ไปที่ห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งที่มีชื่อว่า Hall of the Emperors รวบรวมประติมากรรมของใครต่อใครไว้เรียงราย โดยเฉพาะประติมากรรมท่อนบนหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Bust มีอยู่หลายคน โดยเฉพาะพระจักรพรรดิและเชื้อสายของราชวงศ์ซึ่งหลายท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกจดจำมาถึงทุกวันนี้ แต่ก็มีบางคนซึ่งไม่มีใครทราบนามกรอยู่ด้วย
หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวนางหนึ่งที่คาดว่าคงเป็นชนชั้นสูง มีใบหน้างดงามมาก จุดสนใจที่ดึงสายตาของผู้คนทุกคนก็คือทรงผมของเธอที่เกล้าขึ้นเป็นแผ่นกระบังเป็นลอนหยิกหยองพอกพูนเต็มศีรษะ นางนั้นมีใบหน้าเรียวสวยงาม เอียงหน้าเล็กน้อยบนคอที่ยาวงามระหงราวกับจะเมียงมองสิ่งใดอยู่ เชิดชูให้พุ่มเกศานั้นงามเด่น แต่หากพินิจดูใกล้จะพบว่าเธอไม่มีนัยน์ตา อย่างไรก็ตามในลักษณสภาพนี้ยิ่งเสริมเสน่ห์ที่มีอยู่จนล้นแล้วให้ล้นไปอีก
รูปหินอ่อนสลักครึ่งตัวนี้มีชื่อว่าหญิงสาวแห่งฟาเวียน (Flavian Women) ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากราชวงศ์ฟาเวียนซึ่งมีจักรพรรดิพระองค์ต่างๆ รวมถึงจักรพรรดิไตตัส (titus) (ซึ่งผมเคยกล่าวถึงแล้วในบทความเรื่องประตูชัยที่โรมันฟอรัม) แต่นักโบราณคดีกลับบอกว่าเจ้าหล่อนนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงสมัยยุคของฟลาเวียนหรอกนะ เธอเกิดมาหลังยุคนั้น แต่ได้ทำผมทรงผมฟลาเวียนสไตล์ซึ่งเป็นสิ่งที่พ้นไปจากสมัยของเธอแล้ว อาจเป็นได้ว่าหญิงผู้นี้กำลังหลงใหลในแฟชั่นย้อนยุคจนต้องให้ช่างแกะหินทำรูปของเธอในทรงผมดังกล่าว
มาดูด้านข้างกันบ้าง จะเห็นว่าสาเหตุที่ผมนั้นตั้งกระบังขึ้นมาได้ก็เพราะช่างได้รวบเส้นผมทั้งหมดมากองอยู่ข้างหน้าแล้วมัดม้วนถักเปียพันไว้รอบกะโหลกด้านหลัง
อันที่จริง เคยมีการพบประติมากรรมสตรีฟาเวียนที่ไว้ผมทรงนี้ในยุคนั้นอยู่จริง ตัวอย่างหนึ่งได้แก่ประติมากรรมของจักรพรรดินีลองจิน่า (Domitia Longina) ซึ่งทีทรงผมคล้ายกัน แต่จะเห็นได้ว่าองค์จักรพรรดินีนั้นสู้สาวน้อยคอยาวไม่ได้เลย ไม่ใช่แค่เรื่องความงามนะแต่เป็นเรื่องรูปทรงและความหยิกหยองของเส้นเกศา ซึ่งตัวศิลปินผู้สร้างเธอจะได้โอกาสอวดฝีมือแกะสลักรายละเอียดเส้นผมให้เป็นม้วนเล็กๆนับร้อย และกว่าจะเป็นลอนงดงามเช่นนั้นได้ต้องใช้ทั้งฝีมือและความชำนาญชั้นเลิศ ในขณะที่ประติมากรของจักรพรรดินีดูขี้เกียจกว่ามาก เอาสว่านมาเจาะๆให้มีรูแบบขอไปที
เอ๊ หรือว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะทรงผมของท่านอาจไม่อลังการเท่าแม่สาวงามนั่นก็ได้นะ
แม้ว่าใครๆจะเรียกเธอด้วยความเข้าใจผิดว่าสาวน้อยฟาเวียน (Flavian Women) แต่หากถามถึงนามที่แท้จริงของหญิงผู้เป็นต้นแบบก็ไม่มีใครเคยรู้ ตัวเธอได้เคยอยู่หนใดก่อนหน้านั้น ถูกค้นพบที่ใดก็ไม่มีใครทราบ สิ่งที่ทราบก็คือแม่สาวคนนี้ได้ตกทอดเปลี่ยนเจ้าของเรื่อยมาจนถึงคนที่ชื่อฟอนเซกา (Fonseca) ซึ่งได้มอบเธอให้แก่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ (ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอมีอีกชื่อหนึ่งว่า Fonseca bust ด้วย) นักโบราณคดีได้แต่คาดเดาว่าก่อนนี้เธอคงสถิตอยู่ใกล้กับภาพสลักของสามี และการที่เธอเอียงคอไปทางซ้ายอาจเป็นได้ว่าเธอกำลังหันไปมองสามีที่อยู่เคียงข้าง
สำหรับใครหลายคนที่ได้พบได้ชม นี่คือประติมากรรมที่แสนจะงดงาม คาดว่าคงจะสุดทึ่งในความงามของทรงผมจะเจ้าของทรงผมนะครับ
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าจะมีใครบางคนจะแอบคิดเหมือนกับผมไหมว่าม้วนผมที่เบ่งบานบนศีรษะนั้นถ้ามองอีกแบบก็ดูเป็นหนอนน้อยๆยั้วเยี้ยอยู่บนหัวก็ได้เหมือนกัน อ้าว
แต่นั่นเรื่องเล็ก เดี๋ยวเราจะได้พบเจออะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าฝูงหนอนนี้อีกในงานชิ้นต่อไป พร้อมกับแม่นางอีกผู้หนึ่งซึ่งเราจะพาคุณไปรู้จัก ณ บัดนาว
อลังการเกศาแห่งราชวงศ์ฟาเวียน
หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวนางหนึ่งที่คาดว่าคงเป็นชนชั้นสูง มีใบหน้างดงามมาก จุดสนใจที่ดึงสายตาของผู้คนทุกคนก็คือทรงผมของเธอที่เกล้าขึ้นเป็นแผ่นกระบังเป็นลอนหยิกหยองพอกพูนเต็มศีรษะ นางนั้นมีใบหน้าเรียวสวยงาม เอียงหน้าเล็กน้อยบนคอที่ยาวงามระหงราวกับจะเมียงมองสิ่งใดอยู่ เชิดชูให้พุ่มเกศานั้นงามเด่น แต่หากพินิจดูใกล้จะพบว่าเธอไม่มีนัยน์ตา อย่างไรก็ตามในลักษณสภาพนี้ยิ่งเสริมเสน่ห์ที่มีอยู่จนล้นแล้วให้ล้นไปอีก
รูปหินอ่อนสลักครึ่งตัวนี้มีชื่อว่าหญิงสาวแห่งฟาเวียน (Flavian Women) ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากราชวงศ์ฟาเวียนซึ่งมีจักรพรรดิพระองค์ต่างๆ รวมถึงจักรพรรดิไตตัส (titus) (ซึ่งผมเคยกล่าวถึงแล้วในบทความเรื่องประตูชัยที่โรมันฟอรัม) แต่นักโบราณคดีกลับบอกว่าเจ้าหล่อนนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงสมัยยุคของฟลาเวียนหรอกนะ เธอเกิดมาหลังยุคนั้น แต่ได้ทำผมทรงผมฟลาเวียนสไตล์ซึ่งเป็นสิ่งที่พ้นไปจากสมัยของเธอแล้ว อาจเป็นได้ว่าหญิงผู้นี้กำลังหลงใหลในแฟชั่นย้อนยุคจนต้องให้ช่างแกะหินทำรูปของเธอในทรงผมดังกล่าว
มาดูด้านข้างกันบ้าง จะเห็นว่าสาเหตุที่ผมนั้นตั้งกระบังขึ้นมาได้ก็เพราะช่างได้รวบเส้นผมทั้งหมดมากองอยู่ข้างหน้าแล้วมัดม้วนถักเปียพันไว้รอบกะโหลกด้านหลัง
อันที่จริง เคยมีการพบประติมากรรมสตรีฟาเวียนที่ไว้ผมทรงนี้ในยุคนั้นอยู่จริง ตัวอย่างหนึ่งได้แก่ประติมากรรมของจักรพรรดินีลองจิน่า (Domitia Longina) ซึ่งทีทรงผมคล้ายกัน แต่จะเห็นได้ว่าองค์จักรพรรดินีนั้นสู้สาวน้อยคอยาวไม่ได้เลย ไม่ใช่แค่เรื่องความงามนะแต่เป็นเรื่องรูปทรงและความหยิกหยองของเส้นเกศา ซึ่งตัวศิลปินผู้สร้างเธอจะได้โอกาสอวดฝีมือแกะสลักรายละเอียดเส้นผมให้เป็นม้วนเล็กๆนับร้อย และกว่าจะเป็นลอนงดงามเช่นนั้นได้ต้องใช้ทั้งฝีมือและความชำนาญชั้นเลิศ ในขณะที่ประติมากรของจักรพรรดินีดูขี้เกียจกว่ามาก เอาสว่านมาเจาะๆให้มีรูแบบขอไปที
เอ๊ หรือว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะทรงผมของท่านอาจไม่อลังการเท่าแม่สาวงามนั่นก็ได้นะ
แม้ว่าใครๆจะเรียกเธอด้วยความเข้าใจผิดว่าสาวน้อยฟาเวียน (Flavian Women) แต่หากถามถึงนามที่แท้จริงของหญิงผู้เป็นต้นแบบก็ไม่มีใครเคยรู้ ตัวเธอได้เคยอยู่หนใดก่อนหน้านั้น ถูกค้นพบที่ใดก็ไม่มีใครทราบ สิ่งที่ทราบก็คือแม่สาวคนนี้ได้ตกทอดเปลี่ยนเจ้าของเรื่อยมาจนถึงคนที่ชื่อฟอนเซกา (Fonseca) ซึ่งได้มอบเธอให้แก่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ (ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอมีอีกชื่อหนึ่งว่า Fonseca bust ด้วย) นักโบราณคดีได้แต่คาดเดาว่าก่อนนี้เธอคงสถิตอยู่ใกล้กับภาพสลักของสามี และการที่เธอเอียงคอไปทางซ้ายอาจเป็นได้ว่าเธอกำลังหันไปมองสามีที่อยู่เคียงข้าง
สำหรับใครหลายคนที่ได้พบได้ชม นี่คือประติมากรรมที่แสนจะงดงาม คาดว่าคงจะสุดทึ่งในความงามของทรงผมจะเจ้าของทรงผมนะครับ
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าจะมีใครบางคนจะแอบคิดเหมือนกับผมไหมว่าม้วนผมที่เบ่งบานบนศีรษะนั้นถ้ามองอีกแบบก็ดูเป็นหนอนน้อยๆยั้วเยี้ยอยู่บนหัวก็ได้เหมือนกัน อ้าว
แต่นั่นเรื่องเล็ก เดี๋ยวเราจะได้พบเจออะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าฝูงหนอนนี้อีกในงานชิ้นต่อไป พร้อมกับแม่นางอีกผู้หนึ่งซึ่งเราจะพาคุณไปรู้จัก ณ บัดนาว