เลือกที่ไหนดี

นี้เป็นกระทู้ที่เราครั้งแรกที่จะเขียนยาวขนาดนี้ โปรดอ่านและให้คำแนะนำเราด้วยนะคะ.🙏

..เราชอบประเทศไทยและใฝ่ฝันจะเรียนที่ไทยมากๆ.

เราได้มาญี่ปุ่นตั้งแต่8ขวบ. เราไม่ได้มาเพราะความอยากของตัวเอง แม่บังคับเรามา.
ช่วงประถมถึงมัธยมเราไม่ได้ซีเรียสหรือโดนเเกล้งอะไรเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป.

ช่วงที่ปิดเทอมขึ้นปวช2(อายุ16). แม่ชวนกลับเมืองไทย. อย่างที่บอกเราใฝ่ฝันมานานแล้ว. เรากลับไปช่วงเดือนเมษายนทำให้ไม่ทันสมัครหรือสอบโรงเรียนที่อยากเข้า. เราเลยเลือกดรอปไป ช้ากว่าคนอื่นแต่มันก็คุ้มที่จะทำตามความฝัน. แต่แม่เราต้องกลับไปญี่ปุ่นเราต้องไปอยู่กับญาติ. ถึงจะไม่มีพ่อแม่พี่น้องที่สนิท แต่ความเหงาถูกเติมเต็มเวลาที่คิดถึงช่วงที่จะได้เรียน. เห้อ ถึงตอนนี้โคตรมีความสุขเลย…

เรื่องมันเกิดตอนเดือนมกราคม
ป้าได้มาโน้มน้าวให้กลับไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น บอกเลยคิดหนักมาก.
เหตุผลที่ทำให้ลังเล
1. ที่บ้านเริ่มส่งตังน้อยลง
จากสามพันเป็นพันสองพัน.

2. ญาติคอยจะยืมตัง
เวลาจะไปไหนมาไหนต้องให้น้าไปส่ง. น้าได้รับเงินเดือนจากพ่อเรา ค่าอยู่ค่ากินค่านำ้ค่าไฟพ่อเราจ่ายหมด. มีรถกระบะให้น้าใช้1คัน.บ้างทีเราก็ไม่ชอบที่เขาจะมายืมตังเราทั้งทีเงินเดือนเขาได้เยอะอยู่แล้วและไม่ต้องจ่ายอะไร.

3. พาทไทม์ไม่คุ้มค่าแรง
เราได้มีโอกาสทำงานอยู่ค่าเฟ่แห่งหนึ่ง.ดังอยู่ในอุดร.
7:00-17:00ได้วันละ350. เราต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แล้วให้น้าไปส่งหน้าปากซอยค่อยขึ้นสองแถวกับเด็กมัธยมไปในเมือง.  แค่ค่าเดินทางก็50บแล้ว. หยุดอาทิตย์ละครั้งทำแทบตายยังไม่ถึง1หมื่นเลย.
แล้วถ้าเราเรียนเราทำได้นิดเดียว มันจะพอเลี้ยงตัวเราไหม?

ด้วยเหตุผลพวกนี้เราเลยเลือกกลับมาญี่ปุ่นในวันที่
18 กุมภาพันธ์ 2567.
ยืนวีซ่า 26 กุมพาพันธ์.

แต่แล้วเมื่อวานเราได้ร้องไห้ออกมาด้วยที่ไม่แน่ใจในสาเหตุ.เราร้องไม่หยุด และได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมถึงร้องไห้? เราต้องการอะไร ไม่มีความสุขเลย เรากำลังเป็นทุกข์อยู่. พ่อแม่พี่น้องอยู่ใกล้ๆแท้เรายังไม่พอใจอีกหรอ. เราได้ออกมาเดินเล่นในช่วงตี1 แม่นำ้ที่เห็นอยู่รถที่วิ่งผ่านไป เราไม่รู้ว่าอยากตายไหม. แต่ไม่หรอก. เราแค่ไม่อยากเกิดมาเลย อยากอยู่ในที่ไม่มีความรู้สึกไม่ต้องเห็น ไม่ต้องมีทุกข์หรือสุข และความฝัน. เราร้องจนถึงตี4แล้วค่อยเข้านอน..

วันนี้ได้ไปดูโรงเรียนที่จะเข้า. ไม่รู้สิแค่รู้สึกว่ามันไม่น่าเรียนเลย. โรงเรียนที่ใฝ่ฝันไว้ไม่ใช่แบบนี้.
หลังคุยเสร็จแม่ได้พาเราไปร้านอาหารไทยเพื่อไปสมัครงาน. เราเลยเลือกเขาไปกินเเละดูบรรยากาศที่ร้านก่อน. มันไม่ได้แย่หรอกนะ แต่ไม่รู้สึกถึงประเทศไทยเลย มันไม่ใช่แบบนี้. เรารู้นะว่าไม่ได้เกลียดญี่ปุ่น. ญี่ปุ่นไม่ผิด ผิดที่เราไม่สามารถมีความสุขในประเทศนี้อีกได้แล้ว. เราทุกข์ เราไม่อยากอยู่..


ถึงตอนนี้เรายังเจ็บตาอยู่เลย บวมไปหมดแล้ว.
เห้อ ใจลึกๆก็คิดว่าจะขอตังค่าเข้าโรงเรียนที่นี้ไปเริ่มต้นใหม่ที่ไทยกรุงเทพ. และเป็นติวเตอร์สอนภาษาไปด้วย. คงพอทำให้มีตังเลี้ยงตัวเองอยู่บ้าง.ความฝันมันทิ้งยากจริงๆ. แต่รู้เลยละถ้าไม่ทำ จะเสียใจตลอดไป. แต่ก็ไม่กล้าไง.

ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงคะ.
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เขียนภาษาไทยได้ดีทั้งที่เรียนที่ญี่ปุ่น..

ไม่ได้คิดแทนใคร แต่เอาใจเขามาใส่ใจเรา.. ด้วย

1. หนูอายุยังน้อย เรียนให้จบสักอย่างที่ญี่ปุ่น หาทางเก็บเงินให้ได้ด้วย แล้วมาเรียนป. ตรี อินเตอร์ที่ไทยก็ได้ สำคัญคือค่าเล่าเรียนต้องมี

2. หนูต้องปรึกษาพ่อแม่ที่เคยส่งเงินให้ได้ว่าจะโอเคไหม ซึ่งเวลาที่เปลี่ยนไปอาจจะมีผลว่าจะมีเงินมากน้อยลงไหม

3. หนูต้องอดใจรอเวลาที่จะได้มาอยู่เมืองไทย และจะได้อยู่ไปตลอดเท่าที่ต้องการ ถ้าหนูอยู่มาตั้ง 8 ปียังได้ แล้วทำไมจะอยู่ต่ออีกไม่ได้

4. หนูต้องพยายามเชื่อว่าความคิดคนเปลี่ยนไปตามวัย วันข้างหน้าหนูจะไม่ต้องมาผิดหวังว่าทำไมหนูไม่คิดเรียนที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

5. คนเราต้องมีอาชีพการงานเพื่อเงินยังชีวิต ยึดภาษาญี่ปุ่นไว้ ความรู้ที่มีจะช่วยให้ไม่ลำบาก (ทำแทบตายยังไม่ถึง1หมื่นเลย.)

เข้าใจนะว่าร้องไห้ด้วยความกดดัน แต่หนูไม่ได้เจ็บป่วย หรืออดอยาก แค่ไม่ได้ดังใจ

ถอยตัวเองออกมามองเด็กผู้หญิงคนนี้ หนูอาจจะคิดได้อีกหน่อย โอกาสที่มีถือว่าดีกว่าคนอื่น ( หลานในไส้อายุ7 ขวบยังต้องเรียนภาษาไทยทุกคืนวันเสาร์ไทยผ่านvdo call จากตปท.เพื่อไม่ให้ลืมภาษาไทยอยู่เลย มันต้องใช้ความพยายามมาก ๆๆๆ!)

ขอให้หนูค่อยคลายความรู้สึกนี้ หาสิ่งอื่นที่เบี่ยงเบนความสนใจหน่อย เป็นยูทูปเบอร์เล่าเด็กไทยในรร. ญี่ปุ่น รับรองคนจะดูแยะเลยค่ะ หรือเขียนเล่ามาเป็นนักเขียนพันทิปเลยค่ะ ได้ค่าเข้าผ่าน ผูก Pantip กับ Google Adsense ด้วย

เมืองไทยก็กลับมาดูแล้ว รร. ก็แบบที่เห็นนั่นไง.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่