เราแค่อยากแชร์บางเรื่องที่คิดว่าหลายๆคนที่กำลังตัดสินใจไปใช้บริการ โบท๊อก ฟิลเลอร์ เครื่องยกกระชับ ทรีทเม้นท์ ร้อยไหม และหัตถการต่างๆนาๆ อยากรู้ (ก็เหมือนเราแหละ แต่หาคำตอบไม่ได้ จนต้องไปได้คำตอบเอง) เลยเอามาลงไว้ดีกว่า ส่วนใหญ่ไปทำแล้วดีก็ทำต่อ แต่ถ้าไม่ดี (เท่าไหร่) เราก็มักจะปล่อยผ่าน คนต่อๆไปก็เลยไม่รู้ เลยยอมเสียเวลามาพิมพ์ทิ้งไว้ดีกว่า ทั้งที่เราควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่น นั่มันดูเหมือนไร้สาระ แต่ก็อ๊ะ! เผื่อมีค่ากับบางคนที่ไม่ได้มีเงินเหลือกินเหลือใช้ อยากจะสวยทีต้องคิดแล้วคิดอีกๆๆๆ
สรุปสั้นๆ เป็นข้อๆ เลยละกันนะคะ (ขอแจ้งไว่ก่อนว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและความคิดเห็นส่วนตัวเฉพาะเคสเรา คนอื่นเราไม่รู้ และอาจจะไม่ได้เป็นกับทุกคลินิก)
1. อย่าโอนเงินจองก่อนพบหมอ/ชำระเงินคือสิ่งที่ต้องทำท้ายสุด
ไม่ว่าจะทำหัตถการอะไร จะเป็นโปรโมชั่นถูกมาก จำกัดสิทธิ์น้อยมากกก จะหมดแขตแล้วก็ตาม ถ้ายังไม่ชัวร์หรือเคยทำมาก่อนแล้วจริงๆ เพราะว่า เซลล์ประจำคลินิก จะมีทั้งแต่ละสาขา เซลล์ประจำตัวหมอ เซลล์ส่วนกลาง ซึ่งบางโปรบอกว่าต้องโอนจองออนไลน์เท่านั้น แต่พอถามทางสาขาที่ไปใช้บริการจริงๆกลับพบว่า แจ้งขอใช้โปรนี้กับสาขาก็ได้ และมันต่างกันคือ เมื่อเราโอนจองเต็มจำนวนแล้ว สิ่งที่เราสอบถามกับแอดมินในหัตถการที่จะทำ ผลลัพธ์ของมัน อาจจะไม่ตรงกับที่หมอให้คำปรึกษาเรา เมื่อเดินทางไปพบหมอแล้ว พอเปลี่ยนใจ จะไม่ทำหมอก็ไม่ว่านะคะ แต่ก็จะขอคืนเงินไม่ได้ละ ถ้าเปลี่ยนไปทำสิ่งที่แก้ปัญหาเราที่สุด ก็มักจะต้องจ่ายแพงกว่า อาจต้องลงเป็นคอร์ส(โดยไม่จำเป็น) คือยังไงเงินก็จมอะ แต่ถ้าเราไม่จ่ายนะ ยันทำหัตถการไปแล้วอะ ยังไงเราก็มีสิทธ์กลับตัวกลับใจได้เสมอนะ (ถ้าเรามีจุดยืนที่เข้มแข็ง55) .. ไม่ต้องกลัวสิทธิ์จะเต็ม ต่อให้เลยกำหนด ก็อาจมีอีก ไม่กี่วันหรอก 1เดือน1 2เดือน2 บางทีเพิ่งทำไปเมื่อวาน วันนี้จัดโปร ยังไงเขาก็เสียใจด้วย แต่ถ้าโปรหมดกำหนดไปแล้ว แต่เราเพิ่งจะมารู้ อยากทำ แต่ไม่มีโปร ไม่ทำ!! บางทีเขาอาจจะให้โปรนั้นเป็นพิเศษ โอ้ยย!!!.. และอย่าว่าแต่เซลล์แนะนำไม่เหมือนหมอเลย หมอด้วยกันยังแนะนำต่างกันได้เลย *เอาเป็นว่าควักเงินให้ช้าที่สุด โอกาสต่อรองจะได้พอมี" ไม่มีก็ไม่ทำ ไม่ทำก็ไม่ได้เสีย ได้ทำแต่ทำมาแล้วเสีย จะยิ่งเจ็บใจ อย่างว่า เซลล์เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขาเพราะมันคือ Insentive/ค่าคอม เราก็ทำหน้าที่ของเรา คือรักษาสิทธิ์และเงินในกระเป๋าที่จำกัด 555 ขนาดบอกบัตรเครดิตวงเงินเต็มหมดทุกใบ ยังเคยถูกยัดเยียดต่อ เลยบอกว่า คลินิกมีเครดิตให้ด้วยมั้ยคะ อยากทำนะ!!
2. อย่าเชื่อรีวิว ไม่ว่าดารา อินฟลูฯ ที่จริงก็มี แต่บางทีที่เราเห็นเขาทำฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วดีอะ นอกจากตาแล้วเขาเติม ขมับ แก้ม หน้าผาก คาง กี่ซีซี โบท๊อก ทำเครื่องมากี่ครั้ง รูปที่เห็นอะ บางทีที่มา อาจจะแค่มาทรีทเม้นท์ก็ได้ ส่วนอินฟลู ยิ่งดูพอเป็นไกด์ไลน์ มันเหมื่อนดูหนังที่ไม่เคยมีตอนจบอะ ไม่ต่อเนื่อง และทีสุดคือรูปรีวิวคนไข้ ครั้งที่ 1 และเป็นรูปครั้งที่เห็นผลเลย แต่ผ่านมากี่ครั้ง แต่ละครั้งลงไม่เห็นครบเลย และแต่ละครั้งทำอย่างอื่นด้วยรึเปล่า เอ้ออ และถ้าไม่สวย เขาก็ไม่ให้รีวิวนะเออ555
3. หมอไม่ได้ชัวร์ไปทุกเรื่อง อย่างเช่นนวัตกรรมใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ทีตบเท้ากันออกมาในท้องตลาดแข่งกันเต็มไปหมด หมอก็รับข้อมูลมาจากเซลล์ของบริษัทยา/เครื่องมือแพทย์นั้นๆเหมือนกัน แต่ก็คงศึกษามาพอสมควร เหมือนกับที่เราศึกษาคลินิกและหมอก่อนใช้บริการ แต่ก็พลาดท่าซื้อเพราะเซลล์อีกนั่นแหละ555 หมอไม่ผิด แต่ก็อย่าเชื่อหมอออไปเสียทุกอย่าง (ชั่งใจนึดนิง)
แชร์ประสบการณ์จริง โปรโมชั่นคลินิกศัลยกรรมความงาม
สรุปสั้นๆ เป็นข้อๆ เลยละกันนะคะ (ขอแจ้งไว่ก่อนว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและความคิดเห็นส่วนตัวเฉพาะเคสเรา คนอื่นเราไม่รู้ และอาจจะไม่ได้เป็นกับทุกคลินิก)
1. อย่าโอนเงินจองก่อนพบหมอ/ชำระเงินคือสิ่งที่ต้องทำท้ายสุด
ไม่ว่าจะทำหัตถการอะไร จะเป็นโปรโมชั่นถูกมาก จำกัดสิทธิ์น้อยมากกก จะหมดแขตแล้วก็ตาม ถ้ายังไม่ชัวร์หรือเคยทำมาก่อนแล้วจริงๆ เพราะว่า เซลล์ประจำคลินิก จะมีทั้งแต่ละสาขา เซลล์ประจำตัวหมอ เซลล์ส่วนกลาง ซึ่งบางโปรบอกว่าต้องโอนจองออนไลน์เท่านั้น แต่พอถามทางสาขาที่ไปใช้บริการจริงๆกลับพบว่า แจ้งขอใช้โปรนี้กับสาขาก็ได้ และมันต่างกันคือ เมื่อเราโอนจองเต็มจำนวนแล้ว สิ่งที่เราสอบถามกับแอดมินในหัตถการที่จะทำ ผลลัพธ์ของมัน อาจจะไม่ตรงกับที่หมอให้คำปรึกษาเรา เมื่อเดินทางไปพบหมอแล้ว พอเปลี่ยนใจ จะไม่ทำหมอก็ไม่ว่านะคะ แต่ก็จะขอคืนเงินไม่ได้ละ ถ้าเปลี่ยนไปทำสิ่งที่แก้ปัญหาเราที่สุด ก็มักจะต้องจ่ายแพงกว่า อาจต้องลงเป็นคอร์ส(โดยไม่จำเป็น) คือยังไงเงินก็จมอะ แต่ถ้าเราไม่จ่ายนะ ยันทำหัตถการไปแล้วอะ ยังไงเราก็มีสิทธ์กลับตัวกลับใจได้เสมอนะ (ถ้าเรามีจุดยืนที่เข้มแข็ง55) .. ไม่ต้องกลัวสิทธิ์จะเต็ม ต่อให้เลยกำหนด ก็อาจมีอีก ไม่กี่วันหรอก 1เดือน1 2เดือน2 บางทีเพิ่งทำไปเมื่อวาน วันนี้จัดโปร ยังไงเขาก็เสียใจด้วย แต่ถ้าโปรหมดกำหนดไปแล้ว แต่เราเพิ่งจะมารู้ อยากทำ แต่ไม่มีโปร ไม่ทำ!! บางทีเขาอาจจะให้โปรนั้นเป็นพิเศษ โอ้ยย!!!.. และอย่าว่าแต่เซลล์แนะนำไม่เหมือนหมอเลย หมอด้วยกันยังแนะนำต่างกันได้เลย *เอาเป็นว่าควักเงินให้ช้าที่สุด โอกาสต่อรองจะได้พอมี" ไม่มีก็ไม่ทำ ไม่ทำก็ไม่ได้เสีย ได้ทำแต่ทำมาแล้วเสีย จะยิ่งเจ็บใจ อย่างว่า เซลล์เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขาเพราะมันคือ Insentive/ค่าคอม เราก็ทำหน้าที่ของเรา คือรักษาสิทธิ์และเงินในกระเป๋าที่จำกัด 555 ขนาดบอกบัตรเครดิตวงเงินเต็มหมดทุกใบ ยังเคยถูกยัดเยียดต่อ เลยบอกว่า คลินิกมีเครดิตให้ด้วยมั้ยคะ อยากทำนะ!!
2. อย่าเชื่อรีวิว ไม่ว่าดารา อินฟลูฯ ที่จริงก็มี แต่บางทีที่เราเห็นเขาทำฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วดีอะ นอกจากตาแล้วเขาเติม ขมับ แก้ม หน้าผาก คาง กี่ซีซี โบท๊อก ทำเครื่องมากี่ครั้ง รูปที่เห็นอะ บางทีที่มา อาจจะแค่มาทรีทเม้นท์ก็ได้ ส่วนอินฟลู ยิ่งดูพอเป็นไกด์ไลน์ มันเหมื่อนดูหนังที่ไม่เคยมีตอนจบอะ ไม่ต่อเนื่อง และทีสุดคือรูปรีวิวคนไข้ ครั้งที่ 1 และเป็นรูปครั้งที่เห็นผลเลย แต่ผ่านมากี่ครั้ง แต่ละครั้งลงไม่เห็นครบเลย และแต่ละครั้งทำอย่างอื่นด้วยรึเปล่า เอ้ออ และถ้าไม่สวย เขาก็ไม่ให้รีวิวนะเออ555
3. หมอไม่ได้ชัวร์ไปทุกเรื่อง อย่างเช่นนวัตกรรมใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ทีตบเท้ากันออกมาในท้องตลาดแข่งกันเต็มไปหมด หมอก็รับข้อมูลมาจากเซลล์ของบริษัทยา/เครื่องมือแพทย์นั้นๆเหมือนกัน แต่ก็คงศึกษามาพอสมควร เหมือนกับที่เราศึกษาคลินิกและหมอก่อนใช้บริการ แต่ก็พลาดท่าซื้อเพราะเซลล์อีกนั่นแหละ555 หมอไม่ผิด แต่ก็อย่าเชื่อหมอออไปเสียทุกอย่าง (ชั่งใจนึดนิง)