ข่าวดี้ดี 4.0 สส.เพื่อไทย ร้องเพลง "กะเทยประท้วง" ลั่นสภา ก่อนคว่ำร่างพ.ร.บ.คำนำหน้านาม

กระทู้ข่าว
สภาฯถก กม.รับรองเพศ คำนำหน้านาม 'ครูธัญ' ย้ำต้องคืนเจตจำนงการระบุเพศให้ LGBTQ ‘อนุสรณ์’ ร้องเพลง “กะเทยประท้วง-ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ” กลางสภา ปารมี บอกเจ็บปวดทุกครั้งที่ถูกเรียกว่า "นาย" สุดท้ายร่างพ.ร.บ.ถูกคว่ำ
เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 21 ก.พ.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง เป็นประธานการประชุม พิจารณา ร่างพ.ร.บ.การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ…. เสนอโดยนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะเป็นผู้เสนอ

ก่อนเข้าสู่วาระ สส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้ถอนร่างพ.ร.บ.ออกไปก่อน เพื่อรอร่างของภาคประชาชนที่มีแนวคิดคล้ายกันที่จะเสนอเข้ามา ถึง 2 ฉบับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอย่างมาก จึงมีความจำเป็นต้องรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งที่อยูในกลุ่ม LGBTQ และไม่ได้เป็น LGBTQ เพื่อให้กฎหมายเป็นของทุกกลุ่ม
แต่นายธัญวัจน์ ยืนยันไม่ถอนร่างฯ ออก เนื่องจากเห็นว่าสามารถสร้างพื้นที่การมีส่วนร่วมได้อยู่แล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ผู้มีความหลากหลายทางเพศรออยู่ เราควรต้องผลักดัน และสภาฯ ก็เปิดกว้างอยู่แล้ว และเรื่องนี้ผลักดันกันตั้งแต่ปี 2559 แล้ว
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว โดยนายธัญวัจน์ ชี้แจงเหตุผลว่า หากเราจะเปลี่ยนแปลงการประกอบสร้างสังคมใหม่ เราจำเป็นต้องคืนเจตจำนงเรื่องการระบุเพศให้กับพวกเขา เรื่องเพศเป็นเรื่องสำนึกภายในที่จะบอกตนเองได้ว่า ตัวเองเป็นอะไร และอยากดำเนินชีวิตอย่างไร ทั้งวิถีและการแสดงออก
โดยหลักการสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้คือ Self-determination หรือการกำหนดเพศด้วยตัวเอง นี่คือจุดเริ่มที่เราจะเปลี่ยนแปลงการประกอบสร้าง และมีอีกหลายก้าวสำคัญที่ต้องผลักดัน เพื่อให้สังคมได้โอบรับกับความหลากหลาย เพราะเพศมีคำอธิบายมากกว่าเรื่องของร่างกายและกายภาพ
ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้นิยามอัตลักษณ์ทางเพศว่า คือการที่บุคคลหนึ่งรับรู้ต่อตนเองว่าคือใคร และเป็นเพศอะไร ซึ่งจะสอดคล้องกับสิ่งที่สังคมกำหนดหรือไม่ก็ได้ หมายรวมถึงการแสดงออกทางเพศด้วย ทำให้เราจำเป็นต้องออกกฎหมายที่คำนึงถึงเรื่องของอัตลักษณ์ทางเพศไม่ใช่แค่เพศสภาพทางเพศเท่านั้น
จากนั้น สส.พรรคก้าวไกล ต่างอภิปรายสนับสนุน ขณะที่สส.พรรครัฐบาล ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติ อภิปรายคัดค้านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การเปลี่ยนชื่อคำนำหน้า เราจะใช้หลักอะไร ซึ่งถือเป็นข้อกังวล เพราะอาจเป็นต้นเหตุการก่ออาชญากรรม เช่น การเปลี่ยนเพื่อไปหลอก ลวนลามบุคคลอีกเพศ เพื่อบอกว่าเป็นเพศเดียวกัน ดังนั้น หากจะทำกันจริงๆ ขอให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ เราสามารถผลักดันให้ผู้มีอำนาจใช้กลไกทางกฎหมาย ทำให้เป็นรูปธรรมได้ดียิ่งกว่าการเปลี่ยนนายเป็นนาง หรือเปลี่ยนนางเป็นนาย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านาม เราต้องรับฟังให้รอบ อย่าเหาะเกินลงกา ไปไกลชนิดที่ว่าสุดลิ่มทิ่มประตู และจะสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ และการที่เราจะภาคภูมิใจหรือไม่ภาคภูมิใจ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้คำนำหน้าว่าอะไร และการเปลี่ยนคำนำหน้า ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนแล้วจะแฮปปี้ ชนิดที่ว่าเปลี่ยนปุ๊บแฮปปี้ปั๊บ คงไม่ใช่เช่นนั้น แต่ความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หรือ LGBTQ เราภาคภูมิใจได้
 
ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ ได้ร้องเพลง “กะเทยประท้วง” ของ ปอยฝ้าย มาลัยพร กลางสภาว่า “ฉันภูมิใจ ภูมิใจที่เป็นกะเทย ไผสิเว้าเยาะเย้ย กะส่างเถาะเว้ย กะส่างเถาะเว้ยปากคน” พร้อมระบุว่า เป็นกะเทยก็ภาคภูมิใจได้แล้ว วันนี้คำว่ากะเทย คำที่บ่งบอกถึงเพศสภาพที่ 3, 4, 5 ไม่ใช่สิ่งที่จะไปบูลลี่กัน ไม่ใช่คำที่ฟังแล้วถูกประณามหยามหมิ่น สังคมเราเป็นประเทศที่เปิดรับและเปิดกว้างกับคำหลากหลายทางเพศ
ดังนั้น สิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตคือ เราจะเป็นชายจริงหญิงแท้ LGBTQ เราควรจะภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น ตนเชื่อมั่นว่าเราจะใช้คำนำหน้าว่าอย่างไร เราก็ภาคภูมิใจได้ ก่อนที่เราจะเรียกร้องให้คนอื่นเคารพเรา เราควรเคารพผู้อื่นก่อน
ก่อนที่เราจะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับตนเอง เราหันไปมองรอบด้านก่อนว่า สิทธิ์ที่เราเรียกร้องนั้นได้ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นหรือไม่ และต้องระมัดระวังผลกระทบที่จะตามมา อย่างที่ ดา เอ็นโดรฟิน ร้องเพลงไว้ว่า “ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ” หากเปลี่ยนคำนำหน้านาม จะไม่ได้หยุดแค่ที่ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ แต่จะกลายเป็นไม่รู้จักชาย ไม่รู้จักหญิง ไม่รู้จัก LGBTQ
 
ขณะที่ นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่างดังกล่าวว่า ตนขอพูดจากก้นบึ้งของหัวใจจากผู้หญิงข้ามเพศ อายุ 51 ปี ตนเจ็บปวดกับคำนำหน้านามว่า นาย มาตลอดชีวิต นี่เป็นความฝันสูงสุดของตน สิ่งหนึ่งกับการที่จะได้เปลี่ยนคำนำหน้าให้ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศของตนในปัจุบัน ใครที่ไม่ได้เป็นบุคคลข้ามเพศไม่มีทางเข้าใจสิ่งนี้ ดังนั้น ขอให้สภาฯมาร่วมกันถกเถียงปรับแก้ในจุดที่มีปัญหา และขอวิงวอนจากหัวใจของหญิงข้ามเพศที่รอสิ่งนี้มานานตลอดชีวิต
หลังสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 152 เสียง ไม่เห็นด้วย 256 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ถือว่าที่ประชุมไม่รับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่