ขอเกริ่นไว้ก่อนว่าเราเคยถูกวินิฉัยว่าเป็นซึมเศร้า แต่จริงๆแล้วเราไม่คิดว่าตัวเองเป็นหรอก ก็แค่โตก่อนวัยนิดหน่อย เราเป็นคนหัววัยและประคิดประต่ออะไรได้เร็ว ทำให้เรารู้ว่าความจริงแล้วครอบครัวอยากจะมีลูกแค่สามคน แต่เพราะพี่คนโตเสียเลยมีเราขึ้นมาเพื่อให้พวกท่านกรบความเศร้าของตัวเอง พอเราเล่นบอลไม่เก่ง เรียนไม่ดี ไม่สดใสเท่าพี่ที่เสียไปแม่ก็หมดความใส่ใจกับเราแล้วเห็นพวกพี่ดีกว่า ส่วนพ่อยอมรับได้ก่อนแล้วเลยแสดงกับเราแบบปกติ แต่ติดที่ท่านค่อนข้างพูดน้อยและน่านิ่งเลยไม่ค่อยได้สนิทกันเท่าไหร่ เรารู้ถึงความรักลูกไม่เท่ากันในตอนที่แม่ขับรถไปส่งเราที่บ้านยาทกลางสายผลเพื่อต้อนรับแล้วฉลองกันอย่างอบอุ่นกับพวกพี่ๆและพวกเพื่อนของพี่ เราต้องยืนตากฝนและร้องหายมากกว่าห้าชั่วโมงหลังจากวิ่งตามรถของแม่ ในขณะที่คนในครอบล้อมวงกินข้าวกันพร้อมรอยยิ้ม ในตอนที่เราเข้าใจกับมันเราเลยเลือกที่จะทำเท่าที่จำเป็นพูดน้อยลง แทบไม่แสดงสีหน้า และใช้คำพูดที่ไม่ถนอมน้ำใจเท่าไหร่ พ่อที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มฝืนตัวเองจากเมร็งมาทักทายต้อนรับเราทั้งเช้าและเย็นในขณะที่เราเป็นอากาศสำหรับแม่และพวกพี่ๆ เราคิดว่ามันเป็นเพียงมารยาทและความรู้สึกผิดเราก็เลยทำเพียงพยักหน้าให้เป็นครั้งคราวตามมารยาทเช่นกัน สำหรับคนที่ไม่ทำงานก็ไม่ควรกินมากกว่าหนึ่งมื้อ คนที่ไม่เรียนจบสูงก็ไร้ค่า และคนที่คิดฆ่าตัวตายก็คือคนโง่และคนขี้ขลาดที่หนีปัญหาชีวิต นั่นคือสิ่งที่แม่คนนี้ได้สอนเรา มันจำให้เราชินชาจนเงียบขรึม อีกทั้งพอพ่ออาการทรุดเธอยังบอกว่าพ่อใจเสาะที่ไม่ยอมสู้ต่อ ความย้อนแย้งในสิ่งที่เธอสอนทำให้เราตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดว่าสมเหตุสมผลออกไป"เมร็งไม่มีวันรักษาหายในตอนนี้ เพราะงั้นก็ไม่ควรยื้อเวลาให้เสียเงินไปโดยใช่เหตุ" และในวันต่อมาท่านก็จากไป เราไม่รู้ศึกเสียใจเลยซักนิด และคิดว่ามันเป็นสิ่งในสมควรแล้ว แม่ที่เหตุอาการเราแบบนั้นเลยพาไปหาหมอและพยายามโกหกตัวเองว่าลูกไม่ได้มีอาการซึมเศร้า ลูกเธอไม่ได้เป็น'บ้า' คิดว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่มันก็การแดงฉากหนึ่ง คอยเอาอกเอาใจ หาของที่อยากกินมาให้ อยากได้อะไรก็จะให้ เพื่อให้เราเลิกแสดงซักที แม่เศร้าจากเรื่องของพ่อ แล้วก็พยายามหรอกตัวเองเรื่องของเรา สุดท้ายตัวเองก็คิดจะตาย เราเห็นว่ามันเป็นผลเสียกับครอบครัวเพราะเรายังเรียนไม่จบ และพวกพี่ก็ไม่เอาไหนซักคน เราเลย'แสดง'เล็กๆน้อยให้พยุงเธอไว้จนเธอยืนได้เองอีกครั้ง มันก็เครียดนิดหน่อย แต่รายการเวรชันสูตร กับ นิยายแฟนตาซี ก็ช่วยทำให้ใจเราลืมความอึดอัดพวกนั้นไปได้บ้าง
เอาเป็นว่าในตอนนี้ที่เราเรียนจบ เรากลับหัวสมองว่างเปล่าไปหมด เบื่อไปเกือบทุกอย่าง ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากขยับตัว หิวจนแทบเป็นลมเกือบทุกวันแต่ก็กินอะไรไม่ลง ในตอนที่หิวสุดๆจนกินได้แทบทุกอย่างกินแค่นิดหน่อยก็รู้สึกจะอ้วก กินแต่น้ำอย่างเดียว ชีวิตประจำวันก็จะนอนยาวจนเหลือเวลาชีวิตให้อ่านนิยายแค่สามถึงสี่ชั่วโมงเอง จะวาดภาพ จะเขียนนิยาย ก็ยากที่จะทำ ไม่มีสมาธิกับมัน ความจำก็สั้นลงจนจำรายละเอียดในแต่ละวันแทบไม่ได้ ร่างกายก็เจ็บออดๆแอดๆ ซุ่มซ่ามชนนู่นชนนี่ไปหมด ความคิดลึกๆก็ปะปนกันไปไม่ได้คิดว่าอยากจะอยู่หรืออยากจะไป จินตนาการมากมายว่าจะตายในแบบต่างๆ แต่ก็ไม่อยากไปหยิบมีดมาฆ่าตัวตายหรือว่าอะไร อยากจะนอนแล้วไหลไปเงียบๆ แต่แม่กับพวกพี่ๆคงไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานะของเราจะเหมือนสัตว์ตรอมใจที่ถูกเลี้ยงพยุงชีพไว้เพื่อดูเล่นก็เถอะ
เราแค่อยากระบายแล้วก็อยากถามไว้เฉยๆ เราจะได้จัดการกับตัวเองได้ถูกโดยที่ไม่ต้องไปพบจิตแพทย์ มันคงจะน่ารำคาญถ้าต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ แล้วทำให้แม่กลับไปมีปัญหาทางจิตจนเสียเสาหลักของครอบครัวอีกครั้ง อีกทั้งมันคงจะเสียเวลาแล้วก็เสียเงินมากแน่ๆ ซึ่งเราคิดว่าครอบครัวไม่ควรเสียเงินไปกับเรื่องไร้สาระของเรา
เราสงสัยว่าตัวเองมีภาวะสิ้นยินดี (Anhedonia)
เอาเป็นว่าในตอนนี้ที่เราเรียนจบ เรากลับหัวสมองว่างเปล่าไปหมด เบื่อไปเกือบทุกอย่าง ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากขยับตัว หิวจนแทบเป็นลมเกือบทุกวันแต่ก็กินอะไรไม่ลง ในตอนที่หิวสุดๆจนกินได้แทบทุกอย่างกินแค่นิดหน่อยก็รู้สึกจะอ้วก กินแต่น้ำอย่างเดียว ชีวิตประจำวันก็จะนอนยาวจนเหลือเวลาชีวิตให้อ่านนิยายแค่สามถึงสี่ชั่วโมงเอง จะวาดภาพ จะเขียนนิยาย ก็ยากที่จะทำ ไม่มีสมาธิกับมัน ความจำก็สั้นลงจนจำรายละเอียดในแต่ละวันแทบไม่ได้ ร่างกายก็เจ็บออดๆแอดๆ ซุ่มซ่ามชนนู่นชนนี่ไปหมด ความคิดลึกๆก็ปะปนกันไปไม่ได้คิดว่าอยากจะอยู่หรืออยากจะไป จินตนาการมากมายว่าจะตายในแบบต่างๆ แต่ก็ไม่อยากไปหยิบมีดมาฆ่าตัวตายหรือว่าอะไร อยากจะนอนแล้วไหลไปเงียบๆ แต่แม่กับพวกพี่ๆคงไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานะของเราจะเหมือนสัตว์ตรอมใจที่ถูกเลี้ยงพยุงชีพไว้เพื่อดูเล่นก็เถอะ
เราแค่อยากระบายแล้วก็อยากถามไว้เฉยๆ เราจะได้จัดการกับตัวเองได้ถูกโดยที่ไม่ต้องไปพบจิตแพทย์ มันคงจะน่ารำคาญถ้าต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ แล้วทำให้แม่กลับไปมีปัญหาทางจิตจนเสียเสาหลักของครอบครัวอีกครั้ง อีกทั้งมันคงจะเสียเวลาแล้วก็เสียเงินมากแน่ๆ ซึ่งเราคิดว่าครอบครัวไม่ควรเสียเงินไปกับเรื่องไร้สาระของเรา