JJNY : “สส.ณัฐชา”ขอ หนุนเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ│'เจ๊เอ๋' ซัดรบ.แก้หนี้│ค่าเงินบาทผันผวน│อินโดฯเดินหน้าผลิตเซลล์แบตเตอรี่

“สส.ณัฐชา” ขอทุกพรรค หนุนเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้าเป็นหลักพันให้เสร็จในปีนี้
https://www.thairath.co.th/news/politic/2767052
 
 
“ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์” หวังทุกพรรคร่วมผลักดัน “บำนาญถ้วนหน้า” เพิ่มรายได้ผู้สูงอายุจากหลักร้อยเป็นหลักพันให้สำเร็จในปีนี้ หวังเป็นผลงานของรัฐสภาชุดนี้ หลังมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
 
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพฯ เขต 27 พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.สวัสดิการสังคม กล่าวในการนำเสนอรายงานผลการพิจารณาเรื่องสิทธิบำนาญพื้นฐานประชาชน ต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า ประเด็นการปรับเกณฑ์บำนาญประชาชนเป็น 3,000 บาทถ้วนหน้า เคยมีการเสนอเข้ามาในช่วงก่อนยุบสภาชุดที่แล้ว แต่หลังยุบสภาประเด็นนี้เงียบหายไป ซึ่งในสภาชุดนี้ กมธ.สวัสดิการสังคม เห็นถึงความสำคัญของปัญหาเพราะปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุในสังคมไทยยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็น 12 ล้านคน สวนทางกับรายได้และสภาวะเศรษฐกิจ จึงหยิบยกมาศึกษาหาแนวทางปรับเกณฑ์บำนาญพื้นฐานเพิ่ม โดยไม่มีธงระบุว่าบำนาญพื้นฐานควรจะเป็นเท่าไร 
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบันไม่เคยมีการพูดถึงการปรับเกณฑ์เลย ยังคงอยู่ที่ 600, 700 และ 800 บาท แบบขั้นบันไดมาตลอด จนมาสู่รายงานฉบับนี้ที่ทุกพรรคการเมืองใน กมธ.มาพูดคุยกันด้วยเป้าเดียวกันว่า ต้องปรับเกณฑ์จากหลักร้อยเป็นหลักพันให้ได้ ส่วนควรเป็นเท่าไร บริหารจัดการอย่างไร พวกเราอยากให้เป็นผลงานของรัฐสภาชุดนี้ในการพิจารณาร่วมกันทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จ โดยรายงานฉบับนี้ศึกษาการปรับเกณฑ์บำนาญแล้ว ข้อเสนอเบื้องต้นอยู่ที่ 1,200 บาทถ้วนหน้าซึ่งจะไม่กระทบงบของหน่วยงานใดเลย
 
ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงส่งเสียงผ่านมายัง สส.ทุกคน ในที่นี้เหมือนกันว่าทุกวันนี้ลำบากเหลือเกิน วันนี้เสียงสะท้อนนี้จะได้สะท้อนในที่ประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันในการส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ไปยังคณะรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีจะได้จารึกในประวัติศาสตร์ว่าท่านเป็นคนปรับเกณฑ์บำนาญผู้สูงอายุจากหลักร้อยเป็นหลักพันในปี 67”  
 
นายณัฐชา กล่าวอีกว่าการอภิปรายของผมในวันนี้ขอปลดตัวเองจากทุกอย่าง ไม่มีพรรคการเมือง และไม่มีธงเพื่อปรับเกณฑ์รายได้ให้พี่น้องประชาชนให้ได้ ผมจึงนำเสนอร่างนี้ 1,200 บาท แม้ก่อนหน้านี้ทุกคนอาจจะได้ยินการหาเสียงของผมในการผลักดันบำนาญถ้วนหน้า 3,000 บาทมาตลอด ดังนั้น เสนอเสร็จทัวร์ลงแน่ แต่ต้องยอมเพราะบันไดก้าวแรกเล็กๆ ตรงนี้จะเป็นก้าวที่สำเร็จในอนาคต ผมยอมเพราะจะเป็นก้าวแรกให้ประชาชนมีรายได้ใหม่ได้เร็วที่สุด
และหลังการอภิปรายในวันนี้ อยากให้เพื่อนสมาชิกกลับไปที่เขตของท่าน บ้านของท่านเพื่อพูดคุยให้เป็นเสียงเดียวกันอย่างตกผลึกในสังคมว่าบำนาญพื้นฐานประชาชนคือก้าวแรกในการเพิ่มขึ้นของรายได้ผู้สูงอายุ



'เจ๊เอ๋' เจ้าหนี้ปากแจ๋ว ซัดรัฐบาลแก้หนี้ไม่ถูกจุด ลูกหนี้ยังเป็นหนี้เหมือนเดิม แถมขอกู้เพิ่มด้วยซ้ำ
https://ch3plus.com/news/economy/morning/389387

วันสุดท้ายลงทะเบียนหนี้นอกระบบเงียบเหงา เจ๊เอ๋เจ้าหนี้ปากแจ๋วโวย ลูกหนี้หายเกลี้ยง

วานนี้ (29 ก.พ. 67) ที่จังหวัดสระบุรี ทีมข่าวลงพื้นที่เดินทางไปหา นางสาวณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ อายุ 47 ปี หรือ 'เจ๊เอ๋' เจ้าหนี้ปากแจ๋ว สระบุรี

เจ๊เอ๋ เล่าว่า ตั้งแต่รัฐบาลจัดโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบมา ไม่มีลูกหนี้นำเงินมาใช้คืนเลย มันเหมือนเดิมไม่มีอะไรดีขึ้น ลูกหนี้ก็ยังเป็นหนี้เหมือนเดิม มีแต่ไปกู้เพิ่ม เข้าธนาคารไม่ได้ ต้องหันมากู้เงินตนเหมือนเดิม บางคนถึงขั้นอ้างได้เงินรัฐบาลช่วย จะเอามาใช้หนี้คืน ทุกวันนี้ หายหัวหมด ตนเองไม่ยากพูดมากเดี๋ยวเกิดกระแสดราม่าอีก อ่อนไหว

ตนเองคิดว่ามันแก้ปัญหาไม่ได้แน่ ต้องทำให้คนจนรากหญ้าเข้าไปกู้ธนาคารให้ได้

เจ๊เอ๋ บอกว่า อย่าไปพูดถึงดอกเบี้ยเลย เงินต้นยังไม่มีปัญญาเอามาคืนเลย ลูกหนี้ที่ยืมเงินค่าไฟฟ้าไป ยังไม่เอามาคืนเลย เวลาผ่านไป 2 เดือนแล้ว ที่เป็นข่าวดังที่ผ่านมา

ตอนนี้ ลูกหนี้หายหมด ยันค่าหมูยอยังไม่มีปัญญาจ่ายเลย ตนคิดว่ายังแก้ไขปัญหาลูกหนี้ของรัฐบาลไม่ถูกจุด เหมือนจะให้ท้ายลูกหนี้ เจ๊เอ๋พูดทิ้งท้ายว่าจะลงเล่นการเมือง จะเอาให้สุดเลย เจ๊เอ๋ลงเล่นการเมืองได้แน่นอนไม่ได้คุย คอยดูเดียวจะลงเล่นการเมืองให้สยองเลย
 
------------------

ต่อมาทีมข่าวเดินทางมายัง ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า

วันนี้ มีลูกหนี้มาลงทะเบียน1ราย ซึ่งการเปิดการลงทะเบียนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเริ่มตั้งแต่วันที่1ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันสุดท้าย ในส่วนของจังหวัดสระบุรี มีลูกหนี้มาลงทะเบียนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ รวม 1,795 ราย จำนวนเจ้าหนี้1,232 ราย ยอดรวมมูลค่าหนี้ 105,680,680 บาท
 
------------------

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/m7Bfdjm4DIE

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

  
ค่าเงินบาทผันผวน แตะ 35.87 บาท ปรับตัวตามราคาทองคำตลาดโลก
https://www.dailynews.co.th/news/3220310/

ค่าเงินบาทวันนี้ 1 มี.ค. เปิดตลาดเช้าแตะระดับ 35.87 บาทต่อดอลลาร์ เคลื่อนไหวผันผวนตามราคาทองคำในตลาดโลก

วันที่ 1 มี.ค. น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.87-35.88 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.20 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.87 บาทต่อดอลลาร์ โดยแม้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ก็อาจมีแรงหนุนให้แข็งค่าได้ในระหว่างวันเช่นเดียวกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีปัจจัยบวกจากจังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เงินดอลลาร์ ยังมีแรงกดดันจากทิศทางบอนด์ยีลด์ของสหรัฐ ที่ปรับตัวลง หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐออกมา ตามที่ตลาดคาด
 
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 35.75-36.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. ของสหรัฐ รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.พ. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ
 
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.78-35.95 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซน 36 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้น ทดสอบโซนแนวรับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราประเมินไว้ หลังอัตราเงินเฟ้อ  PCE สหรัฐ ในเดือนมกราคม ชะลอลงสู่ระดับ 2.4% (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ชะลอลงสู่ระดับ 2.8%) ตามที่ตลาดประเมินไว้
 
ขณะเดียวกัน ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ก็ออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ย่อตัวลง ซึ่งหนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นเกือบ +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ยังคงย้ำจุดยืนว่าเฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจในข้อมูลเศรษฐกิจ ก็มีส่วนหนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นมาบ้าง กดดันให้เงินบาทกลับมาแกว่งตัวแถวโซน 35.90 บาทต่อดอลลาร์
 
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ล่าสุด และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ตาม Dot Plot ล่าสุด ซึ่งมุมมองดังกล่าวยังได้หนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ต่างรีบาวด์ขึ้น นำโดย Nvidia +1.9% และ Microsoft +1.5% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้น +0.90% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.52%
 
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า หนุนโดยความหวังของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่า การชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อเยอรมนีล่าสุด จะเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเผชิญแรงกดดันจากการขายทำกำไรหุ้นกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะบริษัทที่เริ่มเผชิญการแข่งขันในตลาดยาเบาหวานที่มีผลข้างเคียง ช่วยลดน้ำหนัก เช่น Novo Nordisk -1.7%
 
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ยังคงไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.30% ไปได้ ก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 4.25% หลังอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐ ชะลอตัวลงตามคาด ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานล่าสุด ก็ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ตาม Dot Plot ล่าสุด สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ จะปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.50% ได้นั้น อาจต้องอาศัยมุมมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 3 ครั้ง หรือ ไม่ลดดอกเบี้ยลงเลย ซึ่งเราประเมินว่า โอกาสเกิดภาพดังกล่าวมีน้อยมากในปัจจุบัน ดังนั้น Risk-Reward ของการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวก็ยังคุ้มค่าอยู่ ทำให้เราคงมองว่า นักลงทุนสามารถทยอยเพิ่มสถานะการลงทุนได้ หรือนักลงทุนอาจรอจังหวะ Buy on Dip ก็ได้เช่นกัน
 
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาผสมผสาน และภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งต่างย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 104.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.7-104.2 จุด)
 
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี หลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) รีบาวด์ขึ้นเกือบ +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ ราคาทองคำจะย่อตัวลงเล็กน้อยและแกว่งตัวเหนือระดับ 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาท
 
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม โดย ISM (Manufacturing PMI) เดือนกุมภาพันธ์ พร้อมกันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไปของเฟด หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐ โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อ CPI และ อัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนมกราคม
 
ส่วนในฝั่งยุโรป ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้
 
ขณะที่แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวลักษณะ sideways down หลังปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ลดลงไปบ้าง แต่ขณะเดียวกัน เงินบาทก็ยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่าขึ้นที่ชัดเจน โดยอย่างน้อย เงินดอลลาร์ก็อาจแกว่งตัว sideways ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ ส่วนบรรยากาศในตลาดการเงินก็ยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อาจเกิดขึ้น หลังเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้พลิกกลับมาอ่อนค่าลงพอสมควร เมื่อเทียบกับเงินบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่