เราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เรายอมรับว่าวางแผนการเงินไม่ดี ช่วงที่ลูกต้องเข้ามหาลัยเลยติดขัดปัญหาเรื่องเงิน ได้หยิบยืมจากเพื่อนคนนึงเป็นจำนวน 40 k โดยคุยกันไว้ว่าจะเริ่มใช้หนี้ก้อนแรกเดือนมิถุนายนของปีนี้ นั่นหมายถึงว่าเคลียร์เรื่องมหาลัยลูกจบเคลียร์เรื่องค่าเทอมลูกจบก่อน โดยตกลงจะจ่ายหนี้เพื่อนเป็นรายเดือน เราซาบซึ้งใจมากมันเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร แต่ตั้งแต่วันที่เรายืมเงินเพื่อน ชีวิตต้องเปลี่ยนไป ทักมาหาตอนกลางวันเบรคกี่โมง ทักมาหาตอนเย็นเลิกงานกี่โมงถึงบ้านหรือยัง แล้วก็โทรหาทั้งกลางวันทั้งเย็น ชวนคุยเรื่อยเปื่อยพูดจาเรื่อยเปื่อยไม่ได้ทวงหนี้แต่ก็ไม่ได้มีสาระอะไร ย้ำว่าโทรทุกวัน วันละ 2 รอบก็มี คุยอย่างต่ำครึ่งชั่วโมง คือเราเป็นหนี้เขาเราก็เกรงใจ เราไอแค๊กๆไม่สบายอยู่ก็ไม่ยอมวาง คุยไปเรื่อย แต่คือเราต้องทำงานเราต้องทำมาหากินเพื่อที่จะหาเงินมาใช้หนี้เขานี่แหละ เรารู้สึกเสียสุขภาพจิตมาก แต่เราก็ไม่ได้มีเงินเดือนเยอะขนาดที่จะจ่ายหนี้เขาทีเดียวเพื่อที่จะตัดปัญหา มันกลายเป็นความทุกข์กลายเป็นความเครียด ไม่รู้จะคุยกับใครไม่รู้จะบอกใคร คือถ้าเขากลัวว่าเราจะไม่จ่ายหนี้ หรือว่าจะไม่ได้เงินคืน เขาก็ควรจะบอกเราตรงๆได้นะเพราะเขาเป็นเจ้าของเงิน แต่การที่เขาทำแบบนี้ เราประสาทเสียมาก เราไม่มีสมาธิทำงาน เราเครียด ขนาดเราบอกว่าติดธุระพาลูกไปสอบเขาก็ยังโทรหา คือเขาก็เป็นผู้หญิงเหมือนเรานี่แหละ จะบอกว่าเขาช่วยเพราะเขาชอบเราก็คงไม่ใช่ ขนาดบอกว่านั่งรถเมล์อยู่ก็ยังโทรหา ถามเราว่าเบรคกี่โมง เราตอบว่า 12.30 น. พอถึงเวลาปุ๊บเขาโทรมาทันที เขาไม่คิดว่าเราต้องกินข้าวบ้างหรอ คือเราไม่เข้าใจจริงๆนะ เราอยากจะถามเขาว่าพี่กลัวหนูไม่คืนเงินพี่หรอกลัยหนูหายไปหรอ ถ้าหนูไม่มีสติไม่มีสมาธิทำมาหากินแบบนี้หนูจะเอาเงินที่ไหนมาคืนพี่ค่ะ เราเครียดจริงๆ
ยืมเงินเพื่อน เพื่อนคนนั้นโทรหาเราทุกวันโดยที่ไม่ได้ทวงหนี้