ธนาคารของรัฐเอาหนี้ของภรรยาเก่าที่หย่า มา11 ปีมายึดที่ดินผม

เป็นเรื่องที่ผมเองก็คิดไม่ถึง ว่าจะต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ และไม่เคยได้ยินมาก่อน
     ผมได้จดทะเบียนหย่ากับอดีตภรรยา  วันที่ 7 เมษายน 2554 โดยท้ายทะเบียนหย่า ไม่ระบุเรื่องทรัพย์สินและหนี้สิน เพราะขณะนั้นที่ดินก็มีอยู่ 1แปลง และเอาไปค้ำประกันเงินกู้แบบกลุ่ม กับ ธกส. เลยตกลงกับอดีตภรรยาว่าที่ดินมีชื่อผมคนเดียวก็ให้เป็นของผมแล้วผมจะรับใช้หนี้เองคนเดียว  
ต่อมาวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ผมสามารถปิดหนี้กว่าห้าแสน กับ ธกส. แล้วได้โฉนดกลับบ้าน
     แต่แล้ววันที่ 6 พฤษภาคม 2665 บังคับคดีแจ้งว่าได้ยึด ที่ดินของผม เนื่องจากเป็นสินสมรสของจำเลยที่3 อดีตภรรยาที่ไม่เคยคุยด้วยตั้งแต่วันหย่า
   พอไปขอตรวจดูคำพิพากษาของศาล ก็รู้ว่าเป็นหนี้ที่มีขึ้นตอนปี 2564 มีจำเลยหรือลูกหนี้3คน ธนาคารชมพู เป็นเจ้าหนี้ และผู้ขอให้ยึดที่ดินผม
   พอไปถามว่า มายึดที่ของผมได้อย่างไงแล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย กับได้คำตอบว่า ผมได้ที่ดินมาก่อนที่จะหย่ากับจำเลยที่3 ทางธนาคารยังมีความพยายามจะให้ผมเซ็นชื่อเป็นพยานในสัญญาปรับโคตรสร้าง โดยบอกว่าถ้าเซ็นธนาคารจะยังไม่เอาที่ดินออกขายทอดตลาด
ผมเลยบอกจะเซ็นได้ไง จำเลยผมก็ไม่รู้จัก
ยังจะให้อดีตภรรยาถือสัญญาตามมาให้ผมเซ็นที่บ้านอีน แต่ผมก็ไม่เซ็น
  ต่อมาวันที่ 26 เมษายน 2566 บังคับคดีเอาที่ดินผมออกขายทอดตลาด มีคนซื้อได้ แล้วไปออกใบแทนโฉนดเรียบร้อย
คนซื้อก็เอาป้ายมาประกาศขาย พอผมคุยด้วย มีการบอกว่า เขาซื้อมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน   "ผมเลยบอกแล้วกูนี้ขอเขามาหรือไง"
ผมเลยตั้งคำถามว่า
ธนาคารใช้วิธีไหนมาสืบทรัพย์ผมได้แล้ว ธนาคารมาทำแบบนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เรื่องนี้เป็นปัญหาความสงบเรียบร้อย
คดีนี้ ไม่ได้เกิดจากการบังคับคดีที่ผิดพลาดหรือโดยสำคัญผิด แต่เป็นการกระทำโดยเจตนา
ลืมบอกไป ผมจดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนใหม่ ปี2557 อยู่กันจนถึงปัจุบัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 66
ส่วนตัวคิดว่า จขกท เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงมาก(เกินไป) จนทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก แบบจะทำไปให้ยากกว่าเดิมเพื่อ 😅

1.หย่าแบ่งทรัพย์สินปากเปล่า แล้วจะเอาหลักฐานที่ไหนแสดงให้คนนอกเชื่อ(ศาล) ละทีนี้? ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะยังเป็นสินสมรสโดนบังคับขายได้อยู่ดี

2.ไม่แย้งตอนที่โดนแจ้งบังคับขายที่เพราะว่าคดีแพ่งไม่คุ้ม จนตอนนี้มีคนประมูลได้เรียบร้อยจนจะขายไปให้รายใหม่แล้ว 😑

3.ไม่ทำข้อ 2 เพื่อป้องกันที่ดิน แต่ไปฟ้องอาญาแบงค์ที่วุ่นวายกว่า และแบงค์มีทนายประจำที่เดินคดีเป็นหลัก 😑

4.เวลามีสมาชิคมาแนะนำ จขกท จะแย้งด้วยข้อกฎหมายที่ตัวเองมั่นใจทันทีว่าใช้ถูกแน่ๆ เหมือนที่ศาลมอง ซึ่งปกติคนโพสถามมักจะถามทวนคนบอกเพื่อให้แน่ใจ แต่อันนี้คืออันที่ตัวเองเชื่อต้องถูกไม่มีลังเลหรือวอกแวก แสดงว่ามั่นใจมากว่าตัวเองถูก 100%

ส่วนตัวคิดว่าตอนจบ ที่ดินข้อ 2 จะกลายเป็นของผู้ประมูลเพราะได้มาโดยสุจริตไม่มีเจ้าของแย้งในขั้นตอนสืบทรัพย์จนถึงขั้นประมูล ยิ่งเอาไปขายต่อแล้วโอนให้คนใหม่ยิ่งไม่ได้คืน ส่วนข้อ 3 แพ้เพราะไม่มีหลักฐานแย้งในข้อ 1 ว่าที่ดินไม่ใช้ทรัพย์สินสมรสครับ 😅

ยังไงจะรอติดตามนะครับ จริงๆ ไม่น่าจะถึงขั้นที่ดินโดนออกนำประมูลได้เลย 😅
ความคิดเห็นที่ 68
เอาตรงๆนะครับ
หัดฟังคนอื่นบ้าง อย่ามั่นใจตัวเองเกิน
การสู้ต้องสู้ ตามขั้นตอน ไม่ใช่คิดไป เอง

เมือกี่ อ่านเจอ ข้างบนบอกจะสู้อาญา ไม่สู้แพ่ง แพ้อย่างมากก็เสียที่   ตลกละครับ
เคสนี้ บอกเลย ไม่ว่าจะชนะ คุณก็เสียที่ 100%

แทนทีจะไปค้านไปฟ้องก่อนเค้า เคาะขาย  ก็มั่นใจอะไรไม่รู้  ที่กุ ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องให้ศาลสั่งก่อนถึงจะยึดได้
ก็ศาลสั่งไง  ไม่งั้นบังคับคดี จะเอามาขายได้เหรอ  แทนที่ จะไปค้าน

ขายไปแล้ว  ไปฟ้องเพิกถอนโอกาส ชนะสูงก็ ไม่ฟ้อง  
ปล่อยเวลาผ่าน จนตอนนี้ บอกเลย ฟ้องก็ไม่ชนะเสียที100%
เพราะกฏหมาย เค้าให้เวลา ฟ้องเพิกถอนภายใน15วัน นับจากรู้เรื่อง
สู้ เพิกถอน ตอนนี้ ก็แพ้ 100%  

ไปสู้อาญา แล้วไงคิดว่าจะชนะ เหรอครับอ่านๆ ดูแล้วโอกาสน้อยมาก แบงค์เค้ามีทีมทนาย ทำคดี ด้านนี้เฉพาะ ไม่พลาดง่ายๆหรอก จขกท มีรึป่าวก็ไม่รู้
เท่าที อ่านความคิดเห็น น่าจะไม่มี   

สรุป  ทางง่ายๆ ก็มีให้เดิน ให้แก้ปัญหา ก็ไม่เอา จะไปเล่นอะไร ยากๆ ให้เจ็บตัว
ความคิดเห็นที่ 17
จขกท. ใจเย็นๆ นะครับ รู้ว่าร้อนใจ แต่เมื่อคุณมาตั้งกระทู้ถามในพันทิปย่อมมีคำตอบที่ถูกใจและไม่ถูกใจ ผมว่าหลายคำตอบเป็นข้อเท็จจริงที่คุณควรนำมาพิจารณา คิด วิเคราะห์ แล้วนำหาทางแก้ไขจะดีกว่า ผมเห็นคุณไปใส่อารมณ์กับคนที่มาให้ข้อเท็จจริงยังกับเขาเป็นคู่กรณีของคุณ ผมว่าไม่ถุกต้องนัก

ยังไงก็เอาใจช่วยขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่