ในที่สุดก็ได้รับชมหลังจากที่รอเวลามาเกือบ3ปีกับ
" DUNE part TWO " และเผื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่ผมก็ได้จัดโรง IMAX ไปเลยเบิ้มๆ
พูดถึงการรับชมผ่านIMAX ก่อนละกัน มันช่วยเพิ่มความยิ่งใหญ่ ตระการตาให้กับหนังได้มากทีเดียวแต่ในขณะเดียวกันฉาก close-up ที่หน้าตัวละครก็คือเห็นชัดเต็มตานักแสดงสื่ออารมณ์มาได้อย่างเต็มที่และเรื่องสีภาพด้วยถ้าเป็นเฉดขาวดำคือรายละเอียดเรื่องมิติคือที่สุด
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ คุณไปดู IMAX กันเถอะ
เรื่องย่อ : ภาพยนตร์ “Dune: Part Two” เป็นการสำรวจการเดินทางแห่งเทพนิยายของพอล อะเทรดีส เขาร่วมมือกับชานีและเฟรแมนเดินทางล้างแค้น เผชิญหน้ากับผู้สมรู้ร่วมคิดที่ทำลายครอบครัวของเขา และต้องเลือกระหว่างความรักของเขากับชะตาชีวิตที่เห็นทุกสิ่ง เขาพยายามปกป้องเรื่องร้ายๆ ในอนาคตที่มีเพียงเขาหยั่งรู้ได้ (เครดิต major )
สิ่งที่ชอบ
1. อย่างแรกเลยคือความมีหัวจิตหัวใจมากขึ้น ภาคนี้ดูจะใส่ความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครมากขึ้น จากที่ภาคก่อนเราจะเป็นเค้าเอาแต่เก็กกันท่าเดียว ในภาคนี้คือมี
อารมณ์ขันยิ่งขึ้น ได้โชว์อารมณ์ โกรธ เศร้า เสียใจ ซึ่งมันช่วยยกระดับให้เรื่องนี้ดูเป็นมหากาพย์ยิ่งขึ้น
2. การbalance ระหว่างคำว่าศิลปะและความบันเทิงได้ดีมาก จากภาคแรกที่หลายๆคนบ่นว่ายานอนหลับและเดาว่าผู้กำกับอาจจะรู้ตัว ในภาคนี้เลยมีการตัดที่ไวขึ้นจังหวะหนัง แอ็คชั่นก็คือเร้าใจ รวมๆคือถ้าใครดูภาค1แล้วเบื่อ ภาคนี้คุณอาจจะสนุกกับมันยิ่งขึ้น
3. การเป็นหนัง hero journey หรือ ผู้ถูกเลือก ที่ทำได้ลึกกว่าหนังแนวนี้ทั่วไป กล่าวคือในหลายๆเรื่องของหมวดนี้เรามักมองพระเอกว่าเป็นผู้กอบกู้ มาเพื่อปลดแอก แต่กับเรื่องนี้เรากลับรู้สึกเยาคือผู้ฉวยโอกาสจากการที่คนมีศรัทธา ซึ่งมุกตลกในเรื่องนี้ก็ช่วยส่งเสริมประเด็นนี้เข้าไปอีก
4. การแสดงของทิโมธี ที่สามารถเปลี่ยนจากพ่อหนุ่มอ่อนแอแต่เมื่อได้รับบางอย่าง ก็ดูดุดัน มากขึ้น ผมทึ่งมากกับการเปลี่ยนน้ำเสียง จากคนนึงเปลี่ยนเป็นอีกคนเลย และ ออสติน บัสเลอร์ ด้วย ดูเป็นตัวละครที่เดาไม่ได้และมีเล่ห์เหลี่ยมที่ดูเป็นเสน่ห์เลย
สิ่งที่ไม่ชอบ
1. ไม่รู้ในนิยายว่าไง แต่ในหนังภาคนี้ รู้สึกฝั่งฮาร์คอแนนบทจะดรอปๆลงไปหน่อย (ยกเว้นออสติน) มันดูเป็นตัวร้ายทั่วไปนิดนึง
2. แอบรู้สึกว่าบางอย่างเขาไม่ได้สนใจจะเล่าเท่าไหร่
ทั้งการฝึกฝนของพอล ที่ผ่านไปอย่างง่ายดาย หรือคนทรยศฝั่งเฟรเมน ที่รู้สึกเหมือนมีแบบผ่านๆมากกว่า
โดยรวม คือ นี้เป็นหนังที่ปรับปรุงจากภาคแรกแล้วดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่า สายอาร์ตก็ชอบ สายแมสก็บันเทิงได้ดี เป็นมหากาพย์ที่เราไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่ The lord of the ring ซึ่งผมเชื่อว่าเรื่องนี้สามารถไปอยู่ในจุดนั้นได้ และถ้าภาค3 ออกมาดี ไตรภาคชุดนี้คงได้เป็นตำนานแน่นอน
คะแนน 9 / 10
REVIEW : DUNE part TWO in IMAX !!!