ว่าด้วยเรื่องสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดไทย แล้วผู้ผลิตไทยจะรอดไหมเนี้ย

เอาจริงๆ ป้จจุบันนี้เด็กจบใหม่หางานยากมาก เนื่องจากตลาดแรงงานเปลี่ยน และสาขาที่จบมาบางที่ก็ไม่มีตลาดรองรับ นอกจากนี้ยังต้องมาแย่งงานกับมนุษย์เงินเดือน มนุษย์โรงงานที่ตกงานเนื่องจาก การปรับโครงสร้างองกรค์


การปรับโครงสร้างองค์กร จะเรียกง่ายๆ ก็คือการเอาคนออกลดค่าใช้จ่าย ขับเคลื่อนองค์กรด้วยคนจำนวนน้อย แต่งานเยอะขึ้น เงินเดือนเท่าเดิม

ทำไมผู้ประกอบการไทย ต้องทำแบบ นั้น สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการเข้ามาของสินค้าจีนก็เป็นได้

เพราะสินค้าจีนมาราคาถูก กว่าสินค้าไทย แม้ว่าสินค้าไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่จะมีคุณภาพมากกว่าสินค้าจีนที่นำเข้ามา เพราะมีการควบคุมตามกฎหมาย แต่สินค้าไม่ได้คุณภาพจากต่างประเทศกลับล้นทะลักเข้ามาแทน

สินค้าจากจีนมีราคาถูกกว่าเพราะหลายปัจจัย อาทิ การทำข้อตกลงทางการค้าเช่น Asean-China Free Trade Agreement (ACFTA) ที่ยกเลิกอัตราภาษีภายใต้ข้อตกลงสำหรับสินค้าหลายรายการ ทำให้สินค้าจากจีนสามารถนำเข้ามาในไทยโดยไม่ต้องเสียภาษี

นอกจากนี้ สินค้าจากจีนยังมีการส่งตรงจากโรงงาน ทำให้ไม่มีค่าคอมมิชชั่นหรือกำไรจากตัวแทนจัดจำหน่าย ซึ่งช่วยลดราคาลงได้

สำหรับดุลการค้าของไทยกับจีนในปีนี้ ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ไทยขาดดุลการค้ากับจีนถึง 1,272,234 ล้านบาทในปี 2566 และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 ไทยขาดดุลการค้ากับจีน 242,750 ล้านบาท  ซึ่งสะท้อนถึงการนำเข้าสินค้าจากจีนที่มีมูลค่ามากกว่าการส่งออกของไทยไปจีน และยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี

แน่นอนว่าสินค้าจีนตอนนี้ถูกผลักดันเข้ามาทางช่องทางออนไลน์ผ่าน e -commerce platform  เป็นจำนวนมาก แถมไทยเราด้นใจดี งนเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จำหรับสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1500 บาท  เมื่อติดปีให้เสือจีนบินอย่างไงอย่างงั้น

นอกจากนี้สินค้าส่งออกของเรายังเป็นสินค้าโลกเก่า อย่างสินค้าทางการเกษตร สินค้าที่ไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีมากนัก  ทำให้ประเทศอื่นๆ พัฒนาและแข่งขันกับเราได้ง่าย เพราะไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีอะไรมาก

เราควรเร่งปรับปรุงสินค้าส่งออกให้เป็นสินค้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น สร้างความได้เปรียบ จะเอาแต่ ขายฝัน ผ้าขาวม้าไทยไม่ได้ ต้องพัฒนาสินค้าตัวอื่นด้วย  เราจะต้องเพิ่มความซับซ้อนของสินค้า สร้างมูลค่า ไม่ใช่แค่ขายเอาปริมาณเพราะในอนาคต ทรัพยากรของเราก็ลดลงเรื่อยๆ  ดินก็เสื่อมสภาพเพราะใช้ปุ๋ยเคมีมากไป

สินค้าเกษตรเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถเอามาเลี้ยงคนไทยทั้งประเทศได้

คู๋แข่งของเราอย่างเวียดนามก็มีการพัฒนาสินค้าส่งออกเป็นสินค้าอิเล็กโทรนิคมากขึ้น มีการเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุน นำความรู้มาให้คนในประเทศ สร้างสินค้าที่มีความซับซ้อน แถมค่าแรงถูกค่าไฟถูก  ต่างจากเมืองไทยที่ค่าไฟแพง ค่าแรงแพง ค่าครองชีพก็สูงขึ้นทุกวัน จนไม่คุ้มค่าในการมาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย หันหน้าไปหาเพื่อนบ้านดีกว่า

อีกเรื่องคือเราอาศัยคู่ค้าเดิมอย่างสหรัฐและจีนมากเกินไป  และทั้งสองประเทศนี้ไม่ถูกกัน แม้ว่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ในปีล่าสุดมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 287,067.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขยายตัว 5.5% ก็ตาม

แต่สหรัฐเองก็มีตัวเลือกมากมาย นอกจากสินค้าจากประเทศไทย  ปัจจุบันเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าและการลงทุน นายกถึงได้เดินสายไปทั่ว จนเขาเรียกว่า " the sale man "  กันหมดแล้ว

ต้องหันมามองตัวเองกันใหม่ ว่าจะส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างไร ให้คนมีกินมีใช้ และสินค้าไทยแข่งขันกับสินค้าจีนราคาถูกกว่าได้ นะครับเจ้านาย

บทความต้นฉบับ: https://www.blockdit.com/posts/65f30491687e930a6e419b92
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่