คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เขียนภาษาไทยได้ดีทั้งที่เรียนที่ญี่ปุ่น..
ไม่ได้คิดแทนใคร แต่เอาใจเขามาใส่ใจเรา.. ด้วย
1. หนูอายุยังน้อย เรียนให้จบสักอย่างที่ญี่ปุ่น หาทางเก็บเงินให้ได้ด้วย แล้วมาเรียนป. ตรี อินเตอร์ที่ไทยก็ได้ สำคัญคือค่าเล่าเรียนต้องมี
2. หนูต้องปรึกษาพ่อแม่ที่เคยส่งเงินให้ได้ว่าจะโอเคไหม ซึ่งเวลาที่เปลี่ยนไปอาจจะมีผลว่าจะมีเงินมากน้อยลงไหม
3. หนูต้องอดใจรอเวลาที่จะได้มาอยู่เมืองไทย และจะได้อยู่ไปตลอดเท่าที่ต้องการ ถ้าหนูอยู่มาตั้ง 8 ปียังได้ แล้วทำไมจะอยู่ต่ออีกไม่ได้
4. หนูต้องพยายามเชื่อว่าความคิดคนเปลี่ยนไปตามวัย วันข้างหน้าหนูจะไม่ต้องมาผิดหวังว่าทำไมหนูไม่คิดเรียนที่ญี่ปุ่นในตอนนี้
5. คนเราต้องมีอาชีพการงานเพื่อเงินยังชีวิต ยึดภาษาญี่ปุ่นไว้ ความรู้ที่มีจะช่วยให้ไม่ลำบาก (ทำแทบตายยังไม่ถึง1หมื่นเลย.)
เข้าใจนะว่าร้องไห้ด้วยความกดดัน แต่หนูไม่ได้เจ็บป่วย หรืออดอยาก แค่ไม่ได้ดังใจ
ถอยตัวเองออกมามองเด็กผู้หญิงคนนี้ หนูอาจจะคิดได้อีกหน่อย โอกาสที่มีถือว่าดีกว่าคนอื่น ( หลานในไส้อายุ7 ขวบยังต้องเรียนภาษาไทยทุกคืนวันเสาร์ไทยผ่านvdo call จากตปท.เพื่อไม่ให้ลืมภาษาไทยอยู่เลย มันต้องใช้ความพยายามมาก ๆๆๆ!)
ขอให้หนูค่อยคลายความรู้สึกนี้ หาสิ่งอื่นที่เบี่ยงเบนความสนใจหน่อย เป็นยูทูปเบอร์เล่าเด็กไทยในรร. ญี่ปุ่น รับรองคนจะดูแยะเลยค่ะ หรือเขียนเล่ามาเป็นนักเขียนพันทิปเลยค่ะ ได้ค่าเข้าผ่าน ผูก Pantip กับ Google Adsense ด้วย
เมืองไทยก็กลับมาดูแล้ว รร. ก็แบบที่เห็นนั่นไง.
ไม่ได้คิดแทนใคร แต่เอาใจเขามาใส่ใจเรา.. ด้วย
1. หนูอายุยังน้อย เรียนให้จบสักอย่างที่ญี่ปุ่น หาทางเก็บเงินให้ได้ด้วย แล้วมาเรียนป. ตรี อินเตอร์ที่ไทยก็ได้ สำคัญคือค่าเล่าเรียนต้องมี
2. หนูต้องปรึกษาพ่อแม่ที่เคยส่งเงินให้ได้ว่าจะโอเคไหม ซึ่งเวลาที่เปลี่ยนไปอาจจะมีผลว่าจะมีเงินมากน้อยลงไหม
3. หนูต้องอดใจรอเวลาที่จะได้มาอยู่เมืองไทย และจะได้อยู่ไปตลอดเท่าที่ต้องการ ถ้าหนูอยู่มาตั้ง 8 ปียังได้ แล้วทำไมจะอยู่ต่ออีกไม่ได้
4. หนูต้องพยายามเชื่อว่าความคิดคนเปลี่ยนไปตามวัย วันข้างหน้าหนูจะไม่ต้องมาผิดหวังว่าทำไมหนูไม่คิดเรียนที่ญี่ปุ่นในตอนนี้
5. คนเราต้องมีอาชีพการงานเพื่อเงินยังชีวิต ยึดภาษาญี่ปุ่นไว้ ความรู้ที่มีจะช่วยให้ไม่ลำบาก (ทำแทบตายยังไม่ถึง1หมื่นเลย.)
เข้าใจนะว่าร้องไห้ด้วยความกดดัน แต่หนูไม่ได้เจ็บป่วย หรืออดอยาก แค่ไม่ได้ดังใจ
ถอยตัวเองออกมามองเด็กผู้หญิงคนนี้ หนูอาจจะคิดได้อีกหน่อย โอกาสที่มีถือว่าดีกว่าคนอื่น ( หลานในไส้อายุ7 ขวบยังต้องเรียนภาษาไทยทุกคืนวันเสาร์ไทยผ่านvdo call จากตปท.เพื่อไม่ให้ลืมภาษาไทยอยู่เลย มันต้องใช้ความพยายามมาก ๆๆๆ!)
ขอให้หนูค่อยคลายความรู้สึกนี้ หาสิ่งอื่นที่เบี่ยงเบนความสนใจหน่อย เป็นยูทูปเบอร์เล่าเด็กไทยในรร. ญี่ปุ่น รับรองคนจะดูแยะเลยค่ะ หรือเขียนเล่ามาเป็นนักเขียนพันทิปเลยค่ะ ได้ค่าเข้าผ่าน ผูก Pantip กับ Google Adsense ด้วย
เมืองไทยก็กลับมาดูแล้ว รร. ก็แบบที่เห็นนั่นไง.
แสดงความคิดเห็น
เลือกที่ไหนดี
..เราชอบประเทศไทยและใฝ่ฝันจะเรียนที่ไทยมากๆ.
เราได้มาญี่ปุ่นตั้งแต่8ขวบ. เราไม่ได้มาเพราะความอยากของตัวเอง แม่บังคับเรามา.
ช่วงประถมถึงมัธยมเราไม่ได้ซีเรียสหรือโดนเเกล้งอะไรเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป.
ช่วงที่ปิดเทอมขึ้นปวช2(อายุ16). แม่ชวนกลับเมืองไทย. อย่างที่บอกเราใฝ่ฝันมานานแล้ว. เรากลับไปช่วงเดือนเมษายนทำให้ไม่ทันสมัครหรือสอบโรงเรียนที่อยากเข้า. เราเลยเลือกดรอปไป ช้ากว่าคนอื่นแต่มันก็คุ้มที่จะทำตามความฝัน. แต่แม่เราต้องกลับไปญี่ปุ่นเราต้องไปอยู่กับญาติ. ถึงจะไม่มีพ่อแม่พี่น้องที่สนิท แต่ความเหงาถูกเติมเต็มเวลาที่คิดถึงช่วงที่จะได้เรียน. เห้อ ถึงตอนนี้โคตรมีความสุขเลย…
เรื่องมันเกิดตอนเดือนมกราคม
ป้าได้มาโน้มน้าวให้กลับไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น บอกเลยคิดหนักมาก.
เหตุผลที่ทำให้ลังเล
1. ที่บ้านเริ่มส่งตังน้อยลง
จากสามพันเป็นพันสองพัน.
2. ญาติคอยจะยืมตัง
เวลาจะไปไหนมาไหนต้องให้น้าไปส่ง. น้าได้รับเงินเดือนจากพ่อเรา ค่าอยู่ค่ากินค่านำ้ค่าไฟพ่อเราจ่ายหมด. มีรถกระบะให้น้าใช้1คัน.บ้างทีเราก็ไม่ชอบที่เขาจะมายืมตังเราทั้งทีเงินเดือนเขาได้เยอะอยู่แล้วและไม่ต้องจ่ายอะไร.
3. พาทไทม์ไม่คุ้มค่าแรง
เราได้มีโอกาสทำงานอยู่ค่าเฟ่แห่งหนึ่ง.ดังอยู่ในอุดร.
7:00-17:00ได้วันละ350. เราต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แล้วให้น้าไปส่งหน้าปากซอยค่อยขึ้นสองแถวกับเด็กมัธยมไปในเมือง. แค่ค่าเดินทางก็50บแล้ว. หยุดอาทิตย์ละครั้งทำแทบตายยังไม่ถึง1หมื่นเลย.
แล้วถ้าเราเรียนเราทำได้นิดเดียว มันจะพอเลี้ยงตัวเราไหม?
ด้วยเหตุผลพวกนี้เราเลยเลือกกลับมาญี่ปุ่นในวันที่
18 กุมภาพันธ์ 2567.
ยืนวีซ่า 26 กุมพาพันธ์.
แต่แล้วเมื่อวานเราได้ร้องไห้ออกมาด้วยที่ไม่แน่ใจในสาเหตุ.เราร้องไม่หยุด และได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมถึงร้องไห้? เราต้องการอะไร ไม่มีความสุขเลย เรากำลังเป็นทุกข์อยู่. พ่อแม่พี่น้องอยู่ใกล้ๆแท้เรายังไม่พอใจอีกหรอ. เราได้ออกมาเดินเล่นในช่วงตี1 แม่นำ้ที่เห็นอยู่รถที่วิ่งผ่านไป เราไม่รู้ว่าอยากตายไหม. แต่ไม่หรอก. เราแค่ไม่อยากเกิดมาเลย อยากอยู่ในที่ไม่มีความรู้สึกไม่ต้องเห็น ไม่ต้องมีทุกข์หรือสุข และความฝัน. เราร้องจนถึงตี4แล้วค่อยเข้านอน..
วันนี้ได้ไปดูโรงเรียนที่จะเข้า. ไม่รู้สิแค่รู้สึกว่ามันไม่น่าเรียนเลย. โรงเรียนที่ใฝ่ฝันไว้ไม่ใช่แบบนี้.
หลังคุยเสร็จแม่ได้พาเราไปร้านอาหารไทยเพื่อไปสมัครงาน. เราเลยเลือกเขาไปกินเเละดูบรรยากาศที่ร้านก่อน. มันไม่ได้แย่หรอกนะ แต่ไม่รู้สึกถึงประเทศไทยเลย มันไม่ใช่แบบนี้. เรารู้นะว่าไม่ได้เกลียดญี่ปุ่น. ญี่ปุ่นไม่ผิด ผิดที่เราไม่สามารถมีความสุขในประเทศนี้อีกได้แล้ว. เราทุกข์ เราไม่อยากอยู่..
ถึงตอนนี้เรายังเจ็บตาอยู่เลย บวมไปหมดแล้ว.
เห้อ ใจลึกๆก็คิดว่าจะขอตังค่าเข้าโรงเรียนที่นี้ไปเริ่มต้นใหม่ที่ไทยกรุงเทพ. และเป็นติวเตอร์สอนภาษาไปด้วย. คงพอทำให้มีตังเลี้ยงตัวเองอยู่บ้าง.ความฝันมันทิ้งยากจริงๆ. แต่รู้เลยละถ้าไม่ทำ จะเสียใจตลอดไป. แต่ก็ไม่กล้าไง.
ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงคะ.