เรื่องเล่า 2 เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่เราเดินทางจากหลายๆจังหวัดซึ่งมีเรื่องแปลกๆ ระหว่างทางอยู่ ค่อยเอามาเล่าในตอนต่อๆไปนะครับ แต่ตอนนี้ เราเอาตอนเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับปนแปลกๆ มาให้ลองอ่านกันดูครับ
เราเดินทางกันมาตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไล่มาตั้งแต่ กทม อ่างทองจนมาถึงจังหวัดอุทัยธานี มาถึงก็ไหว้พระกันจนมาถึงยามเย็น เรากับแก๊งคุยกันว่า พวกเราหา รร นอนกันดีกว่า ด้วยความที่พวกเราเป็นสายสบายๆง่ายๆอยู่แล้ว เพื่อนเลยบอกว่า ไป รร นี้ดีไหม.. ราคาไม่แพง คืนละ 550 รวมข้าวเช้าด้วยนะ สนใจไหม?
มามูมะ สายตามใจเพื่อนๆอยู่แล้ว ก็ตกลงปลงใจ เข้าพักที่ รร แห่งนี้ ต้องบอกก่อนว่า รร แห่งนี้ ไม่ได้ติดถนนหลักนะครับ ต้องเข้ามาประมาณราวๆ กิโลนึงเห็นจะได้ กว่าจะถึงที่พัก โดยที่พักแห่งนี้เป็นบังกะโล ง่ายๆคือ แยกหลังกัน มามูมะอยู่กับน้องคนนึง เพื่อนอยู่อีกห้องหนึ่ง โดยบรรยากาศโดยรอบเรียกว่าเป็นโรงแรมแยกห่างจากพื้นที่อื่นๆ โดยรอบ รวมถึงออกแนวป่าๆหน่อยครับ หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว หิวๆกันเลยวาปไปหาข้าวเย็นกินกัน กว่าจะกลับเข้ามาห้องก็เกือบ 2 ทุ่มได้ ด้วยอาการเพลียแดดมามูมะจึงแอบงีบไปก่อน เพื่อนอีก 2 คน ก็นั่งกินลูกชิ้นปิ้ง ขนมนั่นนี่ที่ซื้อจากตลาด กินกันไป จนผมตื่นขึ้นมาราวๆ 5 ทุ่มกว่าๆได้ งัวเงียๆได้ที่เลย แบบทำไมตื่นหว่า? ทุกทีจะนอนนานกว่านี้ แต่อาจจะเพราะเหนียวตัวก็เป็นได้
น้องได้ยินเสียง พร้อมหันมาถามว่า ตื่นแล้วหรอพี่ นอนนานจริง เราบอกเออๆ ตื่นแล้ว เห็นว่า 5 ทุ่มกว่า เราเลยขอตัวไปอาบน้ำก่อน พออาบเสร็จ ก็ หนีมานอนต่อเลย แบบยังง่วงอยู่ขอนอนก่อนนะ
จวบจนเวลาราวๆตี 1 เกือบ ตี 2 ก็สะดุ้งตื่น
เพราะได้ยินเสียงเคาะข้างกำแพง มาจากด้านนอกห้องนอน ตรงใกล้ๆหน้าต่าง ดังปัก 1 ครั้ง
แต่คิดในใจ คงเป็นเสียงลมรึอะไรบางอย่างมากระแทกมั้ง คิดในใจช่างมัน ก็หลับตานอนต่อไปได้ไม่นาน เอาอีกละ เสียงเคาะอีก 1 ที ดัง ตุบ บนหัวนอน เอาละ ใครวะมันแกล้งคิดในใจ มันทำให้นอนไม่หลับได้ เพราะ
พอตื่นในรอบนี้ มันเหมือนมีคนมาจ้องมองเราอยู่ ทั้งเบื้องหน้า รวมถึงมุมที่ผมนอนนั้น จะเห็นบริเวณประตูทางเข้าอีกด้วย ด้วยความหงุดหงิด เลยเดินไปเรียกน้อง อีกเตียงว่า เหยๆ มีคนมาเคาะกำแพงกวน นอนไม่ได้เลย น้องบอก ไม่เป็นไรพี่ นอนๆไป เลยหงุดหงิด บอกไปจะทำบุญให้นะ อย่าเพิ่งกวนเลย คนง่วงจะนอน
พร้อมเรียก “สมบัติ“ ให้มาไล่ๆ จากนั้นก็ผลอยหลับไป นอนไปได้สักพักตื่นมา 6 โมง เป็นเวลาที่เตรียมอาบน้ำและต้องไปลุยต่อ ตัดภาพมาตอนเช้า พวกเรารวมตัวกันที่กินข้าว หลังจากที่เรา 3 คนรวมตัวกันได้ ผมเริ่มเล่าเรื่องอย่างที่เล่าข้างต้น น้องในห้องถามว่า พี่รู้สึกไหม ว่ามีคนมายืนปลายเตียงจ้องหน้าอยู่ ส่วนอีกคน อยู่หน้าประตูทางเข้า
ผมบอกใช่ๆ ผมสัมผัสได้ว่ามีคนมองจากหน้าประตู ส่วนอีกคนที่เคาะ เขายืนอยู่บนหัวพี่ ก้มหน้าจ้องหน้าพี่อยู่ แถมมันนี่แหละ เคาะกำแพง ให้พี่ตื่น ผมก็ได้แต่คิดว่า ทำไมนอนไม่หลับ มีคนลุมรักอีกแล้วสิเรา
และเรื่องเล่าเรื่องแรกก็จบลง…
ปล. ตอนเช้าเดินออกไปดู มุมที่นอน เออใครจะเคาะได้ จุดนึงก็สูง อีกจุดก็มีขอบกัน คนมันต้องขยันมากนะ 555
มาต่อกับเรื่องที่ 2
หลังจากเรื่องราวต่างๆที่จังหวัดอุทัยธานีจบลง จุดหมายปลายทางต่อมาของเรานั้นคือ จังหวัดชัยภูมินั่นเอง
หลังจากที่เราเดินทางมาถึงสำนักสงฆ์แห่งนี้ เราก็มาถึงช่วงเย็นๆ หาอะไรทานกัน รวมถึง ทำวัตรเย็นร่วมกัน
อ่อลืมบอกไปพวกเรา 3 คนหาที่หลับที่นอนได้ที่กุฎิหลังหนึ่งที่เคยมาพักอยู่เป็นประจำ
หลังจากทำนั่นนี่เสร็จ พวกผมก็ได้ ปิดไฟนอนกันไปได้สักพัก น่าจะราวๆ ตี 2 กว่าๆได้ อยู่ดีๆผมเหมือนถูกปลุกขึ้นมา
ไม่แน่ใจว่าเสียงกรน หรือ เสียงพัดลม ไหมนะ เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง พูดเบาๆ เย็นๆ ดังขึ้นมาว่า “ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย” ดังมาจากนอกกุฎิที่ผมนอน แต่ในใจก็คิดว่า สงสัยหูจะแว่วมั้ง ไม่ได้คิดอะไร….
จวบจนมาถึงรุ่งเช้า ผมก็คุยกับน้องคนดีคนเดิมว่า พี่ได้ยินเสียงแปลกๆ เขาร้องให้ช่วยเขาหน่อย น้องผมบอกว่า งั้นลองไปถามหลวงปู่สิ เผื่อจะได้คำตอบอะไร? หลังจากถึงเวลาอันเหมาะสม ผมจึงเดินไปหาหลวงปู่ท่าน ท่านบอกว่า
มาก็ดีแล้ว ไปช่วยปลดปล่อยพวกเขาหน่อย ถูกกักขังไว้บริเวณที่เรานอนอยู่นั่นแหละ มันเอามาฝังดินทำพิธีไว้
ผมได้แต่มองหน้า รับคำหลวงปู่ในใจ ว่าได้ครับ จากนั้นก็รอเวลาตกกลางคืน นัดแนะกับน้อง อย่างดิบดีว่า เราต้องทำพิธี ปลดปล่อยดวงวิญญาณเหล่านี้ให้ได้ แต่ เจ้ากรรม พวกผมดันหลับกันไปอีกแล้ว น้ำท่าก็ไม่อาบ จนมาช่วงตี 2.30 น.
อยู่ๆก็เหมือนถูกปลุกขึ้นมาเหยย ตื่นๆ ลุกๆ ไปๆ ไปช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณเหล่านี้ที่ถูกกักขังไว้กัน
น้องผมงัวเงียๆ ตื่นขึ้นมา พร้อมรับคำว่า งั้นไปเข้าห้องน้ำกันก่อน หลังจากที่เดินกันออกมาจากกุฎิที่เรานอนกัน
เออวันนี้ท้องฟ้า พระจันทร์สวยดี อากาศเย็นๆ ผมและน้องเดินมาเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นเอง
ผมยืนมองที่ท้องฟ้านั้น พร้อมกล่าวคำถึงเทพเทวาต่างๆ บลาๆ ตามที่ผมได้เรียนรู้มา เพื่อทำการปลดปล่อยดวงวิญญาณของพวกเธอ ที่ถูกกักขังไว้ หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆแล้ว
ผมจึงถามน้องว่า เป็นไง พวกเธอเป็นอิสระรึยัง น้องผมตอบมาว่า เรียบร้อยแล้วครับพี่ ผมได้แต่ดีใจพร้อมชวนกันกลับไปนอนที่นอนต่อ ก่อนจะแยกย้ายกันนอน ผมบอกว่า มีอะไรให้มาเข้าฝันน้องผมนะ ผมขอนอนก่อน
และเรื่องราวเรื่องที่ 2 ก็จบลง…
ปล. รุ่งเช้ามันเล่าว่า มันฝันจริงๆด้วย และ เรื่องเล่าก็จบลงจริงๆละจ้า
อ่านเรื่องใหม่ๆ ได้ก่อนใครที่
https://www.mamooma.com
2 เรื่อง 2 รสชาติกับความหลอน ตอน เดินสายเข้าวัดกับมามูมะ
เรื่องเล่า 2 เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่เราเดินทางจากหลายๆจังหวัดซึ่งมีเรื่องแปลกๆ ระหว่างทางอยู่ ค่อยเอามาเล่าในตอนต่อๆไปนะครับ แต่ตอนนี้ เราเอาตอนเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับปนแปลกๆ มาให้ลองอ่านกันดูครับ
เราเดินทางกันมาตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไล่มาตั้งแต่ กทม อ่างทองจนมาถึงจังหวัดอุทัยธานี มาถึงก็ไหว้พระกันจนมาถึงยามเย็น เรากับแก๊งคุยกันว่า พวกเราหา รร นอนกันดีกว่า ด้วยความที่พวกเราเป็นสายสบายๆง่ายๆอยู่แล้ว เพื่อนเลยบอกว่า ไป รร นี้ดีไหม.. ราคาไม่แพง คืนละ 550 รวมข้าวเช้าด้วยนะ สนใจไหม?
มามูมะ สายตามใจเพื่อนๆอยู่แล้ว ก็ตกลงปลงใจ เข้าพักที่ รร แห่งนี้ ต้องบอกก่อนว่า รร แห่งนี้ ไม่ได้ติดถนนหลักนะครับ ต้องเข้ามาประมาณราวๆ กิโลนึงเห็นจะได้ กว่าจะถึงที่พัก โดยที่พักแห่งนี้เป็นบังกะโล ง่ายๆคือ แยกหลังกัน มามูมะอยู่กับน้องคนนึง เพื่อนอยู่อีกห้องหนึ่ง โดยบรรยากาศโดยรอบเรียกว่าเป็นโรงแรมแยกห่างจากพื้นที่อื่นๆ โดยรอบ รวมถึงออกแนวป่าๆหน่อยครับ หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว หิวๆกันเลยวาปไปหาข้าวเย็นกินกัน กว่าจะกลับเข้ามาห้องก็เกือบ 2 ทุ่มได้ ด้วยอาการเพลียแดดมามูมะจึงแอบงีบไปก่อน เพื่อนอีก 2 คน ก็นั่งกินลูกชิ้นปิ้ง ขนมนั่นนี่ที่ซื้อจากตลาด กินกันไป จนผมตื่นขึ้นมาราวๆ 5 ทุ่มกว่าๆได้ งัวเงียๆได้ที่เลย แบบทำไมตื่นหว่า? ทุกทีจะนอนนานกว่านี้ แต่อาจจะเพราะเหนียวตัวก็เป็นได้
น้องได้ยินเสียง พร้อมหันมาถามว่า ตื่นแล้วหรอพี่ นอนนานจริง เราบอกเออๆ ตื่นแล้ว เห็นว่า 5 ทุ่มกว่า เราเลยขอตัวไปอาบน้ำก่อน พออาบเสร็จ ก็ หนีมานอนต่อเลย แบบยังง่วงอยู่ขอนอนก่อนนะ
จวบจนเวลาราวๆตี 1 เกือบ ตี 2 ก็สะดุ้งตื่น
เพราะได้ยินเสียงเคาะข้างกำแพง มาจากด้านนอกห้องนอน ตรงใกล้ๆหน้าต่าง ดังปัก 1 ครั้ง
แต่คิดในใจ คงเป็นเสียงลมรึอะไรบางอย่างมากระแทกมั้ง คิดในใจช่างมัน ก็หลับตานอนต่อไปได้ไม่นาน เอาอีกละ เสียงเคาะอีก 1 ที ดัง ตุบ บนหัวนอน เอาละ ใครวะมันแกล้งคิดในใจ มันทำให้นอนไม่หลับได้ เพราะ
พอตื่นในรอบนี้ มันเหมือนมีคนมาจ้องมองเราอยู่ ทั้งเบื้องหน้า รวมถึงมุมที่ผมนอนนั้น จะเห็นบริเวณประตูทางเข้าอีกด้วย ด้วยความหงุดหงิด เลยเดินไปเรียกน้อง อีกเตียงว่า เหยๆ มีคนมาเคาะกำแพงกวน นอนไม่ได้เลย น้องบอก ไม่เป็นไรพี่ นอนๆไป เลยหงุดหงิด บอกไปจะทำบุญให้นะ อย่าเพิ่งกวนเลย คนง่วงจะนอน
พร้อมเรียก “สมบัติ“ ให้มาไล่ๆ จากนั้นก็ผลอยหลับไป นอนไปได้สักพักตื่นมา 6 โมง เป็นเวลาที่เตรียมอาบน้ำและต้องไปลุยต่อ ตัดภาพมาตอนเช้า พวกเรารวมตัวกันที่กินข้าว หลังจากที่เรา 3 คนรวมตัวกันได้ ผมเริ่มเล่าเรื่องอย่างที่เล่าข้างต้น น้องในห้องถามว่า พี่รู้สึกไหม ว่ามีคนมายืนปลายเตียงจ้องหน้าอยู่ ส่วนอีกคน อยู่หน้าประตูทางเข้า
ผมบอกใช่ๆ ผมสัมผัสได้ว่ามีคนมองจากหน้าประตู ส่วนอีกคนที่เคาะ เขายืนอยู่บนหัวพี่ ก้มหน้าจ้องหน้าพี่อยู่ แถมมันนี่แหละ เคาะกำแพง ให้พี่ตื่น ผมก็ได้แต่คิดว่า ทำไมนอนไม่หลับ มีคนลุมรักอีกแล้วสิเรา
และเรื่องเล่าเรื่องแรกก็จบลง…
ปล. ตอนเช้าเดินออกไปดู มุมที่นอน เออใครจะเคาะได้ จุดนึงก็สูง อีกจุดก็มีขอบกัน คนมันต้องขยันมากนะ 555
มาต่อกับเรื่องที่ 2
หลังจากเรื่องราวต่างๆที่จังหวัดอุทัยธานีจบลง จุดหมายปลายทางต่อมาของเรานั้นคือ จังหวัดชัยภูมินั่นเอง
หลังจากที่เราเดินทางมาถึงสำนักสงฆ์แห่งนี้ เราก็มาถึงช่วงเย็นๆ หาอะไรทานกัน รวมถึง ทำวัตรเย็นร่วมกัน
อ่อลืมบอกไปพวกเรา 3 คนหาที่หลับที่นอนได้ที่กุฎิหลังหนึ่งที่เคยมาพักอยู่เป็นประจำ
หลังจากทำนั่นนี่เสร็จ พวกผมก็ได้ ปิดไฟนอนกันไปได้สักพัก น่าจะราวๆ ตี 2 กว่าๆได้ อยู่ดีๆผมเหมือนถูกปลุกขึ้นมา
ไม่แน่ใจว่าเสียงกรน หรือ เสียงพัดลม ไหมนะ เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง พูดเบาๆ เย็นๆ ดังขึ้นมาว่า “ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย” ดังมาจากนอกกุฎิที่ผมนอน แต่ในใจก็คิดว่า สงสัยหูจะแว่วมั้ง ไม่ได้คิดอะไร….
จวบจนมาถึงรุ่งเช้า ผมก็คุยกับน้องคนดีคนเดิมว่า พี่ได้ยินเสียงแปลกๆ เขาร้องให้ช่วยเขาหน่อย น้องผมบอกว่า งั้นลองไปถามหลวงปู่สิ เผื่อจะได้คำตอบอะไร? หลังจากถึงเวลาอันเหมาะสม ผมจึงเดินไปหาหลวงปู่ท่าน ท่านบอกว่า
มาก็ดีแล้ว ไปช่วยปลดปล่อยพวกเขาหน่อย ถูกกักขังไว้บริเวณที่เรานอนอยู่นั่นแหละ มันเอามาฝังดินทำพิธีไว้
ผมได้แต่มองหน้า รับคำหลวงปู่ในใจ ว่าได้ครับ จากนั้นก็รอเวลาตกกลางคืน นัดแนะกับน้อง อย่างดิบดีว่า เราต้องทำพิธี ปลดปล่อยดวงวิญญาณเหล่านี้ให้ได้ แต่ เจ้ากรรม พวกผมดันหลับกันไปอีกแล้ว น้ำท่าก็ไม่อาบ จนมาช่วงตี 2.30 น.
อยู่ๆก็เหมือนถูกปลุกขึ้นมาเหยย ตื่นๆ ลุกๆ ไปๆ ไปช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณเหล่านี้ที่ถูกกักขังไว้กัน
น้องผมงัวเงียๆ ตื่นขึ้นมา พร้อมรับคำว่า งั้นไปเข้าห้องน้ำกันก่อน หลังจากที่เดินกันออกมาจากกุฎิที่เรานอนกัน
เออวันนี้ท้องฟ้า พระจันทร์สวยดี อากาศเย็นๆ ผมและน้องเดินมาเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นเอง
ผมยืนมองที่ท้องฟ้านั้น พร้อมกล่าวคำถึงเทพเทวาต่างๆ บลาๆ ตามที่ผมได้เรียนรู้มา เพื่อทำการปลดปล่อยดวงวิญญาณของพวกเธอ ที่ถูกกักขังไว้ หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆแล้ว
ผมจึงถามน้องว่า เป็นไง พวกเธอเป็นอิสระรึยัง น้องผมตอบมาว่า เรียบร้อยแล้วครับพี่ ผมได้แต่ดีใจพร้อมชวนกันกลับไปนอนที่นอนต่อ ก่อนจะแยกย้ายกันนอน ผมบอกว่า มีอะไรให้มาเข้าฝันน้องผมนะ ผมขอนอนก่อน
และเรื่องราวเรื่องที่ 2 ก็จบลง…
ปล. รุ่งเช้ามันเล่าว่า มันฝันจริงๆด้วย และ เรื่องเล่าก็จบลงจริงๆละจ้า
อ่านเรื่องใหม่ๆ ได้ก่อนใครที่ https://www.mamooma.com