เรื่องมีอยู่ว่าเราไปเดินห้าง แล้วมีพนักงานมาเรียกไปฟังขายคอร์สลดน้ำหนัก แจ้งว่ามีคุณหมอเป็นเจ้าของคลินิก และมีเครื่องลดน้ำหนักสั่งมาจากอิตาลี
ด้วยความที่อยากผอม และก่อนหน้านี้เคยซื้อเมมเบอร์ฟิตเนส แต่ไม่ได้ไปเนื่องจากเหตุการณ์โควิด ก็เลยตัดสินใจซื้อคอร์สราคา 40,000 บาท
โดยมีโดยมีความหวังว่าจะช่วยทำให้ผอมได้ 5555
แต่หลังจากที่ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานไปตัดบัตรนั้น ทางเซลล์ก็ขอเรียกเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท โดยแจ้งว่าเป็นโปรโมชั่นลูกค้า VIP ซึ่งจะทำให้เราได้วงเงิน 120,000 บาทมาใช้บริการหัตการต่างๆในคลินิก เซลล์บอกว่าไม่จำเป็นต้องเอาก็ได้ และเราได้ปฏิเสธไป แต่เมื่อปฏิเสธแล้วเซลล์ก็แย้งว่ามีข้อดีอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเราก็ปฏิเสธอีกว่าไม่เอา แต่เซลล์ก็ยังแย้งเหมือนเดิมจนเหตุการณ์วนอยู่อย่างนี้เป็นชั่วโมง และทางเจ้าหน้าที่ไม่คืนบัตรเครดิตให้เราสักที เราก็เริ่มหิวข้าว จึงตอบตกลงและเป็นลูกค้าวีไอพีของคลินิกนี้ค่ะ
พอถึงวันที่เราไปใช้บริการครั้งแรก ทางคลินิกแจ้งว่าไม่สามารถให้บริการคอร์สเราได้ ต้องเป็นอาทิตย์หน้า และชดเชยให้ทำหน้าฟรีไปก่อนในครั้งนี้ เราก็ตกลงทำ เมื่อถึงตอนทำ เราไปนอนบนเตียงกำลังจะทำหน้า แต่เซลล์คนเดิมก็เข้ามาอธิบายขายคอร์สเกี่ยวกับหน้าและตำหนิหน้าเราต่างๆ แม้กระทั่งทั้งสิวเม็ดเดียว และแจ้งว่าต้องเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยจำนวน 40,000 บาท แต่ผิวหน้าเราค่อนข้างดีและแทบไม่เคยมีคนมาว่าผิวหน้าเราอย่างนี้ กลับพูดในทางตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ในตอนนั้นในหัวก็คิดว่าขนาดดารายังมีสิวได้เลย ก็เลยปฏิเสธไป แต่เซลล์ก็ยังไม่หยุดขายและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทำหน้าก็ไม่เริ่มทำให้เราสักที คุยประมาณครึ่งชั่วโมง จนพี่เซลล์ไปเรียกหัวหน้าเซลล์มาคุยด้วย หัวหน้าเซลล์ก็คุยประมาณ 10 นาที แต่เราก็ยังปฏิเสธ จนหัวหน้าเซลล์บอกว่าไว้คุยกันต่อข้างนอก แล้วให้เราทำหน้าต่อ
จนทำเสร็จ ออกมารับบัตรนัด เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้อยู่รอเซลล์ก่อน แต่เราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ต่อจึงเดินออกมาจากคลินิกเลย พอกลับบ้านไปเสิร์จข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกนี้ ก็เห็นประกาศรับสมัครหมอแขวนป้ายในคลินิกสาขาที่เราทำอยู่ และเอาชื่อเครื่องจากในรูปเพจของคลินิกมาเสิร์ช พบว่าเป็นเครื่องของบริษัทจีน ราคา 3,100$ หรือ ประมาณ 93,000 บาท ซึ่งราคาพอๆกับค่าคอร์สเราหากซื้อเพิ่ม 40,000 เข้าไปด้วย เรารู้สึกไม่โอเคกับคลินิกนี้ แต่ก็เสียดายเงินที่จ่ายไป คิดว่าต่อไปจะไปที่คลินิกไปทำแค่คอร์สอย่างเดียวไม่ซื้ออะไรเพิ่ม
จนหลังจากนั้นเหตุการณ์โควิดเริ่มหนักขึ้น สาขาที่เราทำต้องปิดชั่วคราว และต้องย้ายไปทำอีกสาขาซึ่งไกลมาก ตอนไปทำครั้งสองครั้งแรกทางเซลล์มีขายของบ้าง แต่ราคาน้อยกว่าเดิมมากและปฏิเสธได้ง่ายพนักงานไม่ตื๊อ เราก็มองสาขานี้ดีมากขึ้น และรู้สึกอยากลองเครื่องลดไขมันตัวใหม่ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในวงเงิน แต่ทราบราคาว่าค่อนข้างแพงประมาณ 20,000 บาท เลยคิดว่าไว้ค่อยทำตอนหลังจากทำคอร์สนี้เสร็จก็ได้
จนกระทั่งไปคลินิกครั้งที่สาม ทางหัวหน้าเซลล์แจ้งว่าอยากให้เราได้ลองใช้เครื่องตัวนี้จริงๆ โดยเสนอราคาพิเศษให้ แต่เราก็ยังไม่อยากทำอยู่ดี จึงแจ้งว่าไม่มีเงินและบัตรวงเงินเต็ม ทางเซลล์ขอบัตรเครดิตเราไปเช็ค เราจึงยื่นบัตรเครดิตใบที่วงเงินเหลือพันกว่าบาทไปให้ เซลล์ก็แจ้งให้ขอวงเงินชั่วคราวแล้วผ่อนเอา เราเถียงเซลล์ไปว่าขอวงเงินชั่วคราวไม่สามารถผ่อนได้ เซลล์ก็แจ้งว่าสามารถผ่อนได้ 3 เดือน หากขอเป็นสิทธิ์รักษาพยาบาล และเค้าจะโทรคุยกับธนาคารให้ เค้าขอให้เปิดแอพบัตรเครดิตของเราดู พอเปิดแอพแล้วพบว่าสามารถขอวงเงินเพิ่มได้อีก 6,000 บาท
จนถึงคิวเราเข้าทำหัตถการพอดี จึงเข้าห้องไป ซึ่งระหว่างทำอยู่นั้น เซลล์ก็เข้ามาแจ้งว่าได้คุยกับธนาคารมาแล้วว่าสามารถขอเพิ่มได้ 6,000 บาท และสามารถผ่อนได้สามเดือน และแจ้งโปรให้เราเป็นสามครั้ง 7,000 บาท เราจึงตกลงทำไป เซลล์ก็ให้เรากดเข้าไปในแอพเพื่อขอวงเงินชั่วคราว ก็ขอได้ แต่วันนั้นยังกดผ่อนไม่ได้เนื่องจากยอดยัง pending อยู่
จนผ่านมาสองสามวัน เราจะกดผ่อน แต่ก็ตงิดใจ เลยลองโทรถามคอลเซ็นเตอร์ ทางคอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าการขอวงเงินชั่วคราวไม่สามารถผ่อนได้ไม่ว่าจะกรณีใด เราเลยรู้สึกโกรธและผิดหวังมากไปเชื่อคำลมปากของเซลล์พวกนั้น
มาถึงตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงดี จะทิ้งเงินก็เสียดาย อยากให้เพื่อนๆช่วยแชร์ได้ไหมคะว่าควรจะทำอย่างไรดี
จะทำยังไงดีถ้าไปทำหัตถการแล้วคลินิกขอเรียกเก็บเงินเพิ่ม
ด้วยความที่อยากผอม และก่อนหน้านี้เคยซื้อเมมเบอร์ฟิตเนส แต่ไม่ได้ไปเนื่องจากเหตุการณ์โควิด ก็เลยตัดสินใจซื้อคอร์สราคา 40,000 บาท
โดยมีโดยมีความหวังว่าจะช่วยทำให้ผอมได้ 5555
แต่หลังจากที่ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานไปตัดบัตรนั้น ทางเซลล์ก็ขอเรียกเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท โดยแจ้งว่าเป็นโปรโมชั่นลูกค้า VIP ซึ่งจะทำให้เราได้วงเงิน 120,000 บาทมาใช้บริการหัตการต่างๆในคลินิก เซลล์บอกว่าไม่จำเป็นต้องเอาก็ได้ และเราได้ปฏิเสธไป แต่เมื่อปฏิเสธแล้วเซลล์ก็แย้งว่ามีข้อดีอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเราก็ปฏิเสธอีกว่าไม่เอา แต่เซลล์ก็ยังแย้งเหมือนเดิมจนเหตุการณ์วนอยู่อย่างนี้เป็นชั่วโมง และทางเจ้าหน้าที่ไม่คืนบัตรเครดิตให้เราสักที เราก็เริ่มหิวข้าว จึงตอบตกลงและเป็นลูกค้าวีไอพีของคลินิกนี้ค่ะ
พอถึงวันที่เราไปใช้บริการครั้งแรก ทางคลินิกแจ้งว่าไม่สามารถให้บริการคอร์สเราได้ ต้องเป็นอาทิตย์หน้า และชดเชยให้ทำหน้าฟรีไปก่อนในครั้งนี้ เราก็ตกลงทำ เมื่อถึงตอนทำ เราไปนอนบนเตียงกำลังจะทำหน้า แต่เซลล์คนเดิมก็เข้ามาอธิบายขายคอร์สเกี่ยวกับหน้าและตำหนิหน้าเราต่างๆ แม้กระทั่งทั้งสิวเม็ดเดียว และแจ้งว่าต้องเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยจำนวน 40,000 บาท แต่ผิวหน้าเราค่อนข้างดีและแทบไม่เคยมีคนมาว่าผิวหน้าเราอย่างนี้ กลับพูดในทางตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ในตอนนั้นในหัวก็คิดว่าขนาดดารายังมีสิวได้เลย ก็เลยปฏิเสธไป แต่เซลล์ก็ยังไม่หยุดขายและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทำหน้าก็ไม่เริ่มทำให้เราสักที คุยประมาณครึ่งชั่วโมง จนพี่เซลล์ไปเรียกหัวหน้าเซลล์มาคุยด้วย หัวหน้าเซลล์ก็คุยประมาณ 10 นาที แต่เราก็ยังปฏิเสธ จนหัวหน้าเซลล์บอกว่าไว้คุยกันต่อข้างนอก แล้วให้เราทำหน้าต่อ
จนทำเสร็จ ออกมารับบัตรนัด เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้อยู่รอเซลล์ก่อน แต่เราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ต่อจึงเดินออกมาจากคลินิกเลย พอกลับบ้านไปเสิร์จข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกนี้ ก็เห็นประกาศรับสมัครหมอแขวนป้ายในคลินิกสาขาที่เราทำอยู่ และเอาชื่อเครื่องจากในรูปเพจของคลินิกมาเสิร์ช พบว่าเป็นเครื่องของบริษัทจีน ราคา 3,100$ หรือ ประมาณ 93,000 บาท ซึ่งราคาพอๆกับค่าคอร์สเราหากซื้อเพิ่ม 40,000 เข้าไปด้วย เรารู้สึกไม่โอเคกับคลินิกนี้ แต่ก็เสียดายเงินที่จ่ายไป คิดว่าต่อไปจะไปที่คลินิกไปทำแค่คอร์สอย่างเดียวไม่ซื้ออะไรเพิ่ม
จนหลังจากนั้นเหตุการณ์โควิดเริ่มหนักขึ้น สาขาที่เราทำต้องปิดชั่วคราว และต้องย้ายไปทำอีกสาขาซึ่งไกลมาก ตอนไปทำครั้งสองครั้งแรกทางเซลล์มีขายของบ้าง แต่ราคาน้อยกว่าเดิมมากและปฏิเสธได้ง่ายพนักงานไม่ตื๊อ เราก็มองสาขานี้ดีมากขึ้น และรู้สึกอยากลองเครื่องลดไขมันตัวใหม่ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในวงเงิน แต่ทราบราคาว่าค่อนข้างแพงประมาณ 20,000 บาท เลยคิดว่าไว้ค่อยทำตอนหลังจากทำคอร์สนี้เสร็จก็ได้
จนกระทั่งไปคลินิกครั้งที่สาม ทางหัวหน้าเซลล์แจ้งว่าอยากให้เราได้ลองใช้เครื่องตัวนี้จริงๆ โดยเสนอราคาพิเศษให้ แต่เราก็ยังไม่อยากทำอยู่ดี จึงแจ้งว่าไม่มีเงินและบัตรวงเงินเต็ม ทางเซลล์ขอบัตรเครดิตเราไปเช็ค เราจึงยื่นบัตรเครดิตใบที่วงเงินเหลือพันกว่าบาทไปให้ เซลล์ก็แจ้งให้ขอวงเงินชั่วคราวแล้วผ่อนเอา เราเถียงเซลล์ไปว่าขอวงเงินชั่วคราวไม่สามารถผ่อนได้ เซลล์ก็แจ้งว่าสามารถผ่อนได้ 3 เดือน หากขอเป็นสิทธิ์รักษาพยาบาล และเค้าจะโทรคุยกับธนาคารให้ เค้าขอให้เปิดแอพบัตรเครดิตของเราดู พอเปิดแอพแล้วพบว่าสามารถขอวงเงินเพิ่มได้อีก 6,000 บาท
จนถึงคิวเราเข้าทำหัตถการพอดี จึงเข้าห้องไป ซึ่งระหว่างทำอยู่นั้น เซลล์ก็เข้ามาแจ้งว่าได้คุยกับธนาคารมาแล้วว่าสามารถขอเพิ่มได้ 6,000 บาท และสามารถผ่อนได้สามเดือน และแจ้งโปรให้เราเป็นสามครั้ง 7,000 บาท เราจึงตกลงทำไป เซลล์ก็ให้เรากดเข้าไปในแอพเพื่อขอวงเงินชั่วคราว ก็ขอได้ แต่วันนั้นยังกดผ่อนไม่ได้เนื่องจากยอดยัง pending อยู่
จนผ่านมาสองสามวัน เราจะกดผ่อน แต่ก็ตงิดใจ เลยลองโทรถามคอลเซ็นเตอร์ ทางคอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าการขอวงเงินชั่วคราวไม่สามารถผ่อนได้ไม่ว่าจะกรณีใด เราเลยรู้สึกโกรธและผิดหวังมากไปเชื่อคำลมปากของเซลล์พวกนั้น
มาถึงตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงดี จะทิ้งเงินก็เสียดาย อยากให้เพื่อนๆช่วยแชร์ได้ไหมคะว่าควรจะทำอย่างไรดี