รู้สึกผิดหวังกับแม่มากๆ

สวัสดีค่ะ เราอายุ 40 ปี แต่งงานแล้วแต่สามีเสียไปปีกว่าแล้ว เดิมทีเราอยู่กับแม่มาทั้งชีวิตเพราะพ่อเสียไปตั้งแต่เราอายุ 2 ขวบ สิ่งที่จดจำมาตลอดคือ น้าๆ ป้าๆ เพื่อแม่ที่ทำงานจะพูดเสมอว่า เราต้องรักแม่มากๆ ดูแลแม่ เพราะแม่มีเราคนเดียว นี่คือสิ่งที่จำมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ยาวหน่อยนะ อยากระบาย 555

ตั้งแต่เรียน ก็พยายามใช้ชีวิตในวัยเรียนตามปกติ เรียนเสร็จ กลับบ้าน ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด จนกระทั่งเรียนจบ ทำงาน ก็มีสังคมบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่เคยทำให้แม่ต้องเดือดร้อนใจ ประคองตัวเองได้จนกระทั่งแต่งงานมีครอบครัว 

เรากับสามีซื้อบ้านอยู่ด้วยกันและให้แม่เรามาอยู่ด้วย เพราะแม่ก็ไม่ได้มีใคร ซึ่งสามีเราก็ OK ก็อยู่ด้วยกันมาปกติ

แต่นิสัยของแม่แต่ไหนแต่ไร คือ เป็นคนอารมณ์ร้อน มีเรื่องนิดหน่อยก็ด่าทอ เกรี้ยวกราด ยกตัวอย่างเช่น

1.ตอนทำงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ก็ต้องมีกิจกรรมนักเรียนใหม่เข้าค่าย ก็ต้องมีการจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ ซึ่งเดิมก็บอกไว้ว่าจะกลับเร็ว แต่ด้วยติดภาระกิจ กลับบ้านเลท บวกกับรถที่ไม่ค่อยมี บวกกับรถที่ติดมากอีก กว่าจะถึงบ้านก็ราว ทุ่มหรือสองทุ่มได้ พอมาถึงบ้าน แทนที่แม่จะถามดีๆว่า ทำไมกลับค่ำเห็นว่าจะกลับเร็ว แต่ไม่เลย กลับด่าทอว่าเรายิ้ม ตระบัตสัตย์ ที่บอกจะกลับเร็ว ด่าจนวันนั้นรู้สึกทั้ง งง ทั้งไม่เข้าใจ ตกใจ จนวันนั้นตัดสินใจเดินออกจากบ้านเพราะทนไม่ไหวจริงๆ ตอนนั้นไปอยู่หอพักเพื่อนหนึ่งคืน และกลับมาเอาของที่บ้าน ตอนนั้นคิดว่าจะไม่กลับบ้านนั้นอีกแล้ว (ต้องบอกก่อนว่าบ้านที่ว่าไม่ใช่บ้านเราเอง แต่เรากับแม่อาศัยอยู่กับญาติ) พอวันรุ่งขึ้นเรากลับมาเอาของ ญาติก็โทรบอกแม่ที่ทำงานว่าเรากลับมา แม่จะขอพูดสายด้วยแต่เราไม่อยากคุยเลยปฏิเสธที่จะคุย แต่ยายที่เลี้ยงเรามาแต่เด็กๆ รีบมาที่บ้านญาติเพื่อขอให้เราไม่ไปจากบ้านนี้อีก ตอนนั้นเลยต้องจำใจคุยกับแม่ และก็ต้องอยู่บ้านต่อเพราะยายขอไว้ เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ เพราะเรื่องอื่นๆ มันไม่เท่านี้

2.แม่เรากับสามีมีเรื่องทะเลาะกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะเราด้วย วันนั้นมีเรา แม่เรา น้าสาว น้องสาว มากินข้าวที่บ้าน พอดีว่าแม่เราเปิด Facebook แล้วไปเจอโพสของสามีที่โพสว่า "อาหารฝีมือแม่ อร่อยมากๆ" แม่เราก็พูดว่า ของเค้าอาหารฝีมือแม่ แต่ของเรา อาหารฝีมือน้า และวันนั้น เราเองก็พูดอะไรโดยที่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต คำพูดนั้นคือ "ถ้าแม่ไม่ OK แม่สามารถเลิกเป็นเพื่อนกับพี่เค้าใน Facebook ได้นะ" เท่านั้นแหละ แม่เราไม่รู้โมโหอะไร ของขึ้นอย่างหนัก เขวี้ยงจานข้าว แล้วตะโกนว่า ไม่แ_ก มันแล้ว แล้วก็ด่าออกมาสารพัด สัตว์ตัวไหนพ่นออกมาหมด เรา น้า และน้อง มองหน้ากันแล้ว งง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเรามั่นใจว่าคำพูดเราไม่ได้ใส่อารมณ์ พูดอย่างราบเรียบ ไม่มีท่าทีประชดใดๆ ทั้งสิ้น เหวอไปตามๆ กัน นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่รู้สึกว่ามันเกินไปจริงๆ

3.อันนี้ไม่ใหญ่มากนัก แต่มันทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ควรเกิด คือ เรามีสร้อยคอทองที่ห้อยพระเป็นประจำอยู่ 1 เส้น แต่มันชอบขาด เปลี่ยนหลายเส้นแล้ว คราวนี้แม่เราเลยตัดสินใจเอาของแม่ให้เราใส่ แล้วแม่ซื้อใหม่เพื่อใส่เอง เราก็ OK นะ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ เพราะช่วงนั้นสถานการณ์ทางการเงินไม่ค่อยสู้ดี แต่แม่ก็อยากให้แขวนพระ อันนี้เข้าใจ สรุปแม่เลือกลายที่เคยใส่แล้วขาด เส้นค่อนข้างสั้น แต่เราบอกแม่แล้วนะว่ามันจะขาดอีกไม๊ และเส้นสั้นๆ มันจะใส่สบายพอดีรึเปล่า ซึ่งแม่ไม่ติด อยากได้เส้นนี้ เราก็ไม่ขัดใจเพราะเงินเค้า สุดท้ายใส่ได้ 1 คืน แม่บอกว่า เรามาสลับสร้อยกันเถอะ เพราะมันสั้น ใส่แล้วไม่สบายเลย เราก็ อ้าว เมื่อวานก็ลองแล้วไม่ใช่หรอ บอกว่าใส่สบาย เราบอกแม่ตรงๆว่า ไม่อยากใส่เส้นนี้ กลัวขาดอีก แม่ของขึ้นอย่างไว บอกว่า ไม่ใส่ก็โยนทิ้งแ_ง ไปเลย มีปัญหานัก เราก็อ้าว นี่ความผิดเราหรอ งง สุดท้ายตัดปัญหา ก็ต้องจำใจใส่ สุดท้ายก็ขาดเหมือนเดิม 

4.มันก็มีเรื่องมาเรื่อยๆ จนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่สดๆ ร้อนๆ กับเหตุการณ์ที่เรียกว่าเรื่องเล็ก ลามเป็นเรื่องใหญ่ คือ เมื่อวานเราดูละครย้อนหลัง เกี่ยวกับการตามหาชู้ของสามี เรื่องนี้เราเองก็ดูไม่ได้ประติดประต่อตั้งแต่ฉายทางทีวี ดูแบบที่ตัดสั้นๆ แค่นั้น เมื่อวานเลยได้มีโอกาสดู คราวนี้ดูถึงตอนที่ พระเอก กับ ชู้ อยู่ด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นแม่ไปในครัวไปทำอะไรไม่รู้ระยะเวลาสั้นๆ แหละ พอแม่ออกมาเห็นฉากนี้ แม่ถามเราว่า "เค้าได้กันยัง" เราก็ตอบไปว่า ต้องดูเอง แล้วแม่ก็ถามอีกว่า "แล้วเค้ามาอยู่ด้วยกันได้ไง" เราก็ตอบว่า คุณจักรให้พระเอกมาดูแลตามคำสั่ง ซึ่งตอนนั้นเราก็ตั้งใจดูว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อไป การตอบคำถามของเราไม่ได้มีอารมณ์ของการรำคาญที่แม่ถามใดๆ ทั้งสิ้น คราวนี้พอแม่ได้ตอบ แม่ก็บอกว่า "บอกแค่นี้มันจะตายไม๊" เราก็แบบ หึ๊ อะไรนะ งง แล้วแม่ก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินเก็บข้าว เก็บของ หงุดหงิด ไม่อยากดูด้วย บ่น บลาๆๆๆๆ เราก็แบบ อะไรวะ งงนะ ขึ้นห้องปิดประตูอย่างแรง อ่ะ เราก็รู้ละว่าอาการนี้ ของขึ้นกำเริบ ก็เลยคิดว่าปล่อยให้เค้าได้อยู่คนเดียว สงบสติอารมณ์ก่อน เผื่ออารมณ์ดี เดี๋ยวเราดูต่อจนจบ EP นี้ก็จะขึ้นไปเล่าให้ฟัง แต่...ไม่เป็นอย่างนั้น อยู่ดีๆ ก็ลงมา แล้วด่าหยาบคายมากๆ ชนิดที่เกินจะรับไหว อาทิ จะนอนแหก_ดูยิ้มทั้งคืนเลยรึไง แค่บอกว่าถึงไหนก็ไม่บอก อีเ ้ย โอ้โห แต่ละคำที่หลุดจากปาก คือเริ่มรับไม่ได้ ต้องพูดกันหน่อยแล้วว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ มันเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่เรื่องมันก็แค่เล็กๆ แล้วมันไม่ได้มีอะไรเลย ยังไม่พอ เราเลี้ยงหมาตัวนึง ซึ่งเวลาอาการปกติเค้าก็รักแหละ แต่เมื่อวาน สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ เค้าคิดจะกระทืบหมา ตีหมาที่เราเลี้ยง เรารู้สึกว่า มันไม่ใช่แล้วนะ เราเลยบอกว่าถ้าแม่ตีหมากิฟ กิฟไม่ยอมนะ มันมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์นะ แม่จะทำแบบนี้ไม่ได้ ต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ สัตว์มันไม่ได้รู้เรื่องอะไร จะไปทำร้ายมันเพื่ออะไร มันไม่ถูกต้องนะ แล้วแม่เป็นแบบนี้หลายครั้งมากนะ แต่ที่ไม่พูด เพราะไม่อยากมีปัญหาเพิ่มถึงได้เงียบมาตลอด แต่วันนี้มันไม่ไหวแล้วนะ มันไม่ใช้แล้ว มันเริ่มเยอะเกินไปแล้ว แม่ต้องปล่อยวางและปลงบ้าง มีสติค่อยๆคิด ค่อยๆพูดบ้าง ไม่ใช่อะไรก็ใช้อารมณ์ ทีนี้แม่อารมณ์ขึ้นอีก หาว่าเราสอน ไม่ต้องมาสอน หัวหงอกแล้ว โอ้โห งงมาก เราต้องบอกก่อนว่า เราไม่ได้รักหมามากกว่าแม่ แต่เรารักเท่าๆ กัน เพราะมันคือสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน เราไม่มีสิทธิไปทำร้ายใคร  หรือ สัตว์ตัวใดเพื่อความสะใจได้ และผลคือมันเป็นบาป เราไม่อยากให้แม่เป็นบาปที่ทำร้ายสัตว์ แต่ถ้าแม่ทำร้ายหมาเรา เราบอกตรงๆ เราคงต้องแจ้งความดำเนินคดีไป เพราะ เราอยากให้แม่ได้คิด ได้บทเรียน ว่าสิ่งที่ทำไปโดยขาดสติ เอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง ไม่ได้เกิดประโยชน์ และการถูกลงโทษแบบนี้อาจทำให้แม่ได้สติขึ้นมาได้บ้าง (มั๊ง) แต่โชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้น 

จากนั้นมาตอนเช้า เราก็เฉยๆ นะ คิดว่าการไม่คุยกันน่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะเราคิดว่าแม่เราคงยังยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองถูกต้อง ไม่เคยผิด เราก็เลยวางเฉย ก็เอาหมาลงจากห้องเพื่อให้มันได้กินข้าว ฉี่ แล้วก็วิ่งเล่นในบ้านปกติ แต่...แม่คนดีคนเดิม ก็มาบอกว่าต่อไปนี้จะไม่ยุ่งกับหมาอีก หมาใครก็เลี้ยงก็ดูเอา ข้าวหมาก็ทำเองแล้วกัน ทำดีแล้วไม่เคยมองเห็นต่อไปนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ อ้าววววว ไปทางนั้นอีก 1 คืน ไม่เคยได้คิดว่าสิ่งที่ทำลงไปคืออะไร แล้วมาเปิดเรื่องใหม่ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เลย งงนะ เราก็แบบ ไม่อยากมีปัญหา ปล่อยไป เสร็จก็ขึ้นมาข้างบนแล้วก็มาระบายนี่แหละ 5555

เรารู้สึกว่ายิ่งแม่อายุมากขึ้น แม่กลับยิ่งมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้น เอาแต่ใจมากขึ้น และแน่นอน เราคือมนุษย์ธรรมดา ย่อมมีโกรธแน่นอน แต่ก็ไม่ได้อาฆาตอะไร และเราก็คิดว่า ถ้าการคุยกันแล้วมันมีปัญหา ก็ไม่ต้องคุยกันน่าจะดีที่สุด คุยแค่เฉพาะที่จำเป็น ต่างคนต่างใช้ชีวิต และถ้าแม่อยากย้ายไปอยู่ที่อื่นตามคำขู่มาตลอดชีวิต เราก็ปล่อยแล้วนะ เรารู้สึกว่าเราพยายามทำดีที่สุดแล้ว พยายามบอก พยายามเตือนถึงพฤติกรรมที่มันไม่ดีของแม่เพื่อตัวแม่เอง แต่แม่ไม่เคยมองเห็น เราเลยคิดว่า คงต้องปล่อยให้เค้าเป็นแบบนี้ และให้เค้าได้รับบทเรียนจากสังคมภายนอกเอาเอง เรารักใครเราก็อยากเตือนให้เค้าได้ปรับตัวเพื่อให้ดีขึ้น ต่อไปนี้ เราคงไม่เตือนแล้ว

นี่คือสิ่งที่ทำให้เราอึดอัดใจ รู้สึกว่าบ้านไม่ใช่ที่ปลอดภัย แม่ไม่ใช่ที่พักพิง ไม่ใช่น้ำเย็นแต่เป็นน้ำเดือดที่พร้อมราดลูกได้ตลอดเวลา เราถามแม่นะว่าแล้วถ้าเป็นแบบนี้จะอยู่กันยังไง มันไม่ได้รึเปล่า เราไม่รู้หรอกนะว่าอะไรที่พูดแล้วแม่ไม่พอใจ เดาไม่ออกหรอก สิ่งที่เราได้รับคำตอบกลับมา คือ ก็ทนอยู่ไป ทนไม่ได้ก็แยกย้าย ใครจะไปอยู่กับมึ_ได้ (อ้าว ใช่หรอวะ งงนะ) แล้วก็ไม่ต้องมาพูดอะไร เงียบอย่างเดียวพอ เดี๋ยวหงุดหงิด (อ้าว งงไปอีก)

นี่คือสิ่งที่เราเจอมา และเราก็ไม่รู้ว่าจากนี้ไปแล้วมันจะต้องเกิดอะไรขึ้นอีก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง เพราะบางครั้งการวางเฉย ก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ดีได้ตลอดไป เราในขณะที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่กลับเป็นว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิดเลย 

ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีคำแนะนำดีๆ หรือ มีคำปลอบใจดีๆ ก็พิมพ์มาได้นะ อยากอ่าน เผื่อบางทีอาจจะช่วยเราได้บ้าง

ขอบคุณมากค่าาาาา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่