เวลาไปงานชุมนุม งานเลี้ยงหรืองานพิธีต่าง ๆ ที่ประกอบไปด้วยเพื่อนที่อยู่หรือเคยอยู่ในสถาบันเดียวกัน หรือเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน หรือเป็นเพื่อนในวงสังคมเดียวกัน หรืออยู่ในหมู่คนที่มีความสนใจหรือเป็นแฟนคลับอะไรบางอย่างเหมือนกัน เรามักอยากจะได้ฟังหรือได้ร้องเพลงที่เราชอบที่ทำให้เรามีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความสุข มีพลัง มีความหวังและมองโลกในแง่ดี
เพลงนั้นหรือเพลงเหล่านั้นก็คือเพลงที่มีความหมายและคนที่อยู่ในกลุ่มก็คิดและเชื่อแบบเดียวกัน ลองมาไล่ดูอย่างคร่าว ๆ ว่ามีงานชุมนุมอะไรบ้างที่มักจะมีการร้องเพลงและเพลงอะไรบ้างที่เป็นที่นิยมกันกว้างขวางต่อเนื่องยาวนาน
เริ่มตั้งแต่งานเลี้ยงศิษย์เก่าโรงเรียนและวิทยาลัยซึ่งก็เป็นมาตรฐานที่ทำเหมือนกันหมด นอกจากเพลงประจำสถาบันแล้ว แต่ละแห่งก็อาจจะมีเพิ่มเพลง “ยอดนิยม” ที่มักจะมีและร้องกันเป็นประจำ อย่างของผมก็คือเพลง “ปราสาทแดง” ที่พูดถึงตึกสีแดงเก่าแก่ทรง “วินด์เซอร์” ที่ทุกคนรู้สึกว่าเป็นสัญลักษณ์ของคณะ ทำเพลงและขับร้องโดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ที่เด่นดังที่สุดสมัย 50 ปีก่อน
ตั้งแต่เด็ก ผมถูกสอนให้ร้องเพลง “สามัคคีชุมนุม” เวลาฝึกลูกเสือตั้งแต่ชั้นประถม ซึ่งก็เป็นเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยของ “โอลด์แลงไซน์” เพลงเก่าอายุกว่าสองร้อยปีที่เล่นหรือร้องกันทั้งโลกจนถึงวันนี้ เพลงนี้เป็นเพลงที่มักจะร้องกันวันสิ้นปีของฝรั่ง เป็นวันที่รำลึกถึงวันเก่า ๆ เพื่อนเก่า ๆ ที่ไม่ได้เจอกันนาน เป็นเพลงแห่ง “มิตรภาพ” และการทำความดี
อย่างเช่นคนทั้งโลกมาร่วมกันทำสิ่งที่ดี ๆ การช่วยคนอดหยากหิวโหย หรือช่วยกันรักษ์โลกอะไรแบบนั้นก็จะเปิดหรือร้องเพลง “Auld Lang Syne” นอกจากนั้น งานจบการศึกษาและรับปริญญาของสถาบันการศึกษาก็มักจะเปิดเพลงนี้ เช่นเดียวกับงานศพที่จะเป็นการรำลึกถึงเวลายาวนานที่ผ่านไปของเพื่อนและคนที่ตายอะไรแบบนั้น และก็ต้องถือว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงยอดนิยมตลอดกาลเพลงหนึ่ง
เพลงการชุมนุมที่มีการเปิดหรือร้องกันหลาย ๆ เพลงมากก็คือ เพลงของการประท้วงต่อสู้โดยเฉพาะทางการเมืองและสังคม ถ้าพูดถึงการประท้วงทางสังคม เพลง “Imagine” ของจอนห์ เลนนอน วง The Beatles เป็นเพลงหนึ่งที่โด่งดัง โดยเฉพาะการประท้วงการทำสงครามและความเท่าเทียมกันของมนุษย์
อีกเพลงหนึ่งที่ใช้กันพอสมควรในการประท้วงผู้เผด็จการทางการเมืองก็คือเพลงที่นักศึกษาคนรุ่นใหม่ประท้วงรัฐบาลเมื่อ 3-4 ปีก่อน ซึ่งเป็นเพลงในละครบอร์ดเวย์ที่โด่งดัง “Les Miserables” เพลงชื่อ “Do You Hear The People Sing?” หรือ “คุณได้ยินเสียงร้องเพลงของประชาชนไหม?”
ในส่วนของเพลงไทยเองนั้น เพลงเก่าที่ใช้ในขบวนการประท้วงสมัย 14 ตุลาคม 2516 ก็ถูกนำมาร้องใหม่เช่นเดียวกันนั่นก็คือเพลง “สู้ไม่ถอย” แต่งโดยเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่เป็นผู้นำนักศึกษาฝ่ายซ้าย แต่กลับมาถูกใช้อีกครั้งโดยกลุ่ม กปปส. ที่เป็นผู้ประท้วงฝ่ายขวาเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ยังถูกนำมาใช้อีกโดย “นักต่อสู้” คนรุ่นใหม่ เหตุผลอาจจะเพราะว่ามันเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องและทำนองที่ปลุกใจให้ฮึกเหิมมาก ไม่ว่าคุณจะเป็นซ้ายหรือขวา
เพลงเพื่อสรรเสริญคนโดยเฉพาะคู่ชีวิตที่ตายไปแล้วในงานศพ ซึ่งก็เป็นที่นิยมมากในระยะหลัง ๆ นี้ก็คือ เพลง “Wind Beneath My Wings” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “Hero” หรือแปลว่า “ลมใต้ปีกของฉัน” หรือ “วีรบุรุษ” ขับร้องโดย “Bette Midler” นี่คือการบอกให้แขกรู้ว่า คนที่ตายคือผู้ที่ช่วยเหลือและสนับสนุนตนเองทุกอย่างโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรทั้งสิ้น เป็นครั้งสุดท้าย..
งานแข่งขันกีฬาเป็นอีกการชุมนุมหนึ่งที่มักจะต้องมีการร้องเพลง ผมคงไม่พูดถึงเพลงเชียร์ที่มีความหลากหลายและเป็นเรื่องที่ร้องกันเฉพาะสถาบันหรือฝ่ายที่มีเพลงเชียร์ประจำทีม แต่เพลงที่เริ่มมีบทบาทขึ้นมาเป็น “เพลงชาติ” ของกีฬา อย่างฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ—อย่างไม่เป็นทางการ ก็คือเพลงที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการกีฬาเลยก็คือเพลง “Sweet Caroline” ขับร้องโดย “Neil Diamond”
หลังจากโด่งดังและเป็นที่ยอมรับในอังกฤษและยุโรป Sweet Caroline ก็ข้ามไปดังในอเมริกา กีฬาหลาย ๆ ประเภทและหลาย ๆ ทีมเริ่มยอมรับเอามาเป็นเพลงที่จะเปิดและร้องกันเวลาแข่งขันและเมื่อทีมตนเองชนะ เพราะเพลงนี้มีทำนองและเนื้อร้องที่จับใจและคนสามารถแสดงอาการเป็นมิตรและยินดีร่วมกันและเฉพาะอย่างยิ่งท่อนฮุคที่ร้องว่า “Good times never seemed so good. I’ve been inclined. To believe they never would”
ซึ่งก็แปลเป็นภาษากีฬาว่า “มันช่างเป็นเวลาที่ดีเหลือเกิน ชัยชนะช่างหอมหวานเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นจริง”
ผมเองยังจำได้แม้ว่าเวลาจะผ่านมาประมาณ 55 ปีมาแล้ว วันนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นที่ชอบฟังเพลงที่สมัยนั้นยังหาฟังไม่ค่อยได้ ทีวีช่องหนึ่งออกอากาศรายการเพลงครึ่งชั่วโมงและนำเสนอวงดนตรีหน้าใหม่ที่เพิ่งชนะการประกวดแข่งขันเพลงสตริงประเทศไทยชื่อ “ดิอิมพอสซิเบิล” เพลงที่ร้องคือเพลงที่กำลังดังในต่างประเทศชื่อ “Sweet Caroline”
ผมได้ฟังเป็นครั้งแรกจนจบพร้อมกับความรู้สึกว่ามันเพราะมาก ๆ และมันติดอยู่ในหัวตั้งแต่วันนั้น ไม่นึกเลยว่าถึงวันนี้มันก็ยังดังในวงการกีฬาและเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะที่หวานดุจ “คาโรไลน์” ซึ่งคนแต่งบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจจากชื่อลูกสาวตัวน้อยของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ในขณะนั้น
กลับมาที่การลงทุน ผมเองไม่รู้หรืออาจจะไม่ตระหนักว่ามีเพลงที่นักลงทุนชอบร้องกันเป็นพิเศษหรือบ่อย ๆ ไหมเวลามีอีเว้นท์เกี่ยวกับการลงทุน หรือมีเพลงอะไรไหมที่นักลงทุนมักชอบเป็นพิเศษ ผมคิดว่าไม่มี แต่ผมเองคิดว่าเราควรมีเหมือนวงการอื่น เช่นในวงการกีฬา
เหตุผลก็เหมือนกับวงการกีฬา การลงทุนนั้น ผมคิดว่ามีเรื่องของการศึกษา ฝึกซ้อม อาศัยโชคบ้างเล็กน้อย เข้าแข่งขันหรือลงทุนเป็นเม็ดเงินและก็หวังทำกำไรได้งดงามหรือหวังที่จะ “ชนะ” และแน่นอนว่านักลงทุนก็อยากจะ “ฉลองความสำเร็จ” ด้วยการร้องเพลงแสดงความยินดีให้กับตนเองและ “กลุ่มของเรา” เช่น “กลุ่ม VI” กลุ่ม A หรือกลุ่ม B ที่เราเสมือนเป็นสมาชิก—โดยจิตวิญญาณ หรือเป็นกลุ่มจริง ๆ ที่ช่วยเหลือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันจริง
และวันหนึ่งเรามาเจอกัน อาจจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจจะเป็นงานสัมมนา และเป็นวันที่เรา “ชนะ” หรือได้รับผลตอบแทนอย่างงดงาม แล้วเราก็จะร้องเพลงหรือเปิดเพลงที่ทุกคนอยากร้อง
Sweet Caroline.
Good times never seemed so good
I’ve been inclined
To believe they never would
พูดง่าย ๆ ผมกำลังมองว่านักลงทุนแต่ละคนนั้น ก็คล้าย ๆ กับจะเป็นทีมหรือแฟนคลับของกลุ่มหุ้นหรือตลาดหุ้นแต่ละแห่ง เรามีสังคมและเข้าสังคม เรารู้จักคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันและเราเชื่อในสิ่งเดียวกันหรือหุ้นกลุ่มหรือตัวเดียวกัน ดังนั้นเราก็จะแพ้หรือชนะเหมือน ๆ กัน และน่าจะมีความทุกข์หรือสุขคล้าย ๆ กัน และวันที่ชนะเราก็ควรจะต้องฉลองและฟังหรือร้องเพลงของเรา Sweet Caroline..
23 มี.ค 2567
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
อ้างอิง
https://www.blockdit.com/posts/65feb1bf0ff634183a2912bc
เพลงรักนักลงทุน : โลกในมุมมองของ Value Investor โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เพลงนั้นหรือเพลงเหล่านั้นก็คือเพลงที่มีความหมายและคนที่อยู่ในกลุ่มก็คิดและเชื่อแบบเดียวกัน ลองมาไล่ดูอย่างคร่าว ๆ ว่ามีงานชุมนุมอะไรบ้างที่มักจะมีการร้องเพลงและเพลงอะไรบ้างที่เป็นที่นิยมกันกว้างขวางต่อเนื่องยาวนาน
เริ่มตั้งแต่งานเลี้ยงศิษย์เก่าโรงเรียนและวิทยาลัยซึ่งก็เป็นมาตรฐานที่ทำเหมือนกันหมด นอกจากเพลงประจำสถาบันแล้ว แต่ละแห่งก็อาจจะมีเพิ่มเพลง “ยอดนิยม” ที่มักจะมีและร้องกันเป็นประจำ อย่างของผมก็คือเพลง “ปราสาทแดง” ที่พูดถึงตึกสีแดงเก่าแก่ทรง “วินด์เซอร์” ที่ทุกคนรู้สึกว่าเป็นสัญลักษณ์ของคณะ ทำเพลงและขับร้องโดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ที่เด่นดังที่สุดสมัย 50 ปีก่อน
ตั้งแต่เด็ก ผมถูกสอนให้ร้องเพลง “สามัคคีชุมนุม” เวลาฝึกลูกเสือตั้งแต่ชั้นประถม ซึ่งก็เป็นเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยของ “โอลด์แลงไซน์” เพลงเก่าอายุกว่าสองร้อยปีที่เล่นหรือร้องกันทั้งโลกจนถึงวันนี้ เพลงนี้เป็นเพลงที่มักจะร้องกันวันสิ้นปีของฝรั่ง เป็นวันที่รำลึกถึงวันเก่า ๆ เพื่อนเก่า ๆ ที่ไม่ได้เจอกันนาน เป็นเพลงแห่ง “มิตรภาพ” และการทำความดี
อย่างเช่นคนทั้งโลกมาร่วมกันทำสิ่งที่ดี ๆ การช่วยคนอดหยากหิวโหย หรือช่วยกันรักษ์โลกอะไรแบบนั้นก็จะเปิดหรือร้องเพลง “Auld Lang Syne” นอกจากนั้น งานจบการศึกษาและรับปริญญาของสถาบันการศึกษาก็มักจะเปิดเพลงนี้ เช่นเดียวกับงานศพที่จะเป็นการรำลึกถึงเวลายาวนานที่ผ่านไปของเพื่อนและคนที่ตายอะไรแบบนั้น และก็ต้องถือว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงยอดนิยมตลอดกาลเพลงหนึ่ง
เพลงการชุมนุมที่มีการเปิดหรือร้องกันหลาย ๆ เพลงมากก็คือ เพลงของการประท้วงต่อสู้โดยเฉพาะทางการเมืองและสังคม ถ้าพูดถึงการประท้วงทางสังคม เพลง “Imagine” ของจอนห์ เลนนอน วง The Beatles เป็นเพลงหนึ่งที่โด่งดัง โดยเฉพาะการประท้วงการทำสงครามและความเท่าเทียมกันของมนุษย์
อีกเพลงหนึ่งที่ใช้กันพอสมควรในการประท้วงผู้เผด็จการทางการเมืองก็คือเพลงที่นักศึกษาคนรุ่นใหม่ประท้วงรัฐบาลเมื่อ 3-4 ปีก่อน ซึ่งเป็นเพลงในละครบอร์ดเวย์ที่โด่งดัง “Les Miserables” เพลงชื่อ “Do You Hear The People Sing?” หรือ “คุณได้ยินเสียงร้องเพลงของประชาชนไหม?”
เพลงเพื่อสรรเสริญคนโดยเฉพาะคู่ชีวิตที่ตายไปแล้วในงานศพ ซึ่งก็เป็นที่นิยมมากในระยะหลัง ๆ นี้ก็คือ เพลง “Wind Beneath My Wings” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “Hero” หรือแปลว่า “ลมใต้ปีกของฉัน” หรือ “วีรบุรุษ” ขับร้องโดย “Bette Midler” นี่คือการบอกให้แขกรู้ว่า คนที่ตายคือผู้ที่ช่วยเหลือและสนับสนุนตนเองทุกอย่างโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรทั้งสิ้น เป็นครั้งสุดท้าย..
งานแข่งขันกีฬาเป็นอีกการชุมนุมหนึ่งที่มักจะต้องมีการร้องเพลง ผมคงไม่พูดถึงเพลงเชียร์ที่มีความหลากหลายและเป็นเรื่องที่ร้องกันเฉพาะสถาบันหรือฝ่ายที่มีเพลงเชียร์ประจำทีม แต่เพลงที่เริ่มมีบทบาทขึ้นมาเป็น “เพลงชาติ” ของกีฬา อย่างฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ—อย่างไม่เป็นทางการ ก็คือเพลงที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการกีฬาเลยก็คือเพลง “Sweet Caroline” ขับร้องโดย “Neil Diamond”
หลังจากโด่งดังและเป็นที่ยอมรับในอังกฤษและยุโรป Sweet Caroline ก็ข้ามไปดังในอเมริกา กีฬาหลาย ๆ ประเภทและหลาย ๆ ทีมเริ่มยอมรับเอามาเป็นเพลงที่จะเปิดและร้องกันเวลาแข่งขันและเมื่อทีมตนเองชนะ เพราะเพลงนี้มีทำนองและเนื้อร้องที่จับใจและคนสามารถแสดงอาการเป็นมิตรและยินดีร่วมกันและเฉพาะอย่างยิ่งท่อนฮุคที่ร้องว่า “Good times never seemed so good. I’ve been inclined. To believe they never would”
ซึ่งก็แปลเป็นภาษากีฬาว่า “มันช่างเป็นเวลาที่ดีเหลือเกิน ชัยชนะช่างหอมหวานเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นจริง”
ผมเองยังจำได้แม้ว่าเวลาจะผ่านมาประมาณ 55 ปีมาแล้ว วันนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นที่ชอบฟังเพลงที่สมัยนั้นยังหาฟังไม่ค่อยได้ ทีวีช่องหนึ่งออกอากาศรายการเพลงครึ่งชั่วโมงและนำเสนอวงดนตรีหน้าใหม่ที่เพิ่งชนะการประกวดแข่งขันเพลงสตริงประเทศไทยชื่อ “ดิอิมพอสซิเบิล” เพลงที่ร้องคือเพลงที่กำลังดังในต่างประเทศชื่อ “Sweet Caroline”
ผมได้ฟังเป็นครั้งแรกจนจบพร้อมกับความรู้สึกว่ามันเพราะมาก ๆ และมันติดอยู่ในหัวตั้งแต่วันนั้น ไม่นึกเลยว่าถึงวันนี้มันก็ยังดังในวงการกีฬาและเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะที่หวานดุจ “คาโรไลน์” ซึ่งคนแต่งบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจจากชื่อลูกสาวตัวน้อยของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ในขณะนั้น
กลับมาที่การลงทุน ผมเองไม่รู้หรืออาจจะไม่ตระหนักว่ามีเพลงที่นักลงทุนชอบร้องกันเป็นพิเศษหรือบ่อย ๆ ไหมเวลามีอีเว้นท์เกี่ยวกับการลงทุน หรือมีเพลงอะไรไหมที่นักลงทุนมักชอบเป็นพิเศษ ผมคิดว่าไม่มี แต่ผมเองคิดว่าเราควรมีเหมือนวงการอื่น เช่นในวงการกีฬา
เหตุผลก็เหมือนกับวงการกีฬา การลงทุนนั้น ผมคิดว่ามีเรื่องของการศึกษา ฝึกซ้อม อาศัยโชคบ้างเล็กน้อย เข้าแข่งขันหรือลงทุนเป็นเม็ดเงินและก็หวังทำกำไรได้งดงามหรือหวังที่จะ “ชนะ” และแน่นอนว่านักลงทุนก็อยากจะ “ฉลองความสำเร็จ” ด้วยการร้องเพลงแสดงความยินดีให้กับตนเองและ “กลุ่มของเรา” เช่น “กลุ่ม VI” กลุ่ม A หรือกลุ่ม B ที่เราเสมือนเป็นสมาชิก—โดยจิตวิญญาณ หรือเป็นกลุ่มจริง ๆ ที่ช่วยเหลือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันจริง
และวันหนึ่งเรามาเจอกัน อาจจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจจะเป็นงานสัมมนา และเป็นวันที่เรา “ชนะ” หรือได้รับผลตอบแทนอย่างงดงาม แล้วเราก็จะร้องเพลงหรือเปิดเพลงที่ทุกคนอยากร้อง
Sweet Caroline.
Good times never seemed so good
I’ve been inclined
To believe they never would
พูดง่าย ๆ ผมกำลังมองว่านักลงทุนแต่ละคนนั้น ก็คล้าย ๆ กับจะเป็นทีมหรือแฟนคลับของกลุ่มหุ้นหรือตลาดหุ้นแต่ละแห่ง เรามีสังคมและเข้าสังคม เรารู้จักคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันและเราเชื่อในสิ่งเดียวกันหรือหุ้นกลุ่มหรือตัวเดียวกัน ดังนั้นเราก็จะแพ้หรือชนะเหมือน ๆ กัน และน่าจะมีความทุกข์หรือสุขคล้าย ๆ กัน และวันที่ชนะเราก็ควรจะต้องฉลองและฟังหรือร้องเพลงของเรา Sweet Caroline..
23 มี.ค 2567
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
อ้างอิง https://www.blockdit.com/posts/65feb1bf0ff634183a2912bc