เหนื่อยมากกับคนครอบครัว
เราอยากเข้าศิลป์ภาษาแต่ก่อนที่เขาจะเปิดรับสมัครและวันไปสอบเข้า เราก็ไปถามแม่ว่าให้เข้าดีมั้ย แม่โอเครึเปล่า ตอนแรกๆแมาก็บอกว้า ลองไปสอบดูสิ ทำให้เราพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่พอใกล้ถึงวันสมัครจริงๆ เราก็ไปบอกแม่ แล้วก็กลับมาถามเรื่องนี้กับเขาอีก คำตอบที่ได้คือหาเหตุผลต่างๆมาพูดว่าสายภาษา มันดูไม่มีอนาคต ต้องทำงานต่างประเทศเท่านั้น บลาๆ เข้าสายวิทย์คณิตดีกว่า เราเองก็พยายามพูดด้วยความใจเย็นมากๆ สุดท้ายแม่ก็ตะคอดใส่ว่า ไม่ให้เข้า ไม่มีปัญญาส่ง ทั้งที่เงินตัวเองก็มี คือมันพอสำหรับค่าใล้จ่ายนี้ เราพยายามมามากแล้ว เรามีเพื่อนที่จะเข้าเหมือนกันก็ได้ทักไปยกเลิกกับเพื่อน คือเฟลมาก พอรับพอทำใจยอมรับได้บ้าง หลังๆมาแม่ก็มีปัญหาอีก กลับมาบ้าน เขาก็ชอบหาเรื่องด่า หาเรื่องวีนเราตลอด ทั้งที่อะไรมัยก็ปกติ เหมือนว่าเห็นเราเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา ด่าเราทุกวัน พออยู่ดีๆ ก็มาทำเป็นพูดดีด้วย ทำตัวปกติ เราเห็นว่าพอมีโอกาสบ้าง เลยไปถามเขาว่า ถ้าเราเป็นพยาบาลแม่คิดยังไง คำตอบที่ได้กลับมาคือ เป็นไม่ได้หรอก คือมันบ่อยมากๆแรกเราก็คิดว่า แม่คงพูดเล่นล่ะมั้ง แต่สุดท้ายก็พูดแบบนี้เดิมๆตลอด ทั้งที่ใจเราที่อยากเป็นก็ทำเพื่อเขาล้วนๆ เพราะแต่ก่อนแม่ไม่มีเงินเรียน คิดแค่ว่า ถ้าหากทำได้ก็พอจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายครอบครัวบ้าง พอเราบอกว่าอยากทำงานเกี่ยวกับสายสุขภาพนะ คำตอบก็คือ เป็นไม่ได้หรอก จนเราเฟลมากๆ คือมันเหมือนตอกย้ำว่าเราไม่ดีพอ และมาพูดต่อว่า อยากให้เป็นพยาบาลเกี่ยวกับทหารเพราะมีคนแนะนำมา แต่ก่อนมีคนแนะนำก็พูดไปตามเขา แต่ปากบอกว่า แม่เป็นตัวของตัวเองสูง.... พอเราถามถึงเหตุผลว่า ทำไมว่าเราเป็นไม่ได้ล่ะ เขาก็ตอบมาเพียงว่า ไม่รู้สิ มันเหมือนกับการที่ไม่มีเหตุผลอะไรแต่ที่พูดออกมาตั้งใจจะทำร้ายจิตใจเราล้วนๆ และก็มาพูดอีกว่า ใจนึงก็อยากให้เรียนสายศิลป์นะ ทั้งที่มันหมดโควต้าแล้ว เราก็พูดออกไป แม่ก็เอาตัวเองมาเปรียบเทียบว่า แม้แต่ตัวเองยังได้เลย ง่ายๆ จะไปยากอะไร....และทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นอะไรชอบเอาตัวเองมาเปรียบเทียบตลอด เหมือนกับเกรด เราดีใจมากไม่เคยได้เกรดเยอะขนาดนี้ แม่ก็พูดมาว่า ถ้าได้เยอะเท่าแม่จะไม่เป็นบ้าตายเลยเหรอ แค่นี้เยอะ? เปรียบเทียบตลอด สำหรับเรามันเยอะมากไง เพราะส่วนตัวเรียนไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรเหมือนกับว่า(ขอพูดในคคสต)กลัวได้ดีกว่าตัวเอง
รับมือยังไงกับแม่
เราอยากเข้าศิลป์ภาษาแต่ก่อนที่เขาจะเปิดรับสมัครและวันไปสอบเข้า เราก็ไปถามแม่ว่าให้เข้าดีมั้ย แม่โอเครึเปล่า ตอนแรกๆแมาก็บอกว้า ลองไปสอบดูสิ ทำให้เราพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่พอใกล้ถึงวันสมัครจริงๆ เราก็ไปบอกแม่ แล้วก็กลับมาถามเรื่องนี้กับเขาอีก คำตอบที่ได้คือหาเหตุผลต่างๆมาพูดว่าสายภาษา มันดูไม่มีอนาคต ต้องทำงานต่างประเทศเท่านั้น บลาๆ เข้าสายวิทย์คณิตดีกว่า เราเองก็พยายามพูดด้วยความใจเย็นมากๆ สุดท้ายแม่ก็ตะคอดใส่ว่า ไม่ให้เข้า ไม่มีปัญญาส่ง ทั้งที่เงินตัวเองก็มี คือมันพอสำหรับค่าใล้จ่ายนี้ เราพยายามมามากแล้ว เรามีเพื่อนที่จะเข้าเหมือนกันก็ได้ทักไปยกเลิกกับเพื่อน คือเฟลมาก พอรับพอทำใจยอมรับได้บ้าง หลังๆมาแม่ก็มีปัญหาอีก กลับมาบ้าน เขาก็ชอบหาเรื่องด่า หาเรื่องวีนเราตลอด ทั้งที่อะไรมัยก็ปกติ เหมือนว่าเห็นเราเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา ด่าเราทุกวัน พออยู่ดีๆ ก็มาทำเป็นพูดดีด้วย ทำตัวปกติ เราเห็นว่าพอมีโอกาสบ้าง เลยไปถามเขาว่า ถ้าเราเป็นพยาบาลแม่คิดยังไง คำตอบที่ได้กลับมาคือ เป็นไม่ได้หรอก คือมันบ่อยมากๆแรกเราก็คิดว่า แม่คงพูดเล่นล่ะมั้ง แต่สุดท้ายก็พูดแบบนี้เดิมๆตลอด ทั้งที่ใจเราที่อยากเป็นก็ทำเพื่อเขาล้วนๆ เพราะแต่ก่อนแม่ไม่มีเงินเรียน คิดแค่ว่า ถ้าหากทำได้ก็พอจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายครอบครัวบ้าง พอเราบอกว่าอยากทำงานเกี่ยวกับสายสุขภาพนะ คำตอบก็คือ เป็นไม่ได้หรอก จนเราเฟลมากๆ คือมันเหมือนตอกย้ำว่าเราไม่ดีพอ และมาพูดต่อว่า อยากให้เป็นพยาบาลเกี่ยวกับทหารเพราะมีคนแนะนำมา แต่ก่อนมีคนแนะนำก็พูดไปตามเขา แต่ปากบอกว่า แม่เป็นตัวของตัวเองสูง.... พอเราถามถึงเหตุผลว่า ทำไมว่าเราเป็นไม่ได้ล่ะ เขาก็ตอบมาเพียงว่า ไม่รู้สิ มันเหมือนกับการที่ไม่มีเหตุผลอะไรแต่ที่พูดออกมาตั้งใจจะทำร้ายจิตใจเราล้วนๆ และก็มาพูดอีกว่า ใจนึงก็อยากให้เรียนสายศิลป์นะ ทั้งที่มันหมดโควต้าแล้ว เราก็พูดออกไป แม่ก็เอาตัวเองมาเปรียบเทียบว่า แม้แต่ตัวเองยังได้เลย ง่ายๆ จะไปยากอะไร....และทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นอะไรชอบเอาตัวเองมาเปรียบเทียบตลอด เหมือนกับเกรด เราดีใจมากไม่เคยได้เกรดเยอะขนาดนี้ แม่ก็พูดมาว่า ถ้าได้เยอะเท่าแม่จะไม่เป็นบ้าตายเลยเหรอ แค่นี้เยอะ? เปรียบเทียบตลอด สำหรับเรามันเยอะมากไง เพราะส่วนตัวเรียนไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรเหมือนกับว่า(ขอพูดในคคสต)กลัวได้ดีกว่าตัวเอง