นิสสันทำฮือฮา! เปิดกลยุทธ์ หั่นต้นทุนผลิตรถอีวีลง 30% ตั้งเป้าดันยอดขายปีละกว่าล้านคัน

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4492314

นิสสันทำฮือฮา! เปิดกลยุทธ์ หั่นต้นทุนผลิตรถอีวีลง 30% ตั้งเป้าดันยอดขายปีละกว่าล้านคัน 
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม บริษัท นิสสัน หนึ่งในค่ายรถยักษ์สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศแผนกลยุทธ์การผลิตยานยนต์ ที่ตั้งเป้าจะลดต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) รุ่นใหม่ลง 30% ในการมุ่งแข่งขันกับจีน คู่แข่งสำคัญในตลาดรถยนต์อีวีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
 

แผนกลยุทธ์ใหม่ในระยะกลางนี้ ที่นิสสันประกาศออกมาระบุว่า นิสสันมุ่งหมายที่จะผลิตรถอีวีรุ่นต่อไปให้มีราคาเท่ากับรถยนต์สันดาป ภายในปีค.ศ.2030 นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าที่จะขายรถให้ได้ทั่วโลกปีละมากกว่า 1 ล้านคันภายใน 3 ปี

นายมาโกโตะ อูจิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของนิสสัน กล่าวให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงผลกำไรของบริษัทในตลาดทั่วโลกให้ดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่านิสสันประสบกับอุปสรรคบางประการในตลาดจีน

“พูดตามตรง เราต้องดิ้นรนในแง่ของยอดขาย ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาสิ่งต่างๆ ปรับดีขึ้นบ้าง แต่กระนั้นกำลังการผลิตของเรายังคงมากเกินไป” นายอูจิดะกล่าว และว่า ด้วยการทำงานร่วมกับหุ้นส่วนที่ร่วมทุนในจีน เราจะปรับปรุงระดับการผลิตของเราต่อไปและทำงานกับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เราเติบโตในตลาด
นิสสันระบุว่า จะทำให้การลดต้นทุนบรรลุผลสำเร็จอย่าง “มีนัยสำคัญ” ในการผลิตรถอีวีล้ำหน้ารุ่นต่างๆ ผ่านการพัฒนาแบบ grouped family ซึ่งหมายถึงการใช้ชิ้นส่วนประกอบร่วมกันได้ในรถรุ่นที่หลากหลาย โดยการผลิตยานยนต์ภายใต้แนวทางนี้จะเริ่มต้นขึ้นในปีงบประมาณ 2027

นิสสันระบุอีกว่า จะลดต้นทุนการผลิตรถยนต์อีวีรุ่นต่อไปลง 30% โดยการบูรณาการระบบกำลังส่งรถยนต์ การใช้การผลิตแบบโมดูลาร์รุ่นต่อไป การจัดหาร่วม และนวัตกรรมแบตเตอรี่เข้าไว้ด้วยกัน

เมื่อต้นเดือนต้นนี้ ทั้งนิสสันและบริษัท ฮอนด้า ค่ายรถยักษ์คู่แข่ง ต่างกล่าวว่ากำลังสำรวจความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านรถยนต์ไฟฟ้าในขณะเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เป็นครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่นักวิเคราะห์ชี้ว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อไล่ตามให้ทันจีนที่เป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด

โดยในปีที่แล้วจีนยังก้าวขึ้นแซงหน้าญี่ปุ่น กลายเป็นผู้ส่งออกรถรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รถยนต์ไฟฟ้าของจีนครองตลาดโลก


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่