เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/218259
กรมทางหลวง แจงสาเหตุการก่อสร้างถนนพระราม 2 ล่าช้า พร้อมไขข้อข้องใจทำไมสร้างไม่เสร็จ ลั่นปี 68 นี้เสร็จแน่
ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้างถนนพระราม 2 ซึ่งกลำลังเป็นประเด็นที่ในโลกโซเชียลมีเดีย ตั้งคำถามว่าจะสร้างแล้วเสร็จเมื่อไหร่
ล่าสุดนายทวีศักดิ์ รุจิจรรยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ถนนพระราม 2 กล่าวว่า ระยะทางตลอดโครงการก่อสร้างรวม 36 กิโลเมตร ล่าช้า 10% ยอมรับว่ามีหลายสาเหตุที่ทำให้ล่าช้า
โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด ที่ผู้รับจ้างขาดสภาพคล่อง ขาดแคลนลูกจ้าง ปัญหาการจราจรหนาแน่น เพราะมีผู้ขับขี่ผ่านเส้นทางนี้อยู่ที่ประมาณ 250,000 คันต่อวัน และการก่อสร้างที่ส่วนใหญ่ต้องดำเนินการก่อสร้างในช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่ 21.00 น. ถึง 05.00 น. ส่วนกลางวัน จะดำเนินงานในส่วนที่ไม่มีการใช้เครื่องจักรใหญ่และกิจกรรมประเภทที่ไม่กระทบกับพื้นที่จราจร เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
โดยแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น จะให้ผู้รับจ้างแจ้งสาเหตุการก่อสร้างล่าช้า เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป ซึ่งอาจมีแนวทางในการเชิญสถานบันทางการเงินกับผู้รับจ้างมาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการก่อสร้างงานโยธาจะแล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชทดลองใช้บริการได้ภายในปี 2568
ทั้งนี้สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะมีปริมาณการสัญจรเพิ่มขึ้น นายทวีศักดิ์ ยืนยันว่า ในส่วนความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จะคืนพื้นที่ผิวทางบนถนนพระราม 2 และเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยจะมีการกำชับเรื่องการให้บริการประชาชนทุกครบองค์ประกอบ เช่น การทาสี ตีเส้น ดูแลเรื่องระบบไฟฟ้า และการทาสีแผงผ้าใบ รวมถึงเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบด้วย
ถนนพระราม 2 สร้างไม่เสร็จ เพราะอะไร ? นักธรณีวิทยาเฉลยแล้ว
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/218281
เฉลยแล้ว! นักธรณีวิทยา แจงเหตุผลละเอียดยิบ ทำไมถนนพระราม 2 สร้างไม่เสร็จ? เหตุเป็นชั้นดินอ่อน อาจต้องใช้เทคนิคเดียวกับการสร้างทางวิ่งสนามบินสุวรรณภูมิ
จากกรณีความคืบหน้าในการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่มีการก่อสร้างและปรับพื้นผิวถนนมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายสิบปี และกำลังกลายเป็นประเด็นที่ในโลกโซเชียลมีเดียตั้งคำถามว่าจะสร้างแล้วเสร็จเมื่อไหร่ และทำไมยังสร้างไม่เสร็จนั้น
ล่าสุด ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ นักธรณีวิทยาอาชีพ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายว่า ถนนพระราม 2 ทำไมถึงสร้างยาก เเละสร้างนานจริงหรือไม่
โดย ดร.สุทธิศักดิ์ ระบุว่า ถ้าพูดว่าสร้างยากก็เห็นจะจริง เพราะชั้นดินที่เป็นดินฐานรากของถนนนั้น เป็นดินเหนียวอ่อนที่ตกตะกอนใหม่ในช่วงท้ายๆของยุคที่กรุงเทพฯยังเป็นทะเล เเละน้ำทะเลค่อยๆลดระดับลง จนเกิดตะกอนดินเหนียวอ่อนที่มีความอ่อนเเละหนาที่สุดเเห่งหนึ่งในประเทศสังเกตได้ง่ายๆคือริมถนนด้านที่ติดกับทะเล บางพื้นที่ยังมีลักษณะของป่าชายเลนให้เห็นอยู่ นั่นคือสภาพเดิมๆ
ดังนั้น เมื่อนำดินไปถมบดอัดขึ้นมาเป็นถนน ซึ่งถึงเเม้จะบดอัดดินตัวถนนดีอย่างไร เเต่ดินเหนียวอ่อนใต้ฐานรากยังคงอ่อนอยู่ จึงทำให้ถนนเกิดการทรุดตัวจมลงในดินฐานรากอย่างมากหลังจากก่อสร้างเสร็จ
จึงนำมาสู่ประเด็นที่สองคือ ถนนสร้างนานจริงหรือไม่ ซึ่งถ้ามองอย่างเป็นธรรมก็คงพูดไม่ได้ว่าสร้างนาน เเต่ด้วยเพราะเมื่อสร้างไปเเล้วก็ทรุดตัว ปล่อยไปนานๆน้ำก็เริ่มจะท่วมเพราะถนนทรุดตัวต่ำกว่าระดับน้ำท่วมถึง ดังนั้นก็ต้องมีการซ่อมโดยการบดอัดถนนยกระดับขึ้นไป ซึ่งเนื่องจากเป็นถนนที่มีความยาว ประกอบกับเปิดการจราจรให้เป็นเส้นหลักลงภาคใต้ไปเเล้ว ก็เลยไม่สามารถปิดถนนทั้งหมดทีเดียวเเล้วซ่อมได้ ก็เลยต้องซ่อมเป็นช่วงๆต่อเนื่องไป ทำให้เหมือนถนนยังสร้างไม่เคยเสร็จ เพราะพอถมเเล้วทรุดหายไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้หากมองถนนที่อยู่ทิศตรงข้ามกัน คือถนนสายหลักที่ไปทางภาคตะวันออกเเต่เดิมเป็นถนนสุขุมวิทสายเก่า ที่วิ่งมาเลียบชายฝั่งอ่าวไทย เเละต้องเอารถไปข้ามเเพที่เเม่น้ำบางปะกง ต่อมาจึงมีการตัดถนนลัดจากบางนาไปบางปะกง เรียกว่าถนนสาย 34 ซึ่งถนนก่อสร้างผ่านพื้นที่ดินอ่อนหนาเช่นเดียวกับถนนพระราม 2 หลังการสร้างเสร็จ ผ่านไปสิบปี ถนนที่สูงประมาณ 2.5 เมตร มีบางช่วง ทรุดลงไป 2.5 เมตร คือถนนเหมือนจมหายไปในดินอ่อนเฉยๆ
ปัญหาดังกล่าวในถนนสาย 34 ก็คือปัญหาเดียวกันกับถนนพระราม 2 วิศวกรกรมทางหลวงก็เห็นปัญหาอย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อจะมาซ่อมสร้างถนนสายธนบุรี-ปากท่อ เเนวเส้นพระราม 2 ซึ่งก็จะต้องตัดผ่านชั้นดินอ่อนเเบบเดิม ซึ่งจากข้อมูลก็พบว่ามีดินอ่อนหนากว่า 12-15 เมตร ทำให้กรมทางหลวง ณ เวลานั้นตัดสินใจป้องกันการทรุดตัวโดยการ "ตอกเข็มปูพรม" (ปี 1992) ด้วยเข็ม I-0.22x0.22 ยาวประมาณ 12 เมตร บนหัวเข็มใส่ตัวครอบเพื่อรับ slab รับน้ำหนักถนน โดยเงินงบประมาณในการก่อสร้างที่สูงเพราะต้องการให้หมดปัญหาการทรุดตัว
อย่างไรก็ตาม พอใช้งานไป เกือบจะครบ 30 ปี slab ก็อาจจะเสื่อมสภาพ หัก ทรุดตัว ต้องมีการปรับปรุง เเต่ปัญหาคือ ถนนเส้นนี้มีปริมาณการจราจรต่อเนื่อง การเเก้ไขพร้อมการขยายเพื่อรองรับปริมาณรถก็เลยเป็นไปโดยความยากลำบาก ยิ่งตอกย้ำคล้ายๆว่ายังสร้างไม่เสร็จ
เเล้วมีเทคนิคอื่นหรือไม่ที่ทำให้ชั้นดินอ่อนเเข็งเเรงขึ้น คำตอบคือมี ซึ่งถนนสาย 34 บางนา-บางปะกง หลังจากที่ทรุดกระหน่ำก็มีการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ณ เวลานั้นคือการก่อสร้างเสาเข็ม ดิน-ซีเมนต์ (ปี 1997) ปูพรมลงในดินฐานราก ซึ่งการปรับปรุงนั้นก็ได้อานิสงจากการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่จะต้องมีระบบการขนส่งโลจิสติกที่ดี ทำให้ต้องปรับปรุงถนนเส้นนี้ไปด้วย พร้อมกับการก่อสร้างทางยกระดับลอยฟ้าไปในเวลาเดียวกัน เพิ่มด้วยถนนสาย Motorway อีกเส้น การไปทางทิศตะวันออกก็เลยหมดปัญหา โดย Motorway ก็ต้องปรับปรุงดินฐานรากทั้งเส้นเช่นกัน เเต่ใช้เทคนิคการเร่งการทรุดตัวด้วย PVD เเละ Preloading ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับการก่อสร้างทางวิ่งสนามบินสุวรรณภูมิ
ดังนั้นจะเห็นตัวอย่างจากถนนสายตะวันออกว่า การก่อสร้างถนนในพื้นที่ดินอ่อนเป็นการก่อสร้างที่ต้องยอมลงทุน ที่หลักๆมีเเค่สองทางคือ ปรับปรุงดินฐานรากให้มีคุณภาพดีขึ้น หรือตอกเสาเข็มทำถนนลอยฟ้าไป
กลับมาที่ถนนพระราม 2 จะเห็นว่า Step การพัฒนาก็คล้ายๆสายตะวันออก เพียงเเต่มีข้อจำกัดหลายประการ ที่สำคัญคือเป็นถนนที่มีการจราจรหนาเเน่นเพราะเป็นเส้นหลักลงภาคใต้ ซึ่งหวังว่าเมื่อทางยกระดับเสร็จสิ้น ปัญหาต่างๆก็จะลดลงไป เเต่ถนนเส้นล่างก็คงยังต้องหาวิธีปรับปรุงดินฐานรากให้เหมาะสมต่อไป
ในอนาคต ถนนเส้นนี้อาจจะไม่ได้ใช้เพื่อการคมนาคมเท่านั้น ในช่วงตรุษจีน ช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูง ถนนเส้นนี้ถูกน้ำทะเลท่วม ดังนั้น ในอนาคต ถนนเส้นนี้จะกลายเป็นคันกันน้ำทะเลชั้นที่ 2 ต่อจากถนนสายในที่อยู่ใกล้ชายทะเล เราจึงควรมองให้เป็นภาพรวม เเละลงทุนทีเดียวให้คุ้มค่า
ทางเลือกอื่นๆ ถ้ามองในเรื่องการคมนาคม เช่นถนนข้ามอ่าวไทย ก็เป็นไปได้ เเต่คงจะต้อง Combine กับการสร้างประตูควบคุมระดับน้ำทะเลในอ่าวไทย ซึ่งมีการศึกษาในเบื้องต้นบ้างเเล้ว เเต่สิ่งสำคัญคือการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการให้ดีต่อไป
ฟังคำตอบกรมทางหลวงและนักธรณีวิทยา ทำไมถนนพระราม 2 สร้างไม่เสร็จ?
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/218259
กรมทางหลวง แจงสาเหตุการก่อสร้างถนนพระราม 2 ล่าช้า พร้อมไขข้อข้องใจทำไมสร้างไม่เสร็จ ลั่นปี 68 นี้เสร็จแน่
ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้างถนนพระราม 2 ซึ่งกลำลังเป็นประเด็นที่ในโลกโซเชียลมีเดีย ตั้งคำถามว่าจะสร้างแล้วเสร็จเมื่อไหร่
ล่าสุดนายทวีศักดิ์ รุจิจรรยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ถนนพระราม 2 กล่าวว่า ระยะทางตลอดโครงการก่อสร้างรวม 36 กิโลเมตร ล่าช้า 10% ยอมรับว่ามีหลายสาเหตุที่ทำให้ล่าช้า
โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด ที่ผู้รับจ้างขาดสภาพคล่อง ขาดแคลนลูกจ้าง ปัญหาการจราจรหนาแน่น เพราะมีผู้ขับขี่ผ่านเส้นทางนี้อยู่ที่ประมาณ 250,000 คันต่อวัน และการก่อสร้างที่ส่วนใหญ่ต้องดำเนินการก่อสร้างในช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่ 21.00 น. ถึง 05.00 น. ส่วนกลางวัน จะดำเนินงานในส่วนที่ไม่มีการใช้เครื่องจักรใหญ่และกิจกรรมประเภทที่ไม่กระทบกับพื้นที่จราจร เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
โดยแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น จะให้ผู้รับจ้างแจ้งสาเหตุการก่อสร้างล่าช้า เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป ซึ่งอาจมีแนวทางในการเชิญสถานบันทางการเงินกับผู้รับจ้างมาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการก่อสร้างงานโยธาจะแล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชทดลองใช้บริการได้ภายในปี 2568
ทั้งนี้สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะมีปริมาณการสัญจรเพิ่มขึ้น นายทวีศักดิ์ ยืนยันว่า ในส่วนความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จะคืนพื้นที่ผิวทางบนถนนพระราม 2 และเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยจะมีการกำชับเรื่องการให้บริการประชาชนทุกครบองค์ประกอบ เช่น การทาสี ตีเส้น ดูแลเรื่องระบบไฟฟ้า และการทาสีแผงผ้าใบ รวมถึงเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบด้วย
ถนนพระราม 2 สร้างไม่เสร็จ เพราะอะไร ? นักธรณีวิทยาเฉลยแล้ว
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/218281
เฉลยแล้ว! นักธรณีวิทยา แจงเหตุผลละเอียดยิบ ทำไมถนนพระราม 2 สร้างไม่เสร็จ? เหตุเป็นชั้นดินอ่อน อาจต้องใช้เทคนิคเดียวกับการสร้างทางวิ่งสนามบินสุวรรณภูมิ
จากกรณีความคืบหน้าในการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่มีการก่อสร้างและปรับพื้นผิวถนนมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายสิบปี และกำลังกลายเป็นประเด็นที่ในโลกโซเชียลมีเดียตั้งคำถามว่าจะสร้างแล้วเสร็จเมื่อไหร่ และทำไมยังสร้างไม่เสร็จนั้น
ล่าสุด ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ นักธรณีวิทยาอาชีพ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายว่า ถนนพระราม 2 ทำไมถึงสร้างยาก เเละสร้างนานจริงหรือไม่
โดย ดร.สุทธิศักดิ์ ระบุว่า ถ้าพูดว่าสร้างยากก็เห็นจะจริง เพราะชั้นดินที่เป็นดินฐานรากของถนนนั้น เป็นดินเหนียวอ่อนที่ตกตะกอนใหม่ในช่วงท้ายๆของยุคที่กรุงเทพฯยังเป็นทะเล เเละน้ำทะเลค่อยๆลดระดับลง จนเกิดตะกอนดินเหนียวอ่อนที่มีความอ่อนเเละหนาที่สุดเเห่งหนึ่งในประเทศสังเกตได้ง่ายๆคือริมถนนด้านที่ติดกับทะเล บางพื้นที่ยังมีลักษณะของป่าชายเลนให้เห็นอยู่ นั่นคือสภาพเดิมๆ
ดังนั้น เมื่อนำดินไปถมบดอัดขึ้นมาเป็นถนน ซึ่งถึงเเม้จะบดอัดดินตัวถนนดีอย่างไร เเต่ดินเหนียวอ่อนใต้ฐานรากยังคงอ่อนอยู่ จึงทำให้ถนนเกิดการทรุดตัวจมลงในดินฐานรากอย่างมากหลังจากก่อสร้างเสร็จ
จึงนำมาสู่ประเด็นที่สองคือ ถนนสร้างนานจริงหรือไม่ ซึ่งถ้ามองอย่างเป็นธรรมก็คงพูดไม่ได้ว่าสร้างนาน เเต่ด้วยเพราะเมื่อสร้างไปเเล้วก็ทรุดตัว ปล่อยไปนานๆน้ำก็เริ่มจะท่วมเพราะถนนทรุดตัวต่ำกว่าระดับน้ำท่วมถึง ดังนั้นก็ต้องมีการซ่อมโดยการบดอัดถนนยกระดับขึ้นไป ซึ่งเนื่องจากเป็นถนนที่มีความยาว ประกอบกับเปิดการจราจรให้เป็นเส้นหลักลงภาคใต้ไปเเล้ว ก็เลยไม่สามารถปิดถนนทั้งหมดทีเดียวเเล้วซ่อมได้ ก็เลยต้องซ่อมเป็นช่วงๆต่อเนื่องไป ทำให้เหมือนถนนยังสร้างไม่เคยเสร็จ เพราะพอถมเเล้วทรุดหายไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้หากมองถนนที่อยู่ทิศตรงข้ามกัน คือถนนสายหลักที่ไปทางภาคตะวันออกเเต่เดิมเป็นถนนสุขุมวิทสายเก่า ที่วิ่งมาเลียบชายฝั่งอ่าวไทย เเละต้องเอารถไปข้ามเเพที่เเม่น้ำบางปะกง ต่อมาจึงมีการตัดถนนลัดจากบางนาไปบางปะกง เรียกว่าถนนสาย 34 ซึ่งถนนก่อสร้างผ่านพื้นที่ดินอ่อนหนาเช่นเดียวกับถนนพระราม 2 หลังการสร้างเสร็จ ผ่านไปสิบปี ถนนที่สูงประมาณ 2.5 เมตร มีบางช่วง ทรุดลงไป 2.5 เมตร คือถนนเหมือนจมหายไปในดินอ่อนเฉยๆ
ปัญหาดังกล่าวในถนนสาย 34 ก็คือปัญหาเดียวกันกับถนนพระราม 2 วิศวกรกรมทางหลวงก็เห็นปัญหาอย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อจะมาซ่อมสร้างถนนสายธนบุรี-ปากท่อ เเนวเส้นพระราม 2 ซึ่งก็จะต้องตัดผ่านชั้นดินอ่อนเเบบเดิม ซึ่งจากข้อมูลก็พบว่ามีดินอ่อนหนากว่า 12-15 เมตร ทำให้กรมทางหลวง ณ เวลานั้นตัดสินใจป้องกันการทรุดตัวโดยการ "ตอกเข็มปูพรม" (ปี 1992) ด้วยเข็ม I-0.22x0.22 ยาวประมาณ 12 เมตร บนหัวเข็มใส่ตัวครอบเพื่อรับ slab รับน้ำหนักถนน โดยเงินงบประมาณในการก่อสร้างที่สูงเพราะต้องการให้หมดปัญหาการทรุดตัว
อย่างไรก็ตาม พอใช้งานไป เกือบจะครบ 30 ปี slab ก็อาจจะเสื่อมสภาพ หัก ทรุดตัว ต้องมีการปรับปรุง เเต่ปัญหาคือ ถนนเส้นนี้มีปริมาณการจราจรต่อเนื่อง การเเก้ไขพร้อมการขยายเพื่อรองรับปริมาณรถก็เลยเป็นไปโดยความยากลำบาก ยิ่งตอกย้ำคล้ายๆว่ายังสร้างไม่เสร็จ
เเล้วมีเทคนิคอื่นหรือไม่ที่ทำให้ชั้นดินอ่อนเเข็งเเรงขึ้น คำตอบคือมี ซึ่งถนนสาย 34 บางนา-บางปะกง หลังจากที่ทรุดกระหน่ำก็มีการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ณ เวลานั้นคือการก่อสร้างเสาเข็ม ดิน-ซีเมนต์ (ปี 1997) ปูพรมลงในดินฐานราก ซึ่งการปรับปรุงนั้นก็ได้อานิสงจากการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่จะต้องมีระบบการขนส่งโลจิสติกที่ดี ทำให้ต้องปรับปรุงถนนเส้นนี้ไปด้วย พร้อมกับการก่อสร้างทางยกระดับลอยฟ้าไปในเวลาเดียวกัน เพิ่มด้วยถนนสาย Motorway อีกเส้น การไปทางทิศตะวันออกก็เลยหมดปัญหา โดย Motorway ก็ต้องปรับปรุงดินฐานรากทั้งเส้นเช่นกัน เเต่ใช้เทคนิคการเร่งการทรุดตัวด้วย PVD เเละ Preloading ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับการก่อสร้างทางวิ่งสนามบินสุวรรณภูมิ
ดังนั้นจะเห็นตัวอย่างจากถนนสายตะวันออกว่า การก่อสร้างถนนในพื้นที่ดินอ่อนเป็นการก่อสร้างที่ต้องยอมลงทุน ที่หลักๆมีเเค่สองทางคือ ปรับปรุงดินฐานรากให้มีคุณภาพดีขึ้น หรือตอกเสาเข็มทำถนนลอยฟ้าไป
กลับมาที่ถนนพระราม 2 จะเห็นว่า Step การพัฒนาก็คล้ายๆสายตะวันออก เพียงเเต่มีข้อจำกัดหลายประการ ที่สำคัญคือเป็นถนนที่มีการจราจรหนาเเน่นเพราะเป็นเส้นหลักลงภาคใต้ ซึ่งหวังว่าเมื่อทางยกระดับเสร็จสิ้น ปัญหาต่างๆก็จะลดลงไป เเต่ถนนเส้นล่างก็คงยังต้องหาวิธีปรับปรุงดินฐานรากให้เหมาะสมต่อไป
ในอนาคต ถนนเส้นนี้อาจจะไม่ได้ใช้เพื่อการคมนาคมเท่านั้น ในช่วงตรุษจีน ช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูง ถนนเส้นนี้ถูกน้ำทะเลท่วม ดังนั้น ในอนาคต ถนนเส้นนี้จะกลายเป็นคันกันน้ำทะเลชั้นที่ 2 ต่อจากถนนสายในที่อยู่ใกล้ชายทะเล เราจึงควรมองให้เป็นภาพรวม เเละลงทุนทีเดียวให้คุ้มค่า
ทางเลือกอื่นๆ ถ้ามองในเรื่องการคมนาคม เช่นถนนข้ามอ่าวไทย ก็เป็นไปได้ เเต่คงจะต้อง Combine กับการสร้างประตูควบคุมระดับน้ำทะเลในอ่าวไทย ซึ่งมีการศึกษาในเบื้องต้นบ้างเเล้ว เเต่สิ่งสำคัญคือการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการให้ดีต่อไป