ฉีดยาชา vs ทายาชา
เลือกยังไง ?
แบบไหนดีกว่ากัน ?
หมอยุ้ยขอสรุปแบบเข้าใจง่ายๆแบบนี้นะคะ
จริงๆต้องบอกว่าดีทั้ง 2 แบบเลยค่ะ
จะเลือกแบบไหน
ขึ้นกับ
1. จุดประสงค์ที่เราต้องการใช้
2. บริเวณหรือตำแหน่งที่เราต้องการจะทำ
💉💉
ฉีดยาชา 💉💉
เหมาะกับเคสทำผ่าตัด หรือต้องการความชาในผิวชั้นลึกๆ
เช่น ตัดชิ้นเนื้อ และเคสที่ต้องการทำหัตถการเฉพาะจุด เช่น จี้ไฝ จี้ติ่งเนื้อ แบบไม่กี่จุด, ฉีดบล็อคเส้นประสาทลดการความรู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด เข่น ฉีด block nerve ก่อนผ่าตัดปลูกผม ผ่าตัดบริเวณมือเท้า ถอดเล็บ เป็นต้น
✅ ข้อดี ✅
1. ฉีดปุ๊บ ชาปั๊บ สามารถทำหัตถการได้เลยทันที
2. ไม่มีปัญหาเกิดผิวแดงระคายเคืองตรงที่ทำหัตถการ
❌ ข้อเสีย| ข้อควรระวัง ❌
1. รู้สึกเจ็บตอนฉีด
2. ห้ามใช้กรณีแพ้ยาขา หรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง
3. ห้ามฉีดเกินขนาดที่กำหนด [คิดตามน้ำหนักตัว] เพราะเป็นอันตราย เช่น กดการหายใจ หรือทำให้เสียชีวิตได้
—————————————————-
🩹🩹
ทายาชา 🩹🩹
เหมาะกับหัตถการที่ต้องการความชาในระดับชั้นผิวตื้นๆ
หรือเคสเลเซอร์หรือหัตถการที่ทำหลายๆจุดพร้อมกัน เช่น ทำทั่วหน้า เป็นต้น
✅ ข้อดี ✅
1. ไม่เจ็บ เพราะแค่ทา ไม่ต้องใช้เข็ม
2. หากเกิดการแพ้ ผลข้างเคียงมักจะน้อยกว่าและไม่รุนแรงถึงชีวิตเมื่อเทียบแบบฉีด
❌ ข้อเสีย ❌
1. ทาแล้วจะไม่ได้ชาทันที (ต้องทาทิ้งไว้ 30 นาทีขึ้นไป
กว่ายาชาที่ทาไว้จะซึมลงชั้นผิวแล้วออกฤทธิ์)
2. ห้ามทาบริเวณผิวที่มีแผลเปิด
3. ระวังการใช้ในคนที่ผิวแห้งมากหรือผิวแพ้ง่าย อาจแพ้|ระคายเคืองได้ เกิดเป็นผื่นแดง หรือรอยไหม้ดำ
4. ระวังการทายาเกินขนาด หรือทาทิ้งไว้นานเกินไป
* ข้อมูลที่หมอยุ้ยเอามาแชร์ จะเป็นความรู้แบบเบื้องต้น เพื่อให้เข้าใจง่าย
แต่จริงๆแล้วหลักการเลือกใช้ยาชายังมีรายละเอียดปลีกย่อยและข้อยกเว้นอื่นๆอีกนะคะ
** การเลือกว่าจะใช้การฉีดยาชา หรือทายาชา แพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้อย่างเหมาะสมเองค่ะ
ฉีดยาชา vs ทายาชา เลือกแบบไหนดี??
ฉีดยาชา vs ทายาชา
เลือกยังไง ?
แบบไหนดีกว่ากัน ?
หมอยุ้ยขอสรุปแบบเข้าใจง่ายๆแบบนี้นะคะ
จริงๆต้องบอกว่าดีทั้ง 2 แบบเลยค่ะ
จะเลือกแบบไหน
ขึ้นกับ
1. จุดประสงค์ที่เราต้องการใช้
2. บริเวณหรือตำแหน่งที่เราต้องการจะทำ
💉💉ฉีดยาชา 💉💉
เหมาะกับเคสทำผ่าตัด หรือต้องการความชาในผิวชั้นลึกๆ
เช่น ตัดชิ้นเนื้อ และเคสที่ต้องการทำหัตถการเฉพาะจุด เช่น จี้ไฝ จี้ติ่งเนื้อ แบบไม่กี่จุด, ฉีดบล็อคเส้นประสาทลดการความรู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด เข่น ฉีด block nerve ก่อนผ่าตัดปลูกผม ผ่าตัดบริเวณมือเท้า ถอดเล็บ เป็นต้น
✅ ข้อดี ✅
1. ฉีดปุ๊บ ชาปั๊บ สามารถทำหัตถการได้เลยทันที
2. ไม่มีปัญหาเกิดผิวแดงระคายเคืองตรงที่ทำหัตถการ
❌ ข้อเสีย| ข้อควรระวัง ❌
1. รู้สึกเจ็บตอนฉีด
2. ห้ามใช้กรณีแพ้ยาขา หรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง
3. ห้ามฉีดเกินขนาดที่กำหนด [คิดตามน้ำหนักตัว] เพราะเป็นอันตราย เช่น กดการหายใจ หรือทำให้เสียชีวิตได้
—————————————————-
🩹🩹ทายาชา 🩹🩹
เหมาะกับหัตถการที่ต้องการความชาในระดับชั้นผิวตื้นๆ
หรือเคสเลเซอร์หรือหัตถการที่ทำหลายๆจุดพร้อมกัน เช่น ทำทั่วหน้า เป็นต้น
✅ ข้อดี ✅
1. ไม่เจ็บ เพราะแค่ทา ไม่ต้องใช้เข็ม
2. หากเกิดการแพ้ ผลข้างเคียงมักจะน้อยกว่าและไม่รุนแรงถึงชีวิตเมื่อเทียบแบบฉีด
❌ ข้อเสีย ❌
1. ทาแล้วจะไม่ได้ชาทันที (ต้องทาทิ้งไว้ 30 นาทีขึ้นไป
กว่ายาชาที่ทาไว้จะซึมลงชั้นผิวแล้วออกฤทธิ์)
2. ห้ามทาบริเวณผิวที่มีแผลเปิด
3. ระวังการใช้ในคนที่ผิวแห้งมากหรือผิวแพ้ง่าย อาจแพ้|ระคายเคืองได้ เกิดเป็นผื่นแดง หรือรอยไหม้ดำ
4. ระวังการทายาเกินขนาด หรือทาทิ้งไว้นานเกินไป
* ข้อมูลที่หมอยุ้ยเอามาแชร์ จะเป็นความรู้แบบเบื้องต้น เพื่อให้เข้าใจง่าย
แต่จริงๆแล้วหลักการเลือกใช้ยาชายังมีรายละเอียดปลีกย่อยและข้อยกเว้นอื่นๆอีกนะคะ
** การเลือกว่าจะใช้การฉีดยาชา หรือทายาชา แพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้อย่างเหมาะสมเองค่ะ