รีวิวหนัง DUNE : PART TWO (2) ในระบบ IMAX 4DX

💰 DUNE PART TWO 💵 ยกให้เป็นหนังไซไฟที่มาในปีนี้ได้อลังการ งานสร้าง สุดๆ 
📍ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายไซ-ไฟ ที่เป็นงานเขียนคลาสสิกที่ชีวิตนี้ต้องอ่านให้ได้สักครั้ง 
ภาพยนตร์ ไซไฟ - ผจญภัย
****คำเตือน กระทู้นี้จะอวยอย่างเดียว เพราะถูกจริตเจ้าของกระทู้มากๆๆ****


✨ เรื่องย่อ : 
       เป็นการเล่าเรื่องต่อเนื่องจากภาคแรก โดยในภาคนี้จะเน้น เรื่องราวของ พอล อะเทรดีส และ เจสซิก้า (แม่ของ พอล) ที่จะต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของ ชนเผ่า เฟรเมน ซึ่งการเข้าร่วมกลุ่มก็ทำให้ พอลได้เจอกับ ชานี่ สาวในนิมิต  และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พอลและชานี่ต่างตกหลุมรักกัน  เริ่มจับมือ ฝ่าฝันอุปสรรค ทั้งการต่อสู้จาก เหล่าผู้กดขี่และศัตรูของพวกเขา แต่แล้วพอลก็ยิ่งเข้าใกล้ฝันร้ายมากขึ้น เมื่อคำทำนายที่เขาเห็น ทุกคนต่างต่อสู้ จนเกิดสงครามในนามของเขา  สุดท้ายเมื่อต้องเลือกระหว่างความรักในชีวิตของ พอล อะเทรดีส กับชะตากรรมของจักรวาลที่เขารู้จัก เขาจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องอนาคตอันเลวร้ายที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถคาดเดาได้

✨ รีวิว ความรู้สึกส่วนตัว  (แอบมีสปอย์) :
* คำเตือน เป็นหนังที่มีรายละเอียดในเรื่องชื่อของชนเผ่า ชื่อตระกูล พอควร หากจดจำรายละเอียดพวกนี้ได้ จะดูหนังได้อรรถรสมากๆ  * 
    หลังจากอ่านนิยาย จนมาดูหนังในโรง ต้องขอชมตัวหนังที่ทำก่อนเลย เพราะในนิยาย บางฉากแทบจะจินตนาการออกมาเป็นภาพยากสุดๆ ยิ่งฉาก Action ของนิยายที่เกี่ยวกับ การเมือง อำนาจ ศาสนา และความเชื่อ  ทำออกมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดมากๆ แต่ก็แอบมีรายละเอียดบางฉากที่ไม่ได้พูดถึง  และมาในภาคนี้จะเน้นการใช้ชีวิตของ พอล กับชาว เฟรเมนเป็นส่วนใหญ่  เราก็จะเห็น Mood & Tone ที่ต้องอยู่ในทะเลทรายตลอดเรื่อง ซึ่งตรงนี้ตัวหนังทำออกมาได้มีรายละเอียด ฟิลเหมือนทรายจะเข้าตา 555 และยิ่งรวมเข้ากับวัฒนธรรมของชาวเฟรเมน ที่มี ความเชื่อ ความศรัทธา ภาษาที่พูด ประเพณี วัฒนธรรม ก็ยิ่งดู ขลัง ต้องมนต์จริงๆ และจากตรงนี้เราก็จะได้เรียรู้ไปกับ พอล ที่ต้องปรับตัวกับทะเลทราย ที่มีแต่ชาวเฟรเมนเท่านั้นที่จะอาศัยได้  ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้วิธีใช้ไช-ฮูลูดเป็นพาหนะ การฝึกเดินบนทราย ตามฉบับชาวเฟรเมน และการฝึกเอาตัวรอดในทะเลทราย ที่น้ำฝนดูแล้วอินสุดๆ  และอีกส่วนที่ทำให้ช่วยบิ้วท์อารมณ์ของหนังได้ดีมากๆ คือ เสื้อผ้า หน้าผม ของตัวละคร เพิ่มความน่าขนลุกขึ้นมาก และในส่วนของนักแสดงทีมนักแสดงก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี โดยเฉพาะ Timothee ที่สวมบทบาท ตัวละคร  พอล ที่ตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง สงคราม การสูญเสีย และการแก้แค้น ศูนย์กลายของหนังจริงๆ และด้วยความที่น้ำฝนได้ไปดูทั้งแบบ โรง IMAX  และ 4DX จะบอกว่า เป็นหนังที่สร้างได้ อลังการงานสร้าง สมการรอคอยจากภาคแรกมากกๆ  เก็บรายละเอียดทุกเม็ดทราย ทั้งงานภาพ มุมกล้อง เสียง ทำออกมาได้อย่างพิถีพิถัน  ถ้าใครอยากดูความอลังการ ของภาพ และ เสียงต้องโรง IMAX แต่ถ้าอยากได้ฟิล เหมือนได้ ขี่หนอน ต้อง 4DX 555555 ชอบมากก สั้นสะเทือนเหมือนได้ขี่หนอน ต่อสู้ไปด้วยเลย  

✨ คุ้มค่าตั๋วมากๆ ส่วนตัวดูไปแล้ว 4 รอบ คือดูแล้วอิ่มใจสุดๆ ✨

✨ โดยรวม น้ำฝนคิดว่า หนังให้เราได้เรียนรู้ถึง ถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ทั้งการการช่วงชิงทรัพยากรที่มีเพียงจำกัดบนดาวดวงเดียว ทั้งเกมการเมือง และศาสนา ที่บอกเลยว่า วางแผนกันไปมาสุดๆ ซึ่งในเรื่องเราก็จะเห็นการแย่งที่จะครอบครอง สไปซ์ (สารและแร่ ที่ทำให้คนใช้มีพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งทุกอย่างในจักรวาล Dune ต้องใช้ ไม่ว่าจะการขับเคลื่อนยานข้ามอวกาศ ) ที่ถ้าผู้ใด ได้ครอบครองก็ถือว่า ได้คุมทั้งจักรวาลแล้ว ซึ่งเป็นอะไรที่เราต้องคอยลุ้นตลอดเวลา 
 
✨ และนี้คือสิ่งที่ได้เมื่อดูหนังที่ Major ที่ตอนนี้เจ้าของกระทู้ได้ (สะสม Poster Poscard Timothee ><)
- ระบบ IMAX สำหรับมีบัตร MPASS  MGEN 


-ระบบ 4DX    

✨ หนัง DUNE : PART TWO
ความยาว 2 ชม. 46 นาที                                                  
✨Have a nice day นะคะ ✨
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่