ยงหนูมาอยู่ในบ้าน หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งตัวหนูเอง แม่เอย ลุงป้าน้าอา ค่อยๆ ป่วยกัน โรคนั้น โรคนี้ หนูพูดตรงๆเลยว่าหนูไม่ชอบพ่อเลี้ยงคนนี้จริงๆคะ อีกอย่างหนึ่ง พ่อเลี้ยงคนนี้เวลาเจอกันมักจะชอบเอาตัวมาใกล้ๆ แล้วพยายามมาแตะตัว หรือ สัมผัสตัวหนู หลังจากนั้นไม่นาน ความไม่ชอบ ก็กลายเป็นเฉยๆ แบบหนูงงมากเลยค่ะพี่ น้องเกดเล่าให้หนูฟังต่อมาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งมันมีเรื่องราวมากกว่านี้ผมขอละในส่วนนี้เอาไว้ก่อนนะครับ ค่อยกลับมาเล่าต่อ แต่มีส่วนอื่นที่ฟังแล้วมันตะหงิดๆ อยู่ในใจ 

โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า หลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับน้องเกดนั้น ทำให้น้องกลับมาคิดได้ว่า
ไม่อยากตาย น้องถามหนูว่า น้องจะตายไหม หนูตอบไม่ได้จริงๆในตอนนั้น หนูทำได้เพียงแต่ปลอบใจว่าไม่ตายหรอก พอเราคุยกันได้สักหนึ่งเราก้ต้องแยกย้ายกันไปทำงานค่ะพี่

หลังจากผมได้ฟังจบลง ผมจึงบอกกับน้องตูนว่า เอาแบบนี้ละกัน ไว้ให้น้องเกด ทักเข้ามาในแชทส่วนตัว ถ้าเรามีเวลาว่างตรงกัน จะได้ให้น้องเกดโทรเข้ามา พอดีพี่มีอะไรจะคุยรวมถึงถามรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนแล้วกัน แต่พี่รับปากเรานะ ว่าพี่จะช่วยน้องเกดก็ตามนั้นแหละ หลังจากน้องตูนตอบมาว่ารับทราบ จะไปดำเนินการตามที่ผมได้บอกเอาไว้ครับ หลังจากนั้นผมได้พยายามติดต่อ สอบถามน้องเกด แต่ว่าในแต่ละครั้งเหมือนมีอะไรที่ทำให้ผมและน้องไม่ค่อยได้พูดคุยกัน เหมือนจะบ่ายเบี่ยง ผมพยายามติดต่อไป 2-3 ครั้ง

น้องก็บอกว่าพี่คะหนูยุ่งมากเลย ผมพยายามทักไปตอนสายๆ แล้วเค้าตอบมาตอนดึก พี่คะหนูเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นานนักทำให้งานขอหนูยุ่งมากๆเลย ถ้าหนูว่างแล้ว หนูสัญญาว่าจะตอบกลับไปหาพี่ให้เร็วที่สุดเลยค่ะ หลังจากที่ผมได้อ่านข้อความที่น้องเกด ตอบกลับมาในครั้งนี้เอง ทำให้ผมคิดว่ามันยังคงไม่ถึงเวลากระมังที่เราทั้งสองคนจะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากนั้นผมคิดว่าผมคงต้องทิ้งเวลาอีกสักหน่อยที่จะทักกลับไปใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนๆชาวแก๊งสายบุญก็มาทักผมว่า ศุกร์ – วันอาทิตย์นี้นายว่างไหม พอดีพวกเราจะนัดกันไปหาหลวงปู่กัน รวมไปถึงระหว่างการเดินทางก่อนที่จะขึ้นไปหาหลวงปู่ก็หาแวะตามวัดต่างๆไปด้วยเลยละกัน

ซึ่งในระหว่างการเดินทางของเรานั้น สามารถอ่าน เพิ่มเติมได้ที่ เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน จงไปวัดอกแตกแห่งเมืองละโว้    เพราะหากเล่าในตอนนี้ด้วยอาจจะยาวมากไปครับ แต่ผมขอตัดบางส่วนของเรื่องนี้ออกมานั่นคือ
หลังจากที่เรามาถึงที่สำนักสงฆ์ตามที่เราได้ตั้งใจไว้แล้ว หลังจากนั้น ตัวผมและหลวงปู่นั้นได้มีการสนทนาธรรมกัน จากนั้นไม่นาน หลวงปู่ก็ทักว่า ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? เห็นว่าไปช่วยคนมา 3 คนไม่ใช่รึ ผมแอบตกใจ
เพราะระหว่างที่มาถึงผมยังไม่ได้เล่าเลย แต่ก็ได้แต่อ้อมแอ้มตอบไปเหมือนเช่นเคยว่า คร้าบบ ไปช่วยมาคร้าบบ โดยทั้ง 3 คน นั่นก็คือ

คนแรก ฝากบอกเขาด้วยนะให้หยุด เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะว่าความรัก ถ้ามันยากแล้ว ก็ไม่ควรไปต่อความยาวสาวความยืดอีก ถ้าฝืนทำต่อไป จะไม่มีใครช่วยได้ จะไม่ใช่แค่ตกนรกนะ แต่จะตกอเวจีเสียด้วยซ้ำ ผมได้แต่ตอบกลับหลวงปู่ไปว่า คร้าบจะกลับไปเตือนให้ครับ

คนสอง หลวงปู่ บอกว่า น้องผู้หญิง คนนั้นที่พยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้เป็นอะไร ก่อนที่มาเจอผมนั้น เค้าเคยให้สัญญาไปแล้ว แต่จำไว้นะสัญญา ยกเลิกได้ แต่สัจจะเมื่อให้แล้ว ต้องยอมรับผลที่ตามมา ดังนั้นเลือกเอาว่าจะให้สัจจะหรือสัญญา ไปถามน้องคนนี้ให้ดีๆ จะเอาแบบใด

แล้วคนสุดท้าย ที่เราไปช่วยเค้าที่ญาติเค้าป่วย ผมตอบกลับหลวงปู่ไปว่า ผมจำไม่ได้ครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ แต่ที่จำไม่ได้เพราะเหนื่อยจากการเดินทางหรือ มันนานมาแล้วก็ไม่รู้ได้ แต่สามารถอ่านเรื่องของเธอคนนี้ได้ที่    เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน จงไปวัดอกแตกแห่งเมืองละโว้ ครับ
หลังจากการเดินทางในครั้งนี้จบลง ผมพยายามติดต่อไปหาน้องเกด โดยสอบถามถึงสถานการณ์ต่างๆจากเจ้าตูนก่อน ซึ่งตูนบอกกับผมว่า ตอนนี้น้องทำงานยุ่งมาก ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่ที ผมจึงเล่าเรื่องที่ผมและหลวงปู่สนทนาธรรมกันเกี่ยวกับน้องเกดให้น้องตูนได้ฟัง เกี่ยวกับเรื่อง “สัจจะกับสัญญา”
หลังจากที่น้องตูนได้ฟังเรื่องราวที่ผมได้เล่าจบลง น้องตูนบอกว่าจะรีบนำเรื่องทั้งหมดนี้ไปเล่าเรื่องให้น้องเกดฟังทันที และจะบอกด้วยว่าถ้ามีเวลาให้รีบติดต่อหาพี่ทีทันทีเลยค่ะ

เรื่องที่สอง…. ทุกครั้งก่อนที่ปิดไฟนอน หนูมักจะเห็นว่ามีเงาดำๆมานอนข้างๆตลอด หรือหลับตาไปแล้ว พยายามจะมากอด มาสัมผัสหนูคะ รวมไปถึงในห้องของหนูเองจะเหมือนมีคนเดินไป เดินมาในห้อง พยายามทำเสียงให้รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยคะ ทำให้ตลอดเวลา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา หนูนอนไม่ได้เลย หรือ พอนอนไปได้สักพักหนูก็จะผวาตื่นตลอดเวลา เรียกว่าสติแทบจะหลุดเลยเวลาไปทำงานค่ะพี่

และเรื่องสุดท้าย จริงๆก้มีเรื่องอื่นแต่ที่มันหนักๆ ชัดๆน่าจะ 3 เรื่องนี้คือว่า…. พี่ไม่รู้จะเชื่อไหมแต่ หนูมักจะได้ยินเสียงเหมือนคนพยายามเปิดประตูเข้ามาในห้อง ถ้าพี่ลองดู ถ้ามีคนดัน มันจะมีเสียงดัง กึกๆ เหมือนมีแรงพยายามผลักประตู แต่มันเข้ามาไม่ได้ หนูไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เพราะว่ามียันต์อยู่ที่หน้าประตูไหม พอดี มันเป็นยันต์เดิมๆก่อนที่หนูจะย้ายเข้ามาอยู่ค่ะ แต่รอบนี้ เหมือนมันมีเสียงดันประตูแรงขึ้น เหมือนจะเข้ามาได้เลย น่ากลัวมาค่ะพี่
หลังจากน้องเกดเล่าเรื่องจบลง ก็มีเสียงตูนแทรกเข้ามาว่า ถามพี่เค้าเลย ผมก็เลยเอ๊ะ จะถามอะไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว น้องตูนและน้องเกดถามว่า เย็นนี้ว่างพอที่จะคุยกันไหม

น้องเกดเขาอยากจะเล่าความเป็นมาตั้งแต่เริ่มเลย ผมตอบกลับไปว่า อ้อ ได้สิ พี่ว่างพอดี เราจะโทรมากี่โมงละ แล้วโทรมาเล่า 3 สายเลยก็ได้ ถ้ามีอะไรที่ฟัง หรือ ถามไม่ครบ จะได้ช่วยกันด้วย น้องตูนบอกว่าได้เลย

ตัดภาพมาไวดั่งจรวด มาตอน 2 ทุ่ม หลังจาก พวกเราทั้ง 3 คนนั้น รวมกลุ่มกันใน Messenger เป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้องตูนทักขึ้นมาว่า พี่ทีพร้อมไหม หนูและเกดพร้อมแล้ว ตัวผมนั้นพร้อมอยู่ก่อนแล้วครับ พอเห็นข้อความมาจึงบอกว่า กดโทรเข้ามาได้เลยเธอ พวกเราจะได้คุยกันยาวๆ หน่อย ไม่งั้นกว่าจะได้คุยกันนี่ อุปสรรคเยอะเหลือเกินนะเธอ จากนั้น เรื่องราวต่างๆ ก็ได้เริ่มขึ้น ……

ด้วยนิสัยของผมเอง ผมเลยเปิดประเด็นกับเรื่องที่สงสัยมาสักพักแล้ว ว่าน้องเกดเริ่มเจอเรื่องแปลกๆตอนไหน?

น้องเกด : ตั้งแต่ตอนอุบัติเหตุรอบแรกเลยค่ะ หนูกำลังเดินไปตลาดไปซื้อของให้ที่บ้านค่ะ อยู่ๆมีรถมอเตอร์ไซค์ ขับมาจากไหนไม่รู้ พุ่งชนหนู ไถลไปไกลมากเลยค่ะพี่ แต่เชื่อไหมว่า หนูไม่เป็นอะไรเลย แค่เสื้อขาดเท่านั้นเอง
ตอนนั้นตกใจมากค่ะพี่ ตอนไถล คือ งงมาก ทำไมหนูยังอยู่ก็ไม่รู้ 55555 น่าจะไม่รอดแล้วนะเนี่ย

ผม : นอกจากอุบัติเหตุ แล้วมีอย่างอื่นอีกไหมละ?

น้องเกด : มีค่ะ หนูรอดตายจากโรคภัยก็หลายครั้งค่ะพี่ จริงๆก็ตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ค่ะ อ้อ มันมีเรื่องนึงค่ะที่แม่เล่าให้หนูฟัง พี่อยากฟังไหมคะ?

ผม : เอาซิ เล่ามาได้เลย จะมัวรอช้าอยู่ไย

น้องเกด : เริ่มตั้งแต่หนูเกิดมาได้ไม่นาน หนูป่วยช่วงตอนเกิดมา 3-4 เดือน ป่วยเข้ารพ. หมอหาสาเหตุไม่ได้ ที่บ้านก็พยายามรักษาไป ดูแลกันไป แต่จะเรียกว่าไงดี พอโตขึ้นมาหน่อย พ่อกับแม่เลี้ยงหนูมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แม่เล่าว่ามีอยู่คืนหนึ่ง ดึกมากแล้ว
แม่ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาว่า (((((( พวกดูแลลูกสาวไม่ดีพอ กูจะมาเอามันคืน ตอนนี้ ))))))) หลังจากที่แม่หนูได้ยินแบบนั้น แม่หนูซึ่งไม่กลัวผีเท่าไหร่ ก็ตะโกนออกไปว่า ชาติไหนไม่รู้เป็นลูกของนะ แต่ชาตินี้มันเป็นลูกของกู กูเลี้ยงมันไหว กูเลี้ยงมันเองได้
แล้วก็มีเสียงตอบกลับมาว่า ((((( ได้ งั้นกูจะตามดูพวกไว้ ถ้าดูแลมันไม่ดี กูจะกลับมาเอามันคืนแน่ …. ))))))

ผม : พี่ว่าน่าจะเป็นแม่ซื้อ แม่หา ที่ดูแลเราแหละ เขาคงหวงเรามากเลยนะ เออว่าแต่ เห็นเข้า รพ.บ่อย มีเรื่องที่ รพ.บ้างไหม เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ

น้องเกด : เกี่ยวกับโรงพยาบาลหรอคะ อ้อ ก็มีตอนที่รถโรงพยาบาลมารับ ถ้าหนูนับไม่ผิด น่าจะ 9 ครั้งได้ค่ะพี่ ทำให้ตอนนี้หนูกลายเป็นกลัวเสียงไซเรนไปเลย งั้นขอหนูเล่าสักตอนนึงคือ เป็นตอนที่หนูต้องเข้าผ่าตัดก้อนเนื้อตรงสะโพกเพราะว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด ในตอนนั้นหนูต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเดือนๆเลยนะ แต่ไม่ตายค่ะพี่ ครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าหนักมาก รวมไปถึงหนูเจอผีรพ.เยอะมากค่า ส่วนมากจะเจอแบบว่าเดินในห้องกันไปมา กับตอนนอนหนูก็มักจะฝันว่ามีคนยืนที่ระเบียงตลอดเลย ตอนติดเชื้อในกระแสเลือดนี่เรียกว่ามาแทบทุกวัน หนูพยายามข่มตาหลับค่ะพี่ ตัวหนูนี่เหงื่อแตกเต็มตัว ที่หนูต้องข่มตาหลับ เพราะถ้าหนูลืมตาขึ้นมาตอนกลางคืน จะเห็นเงาดำๆรอบเตียง หรือลุกไปเข้าห้องน้ำ จะเห็นเงาดำๆมานอนบนเตียง ไม่รู้จะทำยังไง ก็ข่มตา ข่มใจ ลากสังขารขึ้นไปบนเตียง พอจะโน้มตัวลงไป เงาสีดำๆ ก็ค่อยๆเลือนหายไป จากนั้นต้องห่มผ้าปิดตัวไปเลยค่ะ

เดี๋ยวมาลงต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่