เรื่องนี้เขียนมาจากประสบการณ์ที่ฟังมาจากท่านอื่นค่ะ
ผู้เขียนเป็นคนที่สนใจปฏิบัติธรรม และไม่ชอบพวกไสยศาสตร์ สมัยเรียนหนังสือผู้เขียนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับสำนักไสยศาสตร์ พวกมันชอบเล่นของทรงเจ้าเข้าผี ตอนนั้นผู้เขียนยังเด็กขาดวุฒิภาวะถัาไม่ถูกชะตากับใครมักจะชอบหาเรื่องกวนประสาทเขา
ผู้เขียนทะเลาะกับพวกสำนักนี้บ่อยๆจนวันนึง พวกมันข่มขู่ว่า จะทำให้คุณไสยใส่ตัวผู้เขียนคอยดูเถอะ วันนั้นผู้เขียนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ท้าทายพวกมันว่าถ้าแน่จริงเอามาเลย เสกวัวควายธนูมาเลยกูชอบกินสเต็กวัว เดี๋ยวกูจะส่งผีชัางกัานกล้วยไปกระทืบพวกบัาง
คุณพ่อคุณแม่ผู้เขียนก็เคยเตือนว่า อย่าไปมีเรื่องกับพวกนี้ ถ้าเราดวงตกพวกนี้จะส่งคุณไสยมาทำร้ายเราได้ แต่ผู้เขียนก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่งผู้เขียนรู้สึกเหมือนเงาดำประหลาดประหลาดติดตามตัวตลอด
บางทีนั่งอยู่ดีๆก็เหมือนมีเงาดำเดินผ่านทำให้เกิดอาการมึนหัว เอ๋อๆทำให้เวลาเรียนในห้องเรียนมีอาการ ปวดหัวเหมอลอย ไม่ฟังอาจารย์สอน เพื่อนๆอาจารย์สังเกตเห็นว่าผู้เขียนมีอะไรผิดปกติทำไมไม่ถึงสนใจเรียนเหมือนเดิม
เรื่องเงินๆทองก็เพราะเงาปีศาจลึกลับนี้ ก็ทำให้ผู้เขียนมีปัญหา ตอนนั้นบางทีเวลากินข้าวที่โรงอาหาร ขณะกินอาหารพอมีเงาดำเดินผ่านผู้เขียนก็เกิดอาการปวดหัว อยากจะอาเจียน กินอะไรไม่ลง ผู้เขียนต้องรีบออกจากโรงอาหารจนลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ไปด้วย ทำให้ภายในหนึ่งอาทิตย์ผู้เขียนกระเป๋าสตางค์หาย2ครั้ง
หรือเวลากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ก็เหมือนมีเงาดำมาปิดหูปิดตา ทำให้หัวสมองดูเหมือนมีอะไร ที่มืดมิดดำสนิทไปหมด ทำให้เวลากดเงินเสร็จผู้เขียนลืมหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาด้วยบางทีก็ลืมหยิบเงินออกมาด้วย ผู้เขียนทำสถิติสูงมากเดือนนึงผู้เขียนไปติดต่อธนาคารเรื่องบัตรเอทีเอ็มหายถึงห้าครั้ง จนพนักงานที่ธนาคารเขาถามว่า ผู้เขียนไม่สบายรึเปล่า
ต่อมาคืนวันหนึ่งขณะที่ผู้เขียนกำลังนอนหลับก็ฝัน ว่ามีวิญญาณมากมายมากระทืบซ้ำๆที่ขาหลายที น่ากลัวมากทำให้ผู้เขียนตกใจกลัวจนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ผู้เขียนมีอาการปวดที่ขามากจนน้ำตาไหลลุกขึ้นจากเตียงแทบไม่ไหว ต้องทนปวดขาอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นจากเตียงได้
บางทีตอนเย็นผู้เขียนเดินมากหรือทำงานหนัก จะนั่งพักผ่อน ก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครเอามือมาทุบที่ขา. จนทำให้อาการปวดขากำเริบ ผู้เขียนฝันร้ายถึงเรื่องวิญญาณร้ายมาทุบที่ขา กับมีอาการป่วยแบบนี้ติดต่อกันมาหลายวัน ไปหาหมอทานยาก็ไม่หาย ทำให้ผู้เขียนทุกข์ใจ
เพราะเจ็บป่วยเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี
ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือเพราะว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลใจรึเปล่า ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเองว่างเว้นจากการไปทำบุญปฏิบัติธรรมมานาน ผู้เขียนจึงไปทำบุญที่วัด พอกลับมาถึงบ้านก็สวดมนต์ และก่อนนอนก็นั่งสมาธิ
ระหว่างที่นั่งสมาธิผู้เขียนก็เกิดนิมิต มองเห็นมีผู้ชายคนหนึ่ง นั่งขาวห่มขาว หน้าตาดูสงบเหมือนผู้ทรงศีล เข้ามาบอกผู้เขียนว่า "ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้คนอื่นทำร้าย ปล่อยคุณไสย์ทำร้ายตัวเองอยู่ได้ ปล่อยให้เขาทำอยู่ได้ ไปเอาพระสมเด็จฯ ในตู้เซฟมาแขวนเดี๋ยวนี้"
ผู้เขียนสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการนั่งสมาธิ ภาพมันคมชัดเหมือนจริงมากผมเลยรีบเอากุญแจไปไขตู้ เอาพระสมเด็จฯ มาอาราธนาแขวน พอแขวนพระปุ๊บ จิตใจที่ซึมๆมัวๆมันสว่างไสว เหมือนมีใครเอาหลอดนีออนมาเปิดเพิ่มในห้อง จากนั้นอาการแปลกๆ ทั้งหมดก็หายไป
จากนั้นผู้เขียนก็ไปนอน คืนนั้นผู้เขียนนอนหลับสบาย ไม่มีการฝันบ้าๆบอๆถึงผีรัายอีกเลย. ตื่นขึ้นมาผู้เขียนไม่มีอาการปวดขา เป็นเพราะบารมีของพระสมเด็จทำให้ผู้เขียน หายจากอาการป่วยจากการโดนคุณไสย เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำสอนที่ว่า เราต้องทำความดีก่อน ถึงจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ถ้าเรายึดมั่นในศีลธรรมอันดีงาม วิญญาณชั่วร้ายก็อันตรายเราไม่ได้จะมีสิ่งดีๆมาช่วยเหลือเราเอง
ใฝ่ธรรมะ ปฏิบัติดี มีพระ มีวิญญาณคุ้มครอง
ผู้เขียนเป็นคนที่สนใจปฏิบัติธรรม และไม่ชอบพวกไสยศาสตร์ สมัยเรียนหนังสือผู้เขียนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับสำนักไสยศาสตร์ พวกมันชอบเล่นของทรงเจ้าเข้าผี ตอนนั้นผู้เขียนยังเด็กขาดวุฒิภาวะถัาไม่ถูกชะตากับใครมักจะชอบหาเรื่องกวนประสาทเขา
ผู้เขียนทะเลาะกับพวกสำนักนี้บ่อยๆจนวันนึง พวกมันข่มขู่ว่า จะทำให้คุณไสยใส่ตัวผู้เขียนคอยดูเถอะ วันนั้นผู้เขียนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ท้าทายพวกมันว่าถ้าแน่จริงเอามาเลย เสกวัวควายธนูมาเลยกูชอบกินสเต็กวัว เดี๋ยวกูจะส่งผีชัางกัานกล้วยไปกระทืบพวกบัาง
คุณพ่อคุณแม่ผู้เขียนก็เคยเตือนว่า อย่าไปมีเรื่องกับพวกนี้ ถ้าเราดวงตกพวกนี้จะส่งคุณไสยมาทำร้ายเราได้ แต่ผู้เขียนก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่งผู้เขียนรู้สึกเหมือนเงาดำประหลาดประหลาดติดตามตัวตลอด
บางทีนั่งอยู่ดีๆก็เหมือนมีเงาดำเดินผ่านทำให้เกิดอาการมึนหัว เอ๋อๆทำให้เวลาเรียนในห้องเรียนมีอาการ ปวดหัวเหมอลอย ไม่ฟังอาจารย์สอน เพื่อนๆอาจารย์สังเกตเห็นว่าผู้เขียนมีอะไรผิดปกติทำไมไม่ถึงสนใจเรียนเหมือนเดิม
เรื่องเงินๆทองก็เพราะเงาปีศาจลึกลับนี้ ก็ทำให้ผู้เขียนมีปัญหา ตอนนั้นบางทีเวลากินข้าวที่โรงอาหาร ขณะกินอาหารพอมีเงาดำเดินผ่านผู้เขียนก็เกิดอาการปวดหัว อยากจะอาเจียน กินอะไรไม่ลง ผู้เขียนต้องรีบออกจากโรงอาหารจนลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ไปด้วย ทำให้ภายในหนึ่งอาทิตย์ผู้เขียนกระเป๋าสตางค์หาย2ครั้ง
หรือเวลากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ก็เหมือนมีเงาดำมาปิดหูปิดตา ทำให้หัวสมองดูเหมือนมีอะไร ที่มืดมิดดำสนิทไปหมด ทำให้เวลากดเงินเสร็จผู้เขียนลืมหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาด้วยบางทีก็ลืมหยิบเงินออกมาด้วย ผู้เขียนทำสถิติสูงมากเดือนนึงผู้เขียนไปติดต่อธนาคารเรื่องบัตรเอทีเอ็มหายถึงห้าครั้ง จนพนักงานที่ธนาคารเขาถามว่า ผู้เขียนไม่สบายรึเปล่า
ต่อมาคืนวันหนึ่งขณะที่ผู้เขียนกำลังนอนหลับก็ฝัน ว่ามีวิญญาณมากมายมากระทืบซ้ำๆที่ขาหลายที น่ากลัวมากทำให้ผู้เขียนตกใจกลัวจนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ผู้เขียนมีอาการปวดที่ขามากจนน้ำตาไหลลุกขึ้นจากเตียงแทบไม่ไหว ต้องทนปวดขาอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นจากเตียงได้
บางทีตอนเย็นผู้เขียนเดินมากหรือทำงานหนัก จะนั่งพักผ่อน ก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครเอามือมาทุบที่ขา. จนทำให้อาการปวดขากำเริบ ผู้เขียนฝันร้ายถึงเรื่องวิญญาณร้ายมาทุบที่ขา กับมีอาการป่วยแบบนี้ติดต่อกันมาหลายวัน ไปหาหมอทานยาก็ไม่หาย ทำให้ผู้เขียนทุกข์ใจ
เพราะเจ็บป่วยเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี
ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือเพราะว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลใจรึเปล่า ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเองว่างเว้นจากการไปทำบุญปฏิบัติธรรมมานาน ผู้เขียนจึงไปทำบุญที่วัด พอกลับมาถึงบ้านก็สวดมนต์ และก่อนนอนก็นั่งสมาธิ
ระหว่างที่นั่งสมาธิผู้เขียนก็เกิดนิมิต มองเห็นมีผู้ชายคนหนึ่ง นั่งขาวห่มขาว หน้าตาดูสงบเหมือนผู้ทรงศีล เข้ามาบอกผู้เขียนว่า "ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้คนอื่นทำร้าย ปล่อยคุณไสย์ทำร้ายตัวเองอยู่ได้ ปล่อยให้เขาทำอยู่ได้ ไปเอาพระสมเด็จฯ ในตู้เซฟมาแขวนเดี๋ยวนี้"
ผู้เขียนสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการนั่งสมาธิ ภาพมันคมชัดเหมือนจริงมากผมเลยรีบเอากุญแจไปไขตู้ เอาพระสมเด็จฯ มาอาราธนาแขวน พอแขวนพระปุ๊บ จิตใจที่ซึมๆมัวๆมันสว่างไสว เหมือนมีใครเอาหลอดนีออนมาเปิดเพิ่มในห้อง จากนั้นอาการแปลกๆ ทั้งหมดก็หายไป
จากนั้นผู้เขียนก็ไปนอน คืนนั้นผู้เขียนนอนหลับสบาย ไม่มีการฝันบ้าๆบอๆถึงผีรัายอีกเลย. ตื่นขึ้นมาผู้เขียนไม่มีอาการปวดขา เป็นเพราะบารมีของพระสมเด็จทำให้ผู้เขียน หายจากอาการป่วยจากการโดนคุณไสย เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำสอนที่ว่า เราต้องทำความดีก่อน ถึงจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ถ้าเรายึดมั่นในศีลธรรมอันดีงาม วิญญาณชั่วร้ายก็อันตรายเราไม่ได้จะมีสิ่งดีๆมาช่วยเหลือเราเอง