คำถามที่หมอเจอบ่อยๆเลย
ก็คือ
คนไข้จะกังวลว่า “
แปะยาชานานแล้ว ยังไม่ถึงคิวเลย
แบบนี้ถ้าถึงคิวแล้วจะยาชาจะยังอยู่มั้ย??”
วันนี้หมอยุ้ยเลย #ขอเอาเรื่องยาชามาเล่าให้ฟังกันค่ะ
ยาชาแบบชนิดที่ใช้ทาภายนอก (topical anesthetic)
ตัวที่ใช้บ่อยคือ EMLA รองลงมาคือ RACSER
หรืออาจจะเป็นยาชาของประเทศเกาหลีที่แบบกระปุก
ซึ่งทุกอันเป็นยาชาในรูปแบบของครีม
ส่วนใหญ่จะใช้ในเคสที่ต้องการทำเลเซอร์ชนิดมีแผล
เช่น จี้ไฝ ขี้แมลงวัน กระ กระเนื้อ กระลึก หลุมสิว ลบรอยสัก ฯลฯ
หรือก่อนทำเลเซอร์ยกกระชับ เช่น Ulthera, Thermage
หรือจะใช้ทาก่อนฉีด Botox, filler ในกรณีที่คนไข้กลัวเจ็บก็ได้ค่ะ
โดยความชา
จะมากหรือน้อย #ขึ้นอยู่กับ 2 อย่าง
คือ
1. ปริมาณยาชาที่ใช้
ในผู้ใหญ่ทาได้ไม่เกินครั้งละ 20 กรัม (EMLA 1 หลอด มี 30 กรัม)
2. ระยะเวลาที่ทาหรือแปะยาชา
ในผู้ใหญ่ทาทิ้งไว้ได้นานสุดไม่เกิน 4 ชั่วโมง ⏰
ความจริงเกี่ยวกับยาชาชนิดทา 📣📣
1. ต้องทำความสะอาดผิวก่อนเริ่มทายาชาเสมอ
2. ผิวตรงที่จะทายาชา ต้องไม่มีแผลเปิด และไม่มีการอักเสบ
3. ถ้าต้องการให้ยาดูดซึมมากขึ้น (ชามากขึ้น) สามารถแรปด้วยพลาสติกด้านบนได้
(เหมือนการแรปอาหาร)
4. ถ้าทายาชานาน 1 ชั่วโมง ความชาจะครอบคลุมผิวหนังที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 3 มิลลิเมตร
ซึ่งเพียงพอต่อการรักษาแล้วค่ะ (โดยทั่วไปหมอจะให้ทานานประมาณ 45 นาทีค่ะ
แต่ถ้าอยากให้ชาเร็วขึ้น เช่น มีเวลาจำกัด อาจจะใช้วิธีการนวดยาชาแทนได้
แต่ต้องระวังว่าบางคนผิวบอบบาง อาจจะบวมแดงได้บ้าง หลังจากการนวดยาชา)
5. ถ้าทาเพิ่มเป็น 2 ชั่วโมง จะชาได้ลึก 5 มิลลิเมตร
6. ทา 3 ชั่วโมง ชาได้ลึกถึง 6 มิลลิเมตร
7. และถึงแม้ว่าหลังจากเช็ดยาชาออกไปแล้ว
ผิวของเราก็ยังคงจะรู้สึกชาต่อไปได้อีก 1-2 ชั่วโมงเลยนะคะ
รู้แบบนี้แล้ว สบายใจได้เลยนะคะ
ว่าการแปะยาชารอคิวนานๆ (ไม่เกิน 4 ชั่วโมง) ไม่ได้ทำให้ยาชาหมดฤทธิ์ไป
แต่ตรงกันข้ามคือทำให้ยาชาซึมลงสู่ผิวได้มากขึ้นด้วยซ้ำค่ะ
ใครมีประสบการณ์เรื่องนี้ มาแชร์กันได้นะคะ
หมอยุ้ยเพจ Dr.Yui คุยทุกเรื่องผิว ♥️
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราทายาชาทิ้งไว้นานๆ
คำถามที่หมอเจอบ่อยๆเลย
ก็คือ
คนไข้จะกังวลว่า “แปะยาชานานแล้ว ยังไม่ถึงคิวเลย
แบบนี้ถ้าถึงคิวแล้วจะยาชาจะยังอยู่มั้ย??”
วันนี้หมอยุ้ยเลย #ขอเอาเรื่องยาชามาเล่าให้ฟังกันค่ะ
ยาชาแบบชนิดที่ใช้ทาภายนอก (topical anesthetic)
ตัวที่ใช้บ่อยคือ EMLA รองลงมาคือ RACSER
หรืออาจจะเป็นยาชาของประเทศเกาหลีที่แบบกระปุก
ซึ่งทุกอันเป็นยาชาในรูปแบบของครีม
ส่วนใหญ่จะใช้ในเคสที่ต้องการทำเลเซอร์ชนิดมีแผล
เช่น จี้ไฝ ขี้แมลงวัน กระ กระเนื้อ กระลึก หลุมสิว ลบรอยสัก ฯลฯ
หรือก่อนทำเลเซอร์ยกกระชับ เช่น Ulthera, Thermage
หรือจะใช้ทาก่อนฉีด Botox, filler ในกรณีที่คนไข้กลัวเจ็บก็ได้ค่ะ
โดยความชา
จะมากหรือน้อย #ขึ้นอยู่กับ 2 อย่าง
คือ
1. ปริมาณยาชาที่ใช้
ในผู้ใหญ่ทาได้ไม่เกินครั้งละ 20 กรัม (EMLA 1 หลอด มี 30 กรัม)
2. ระยะเวลาที่ทาหรือแปะยาชา
ในผู้ใหญ่ทาทิ้งไว้ได้นานสุดไม่เกิน 4 ชั่วโมง ⏰
ความจริงเกี่ยวกับยาชาชนิดทา 📣📣
1. ต้องทำความสะอาดผิวก่อนเริ่มทายาชาเสมอ
2. ผิวตรงที่จะทายาชา ต้องไม่มีแผลเปิด และไม่มีการอักเสบ
3. ถ้าต้องการให้ยาดูดซึมมากขึ้น (ชามากขึ้น) สามารถแรปด้วยพลาสติกด้านบนได้
(เหมือนการแรปอาหาร)
4. ถ้าทายาชานาน 1 ชั่วโมง ความชาจะครอบคลุมผิวหนังที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 3 มิลลิเมตร
ซึ่งเพียงพอต่อการรักษาแล้วค่ะ (โดยทั่วไปหมอจะให้ทานานประมาณ 45 นาทีค่ะ
แต่ถ้าอยากให้ชาเร็วขึ้น เช่น มีเวลาจำกัด อาจจะใช้วิธีการนวดยาชาแทนได้
แต่ต้องระวังว่าบางคนผิวบอบบาง อาจจะบวมแดงได้บ้าง หลังจากการนวดยาชา)
5. ถ้าทาเพิ่มเป็น 2 ชั่วโมง จะชาได้ลึก 5 มิลลิเมตร
6. ทา 3 ชั่วโมง ชาได้ลึกถึง 6 มิลลิเมตร
7. และถึงแม้ว่าหลังจากเช็ดยาชาออกไปแล้ว
ผิวของเราก็ยังคงจะรู้สึกชาต่อไปได้อีก 1-2 ชั่วโมงเลยนะคะ
รู้แบบนี้แล้ว สบายใจได้เลยนะคะ
ว่าการแปะยาชารอคิวนานๆ (ไม่เกิน 4 ชั่วโมง) ไม่ได้ทำให้ยาชาหมดฤทธิ์ไป
แต่ตรงกันข้ามคือทำให้ยาชาซึมลงสู่ผิวได้มากขึ้นด้วยซ้ำค่ะ
ใครมีประสบการณ์เรื่องนี้ มาแชร์กันได้นะคะ
หมอยุ้ยเพจ Dr.Yui คุยทุกเรื่องผิว ♥️