หลักการลงทุน 6 ข้อ ของเซียนฮง เจ้าของฉายา “เซียนหุ้นอัจฉริยะ”

หลักการลงทุน 6 ข้อ ของเซียนฮง เจ้าของฉายา “เซียนหุ้นอัจฉริยะ” | MONEY LAB
ในประเทศไทยนั้น มีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จนสร้างความมั่งคั่งหลัก 10,000 ล้านบาท ผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
คุณสถาพร งามเรืองพงศ์ หรือเซียนฮง อีกหนึ่งนักลงทุนระดับตำนานของไทย ที่อยู่คู่วงการตลาดหุ้นไทยมากว่า 20 ปี คือหนึ่งในไม่กี่คนนั้น
โดยในวงการตลาดหุ้นของประเทศไทย ก็ได้มอบฉายาให้กับเซียนฮง เอาไว้ว่าเป็น “เซียนหุ้นอัจฉริยะ”
หากสงสัยว่า เซียนฮง เซียนหุ้นอัจฉริยะ มีหลักการลงทุนอย่างไร ที่เราสามารถเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ได้
MONEY LAB จะพาไปดูรายละเอียด ของเรื่องนี้กัน
หลักการลงทุนของเซียนฮง สามารถสรุปออกมาได้ดังนี้
1. ประเมินโอกาส และความเสี่ยงในการลงทุน อยู่ตลอด
ในโลกของการลงทุนนั้น มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เราจะต้องวิเคราะห์การลงทุนอย่างรอบคอบ
อย่างเซียนฮงเอง ก็จะประเมินโอกาส และความเสี่ยงในการลงทุน แต่ละครั้ง ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น
- เรามีโอกาสได้กำไรอยู่กี่เปอร์เซ็นต์
- มีโอกาสขาดทุนอยู่กี่เปอร์เซ็นต์
- ถ้าได้กำไรแล้ว จะได้เท่าไร
- ถ้าขาดทุน จะขาดทุนเท่าไร
หากวิเคราะห์ออกมาแล้ว พบว่า มีโอกาสขาดทุนมากกว่า ก็ถือว่าการลงทุนครั้งนี้ มีความเสี่ยงเกินไป เซียนฮงก็จะเลือกไม่ลงทุน
2. ศึกษาหาความรู้ อยู่ตลอดเวลา
เซียนฮงมักจะหาความรู้ทั้งในด้านที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุน อยู่ตลอดเวลา
เพราะความรู้ทั้งที่เกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้องกับด้านการลงทุนเลย สักวันก็อาจจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนในอนาคตได้
แต่สำหรับความรู้ด้านการลงทุนนั้น เซียนฮงแนะนำว่า เราควรศึกษาประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้น
เพื่อจะได้เข้าใจว่า ที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีพัฒนาการเป็นอย่างไร และในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ
ทั้งในช่วงที่ตลาดหุ้นบูม หรือตลาดหุ้นตกต่ำ มีข้อสังเกตอะไรที่สำคัญ ที่เราควรต้องรู้บ้าง
ข้อสังเกตบางอย่าง ก็อย่างเช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E Ratio ของตลาดหุ้น
โดยในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นซบเซา ค่า P/E ก็อาจจะอยู่ต่ำที่ประมาณ 4-6 เท่า ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าลงทุน เพราะราคาหุ้นโดยเฉลี่ย จะซื้อขายกันในราคาที่ถูกมาก
แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นบูมมาก ๆ เกิดเป็นฟองสบู่ ค่า P/E ของตลาดหุ้น ก็อาจจะสูงมากถึง 20-30 เท่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ควรเข้าไปลงทุน เพราะราคาหุ้นโดยเฉลี่ย แพงเกินไป
ถ้าเราเข้าใจพัฒนาการของประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น ก็จะช่วยให้เรา พอจะจับจังหวะในการลงทุนได้ดีขึ้น
3. กลยุทธ์การลงทุนต้องยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้
ในการลงทุนนั้น เราจะต้องรู้ว่าสถานะความมั่งคั่งของเราในแต่ละช่วงเวลา เป็นอย่างไร
เพื่อเราจะได้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม ให้พอร์ตการลงทุน เติบโตได้โดยเร็ว
ในกรณีของเซียนฮงนั้น ช่วงแรกที่ลงทุน ก็ยังมีพอร์ตการลงทุนที่ไม่ใหญ่มาก
ถ้าอยากจะทำให้พอร์ตการลงทุน เติบโตได้แบบก้าวกระโดด ก็ต้องใช้วิธีการลงทุนแบบผสมผสาน โดยแบ่งพอร์ตการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ
- ลงทุนโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน 70% ของพอร์ต
- ลงทุนโดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค 30% ของพอร์ต
แต่เมื่อพอร์ตการลงทุนของเซียนฮงใหญ่ขึ้น และมีความมั่งคั่งสูงมากแล้ว รูปแบบการลงทุนก็มีการปรับเปลี่ยน เป็นการลงทุนโดยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน 99% ของพอร์ต
ดังนั้น เราเองก็ต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ออกว่า ตอนนี้เรามีความมั่งคั่งอยู่ที่เท่าไร และรูปแบบการลงทุนแบบไหน เหมาะสมกับเราที่สุด
เพื่อให้เราสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุน เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้เพิ่มขึ้นได้ อย่างยั่งยืน
4. ลงทุนในบริษัทที่เข้าใจ และมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
บริษัทที่เซียนฮงจะลงทุนนั้น จะต้องมีธุรกิจที่สามารถเข้าใจได้
โดยมีสินค้าและบริการ ที่เป็นสิ่งจำเป็น ที่ผู้คนจะต้องใช้อยู่ตลอด ไม่ล้มหายตายจากไปง่าย ๆ
นอกจากนี้ บริษัทเหล่านั้น จะต้องมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนอีกด้วย เช่น
- เป็นบริษัทที่สามารถเติบโตต่อไปได้ โดยใช้เงินลงทุนเพิ่มน้อยมาก
- มีโอกาสน้อย ที่ลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้สินค้าและบริการของคู่แข่ง
- สามารถต่อรองกับลูกค้า และซัปพลายเออร์ได้ดี
- มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยน้อย ทำให้ไม่ต้องจ่ายต้นทุนทางการเงินสูง
- ธุรกิจของบริษัท สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ดีมาก
- บริษัทมีผู้บริหารที่เก่ง มีความซื่อสัตย์ และมีธรรมาภิบาล บริหารงานอยู่
5. มีหลักการลงทุน ที่มั่นคง
เราควรจะต้องกำหนดหลักการลงทุนของเรา ให้ชัดเจนไปเลยว่า บริษัทแบบไหนที่เราจะลงทุน และบริษัทแบบไหนที่เราจะไม่ลงทุนแน่ ๆ
ซึ่งเราสามารถทำได้โดย “การทำเช็กลิสต์” คุณสมบัติ ที่บริษัทที่เราจะลงทุน จะต้องมี
ถ้าเราพบว่า บริษัทที่เราสนใจ มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่เรากำหนดไว้ เราก็ลงทุน
แต่ถ้าเราพบว่าบริษัทที่เราสนใจ มีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ เราก็ไม่ลงทุน
ซึ่งหลักการนี้ เรียกว่า “Circle of Competence”
หรือ วงกลมแห่งความถนัด
โดยเป็นหลักการลงทุนเดียวกันกับที่ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับตำนานของโลก ใช้ในการเลือกบริษัทที่จะลงทุนนั่นเอง
6. เตรียมแผนรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้แต่เนิ่น ๆ
สำหรับการลงทุนนั้น หลายครั้งอนาคตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากมาก หลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่อยากให้เกิด ก็อาจจะสามารถเกิดขึ้นได้
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด ก็คือการเตรียมแผนเพื่อรับมือเอาไว้ก่อน เช่น
- มีการกระจายความเสี่ยง ด้วยการถือหุ้นในหลายบริษัท จากหลายอุตสาหกรรม ในสัดส่วนที่เหมาะสม
- ถือเงินสดที่เพียงพอต่อการใช้จ่าย อย่างน้อย 3 ปี
ถ้าเราสามารถจัดเตรียมแผนการที่เหมาะสม เอาไว้รับมือกับวิกฤติในอนาคต ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้เป็นอย่างดีแล้ว
ในวันที่เกิดวิกฤติขึ้น เราก็จะไม่เจ็บตัวมากนัก แถมโอกาสในการฟื้นตัวกลับมาของพอร์ตเรา ก็ยังมีสูงกว่าและเร็วกว่า นักลงทุนที่ไม่ได้วางแผนรับมือด้วยวิธีการที่ดีพอด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราคงเข้าใจกันดีขึ้นบ้างแล้วว่า คุณสถาพร งามเรืองพงศ์ หรือเซียนฮง เซียนหุ้นอัจฉริยะ ผู้สร้างความมั่งคั่งหลัก 10,000 ล้านบาท ผ่านการลงทุนในตลาดหุ้น มีหลักการลงทุนอย่างไร
จะว่าไปแล้ว หลักการลงทุนของเซียนฮงนั้น ก็คล้ายกับหลักการทำสงครามของซุนวู นักการทหารระดับตำนาน ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า
“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
ไม่รู้เขา แต่รู้เรา ชนะหนึ่งครั้ง แพ้หนึ่งครั้ง
ไม่รู้เขา ไม่รู้เรา รบกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางชนะ”
ดังนั้นแล้ว หากจะกล่าวโดยสรุป
นักลงทุนก็ควรมีหลักการลงทุนที่มั่นคง ลงทุนในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจเป็นอย่างดี มีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และมีการป้องกันความเสี่ยงอย่างเหมาะสม..

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่