ในไม่ช้าประเทศไทยอาจจะก้าวสู่การเป็นสังคมนานาชาติ ไม่ต่างจากนิวยอร์ก
ที่เดินไป ก็มีโอกาสสวนกับชาวต่างชาติ ที่เข้ามาทำงาน ลงทุน หรือ พักอาศัยในไทย
ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้เชื่อมโยงกับภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกได้ง่ายขึ้น
เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ การพัฒนาฝีมือแรงงาน
อย่างไรก็ดี พบว่า ด้วยความเครียด กดดันทางสังคม เศรษฐกิจ มักจะเกิด
อาชญากรรมบ่อยครั้ง ประเทศไทยควรมีกระบวนการดูแลที่รัดกุม
ทั้งด้านการควบคุม อบรมออนไลน์ในการปรับตัว ความปลอดภัย
และให้โอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ต่างจากคนจีน ที่เข้ามาทำมาหากินในไทย
และรักประเทศไทย มีลูกหลานกับคนไทย จนกลืนเป็นสังคมเดียวกัน
ส่วนคนไทยเองก็อย่าข่มเขามากเกินไป ควรมองภาพว่า
เราอยู่ในระบบเศรษฐกิจโลก ที่เป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติได้ไม่ยาก
ที่ผ่านมาเกือบทศวรรษ เราเป็นประเทศที่ถูกลืม
แต่วันนี้ สังคมนานาชาติให้ความสำคัญต่อประเทศเรา
อะไรผิด ก็ให้ความยุติธรรมสมเหตุสมผล และอะไรที่เขาทำดี
ก็ให้การยกย่อง ชาวต่างชาติส่วนหนึ่ง อุปนิสัยดี
แนวคิดเรื่องกลัวเขาจะครองประเทศ อันนี้ ต้องดูอเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย
ประเทศเปิดให้คนหลายชาติ ให้โอกาสในการพัฒนาฐานะ
หัวกะทิจากต่างประเทศเข้ามาพัฒนาคนไทยได้
แรงงานจากต่างประเทศเข้ามาช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตได้
นึกถึงลูกหลานเราเอง ที่บางทีไปซื้อบ้าน ย้ายไปทำงานต่างประเทศ
ก็ไม่ต่างจากพวกเขาที่มาประเทศเรา และด้วยแรงกระตุ้นจากการส่งออก
จากการบอกต่อเรื่องดีๆ เกี่ยวกับประเทศไทยจากชาวต่างชาติ
เราได้ขายของดี ในราคาตลาดโลก นี่คือ โอกาสพลิกเกมส์ของประเทศเมืองเปิด
เช่น ถ้าทุเรียน ซื้อกันเองในประเทศ ราคาคงไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยได้
นี่คือ พลังจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่บริบทการทำงานแบบนานาชาติ
ที่คนไทยต้องปรับตัว ปรับมาตรฐาน หาแนวอาชีพที่สอดรับกับสังคมที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ต่อต้าน
การดูแลชาวต่างประเทศที่อยู่อาศัยในไทย
ที่เดินไป ก็มีโอกาสสวนกับชาวต่างชาติ ที่เข้ามาทำงาน ลงทุน หรือ พักอาศัยในไทย
ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้เชื่อมโยงกับภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกได้ง่ายขึ้น
เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ การพัฒนาฝีมือแรงงาน
อย่างไรก็ดี พบว่า ด้วยความเครียด กดดันทางสังคม เศรษฐกิจ มักจะเกิด
อาชญากรรมบ่อยครั้ง ประเทศไทยควรมีกระบวนการดูแลที่รัดกุม
ทั้งด้านการควบคุม อบรมออนไลน์ในการปรับตัว ความปลอดภัย
และให้โอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ต่างจากคนจีน ที่เข้ามาทำมาหากินในไทย
และรักประเทศไทย มีลูกหลานกับคนไทย จนกลืนเป็นสังคมเดียวกัน
ส่วนคนไทยเองก็อย่าข่มเขามากเกินไป ควรมองภาพว่า
เราอยู่ในระบบเศรษฐกิจโลก ที่เป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติได้ไม่ยาก
ที่ผ่านมาเกือบทศวรรษ เราเป็นประเทศที่ถูกลืม
แต่วันนี้ สังคมนานาชาติให้ความสำคัญต่อประเทศเรา
อะไรผิด ก็ให้ความยุติธรรมสมเหตุสมผล และอะไรที่เขาทำดี
ก็ให้การยกย่อง ชาวต่างชาติส่วนหนึ่ง อุปนิสัยดี
แนวคิดเรื่องกลัวเขาจะครองประเทศ อันนี้ ต้องดูอเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย
ประเทศเปิดให้คนหลายชาติ ให้โอกาสในการพัฒนาฐานะ
หัวกะทิจากต่างประเทศเข้ามาพัฒนาคนไทยได้
แรงงานจากต่างประเทศเข้ามาช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตได้
นึกถึงลูกหลานเราเอง ที่บางทีไปซื้อบ้าน ย้ายไปทำงานต่างประเทศ
ก็ไม่ต่างจากพวกเขาที่มาประเทศเรา และด้วยแรงกระตุ้นจากการส่งออก
จากการบอกต่อเรื่องดีๆ เกี่ยวกับประเทศไทยจากชาวต่างชาติ
เราได้ขายของดี ในราคาตลาดโลก นี่คือ โอกาสพลิกเกมส์ของประเทศเมืองเปิด
เช่น ถ้าทุเรียน ซื้อกันเองในประเทศ ราคาคงไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยได้
นี่คือ พลังจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่บริบทการทำงานแบบนานาชาติ
ที่คนไทยต้องปรับตัว ปรับมาตรฐาน หาแนวอาชีพที่สอดรับกับสังคมที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ต่อต้าน