ทุกๆคนมีขั้นตอนกันยังไงบ้างครับ มาช่วยแชร์กันหน่อย ของผมมีประมาณนี้
1. เป็นธุรกิจที่ดี มีการเติบโต
• เลือกธุรกิจที่มีโอกาสในการแข่งขัน
ธุรกิจที่มีคู่แข่งน้อย
คู่แข็งใหม่เข้ามาในธุรกิจได้ยาก
• ธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต
ธุรกิจที่มีแนวโน้มไปต่อได้
ธุรกิจยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว
2.มีฐานะ การเงินที่ดี
• โครงสร้างหนี้เหมาะสม
- D/E Ratio ไม่สูงไป
หากมีหนี้ระยะสั้นจำนวนมาก บริษัทอาจ ต้องใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อจ่ายหนี้เร็วๆนี้ ปันผลอาจจะน้อยลง
• กำไรสะสมเป็นบวก
• กระแสเงินสดเป็นบวก
3. มีสภาพคล่อง ในการซื้อขาย
หุ้นสภาพคล่องสูง Market Cap. ใหญ่
เช่น หุ้นในกลุ่ม SET50
หรือ หุ้นในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index
ต่อให้เป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี แต่สภาพคล่องน้อย อาจทำให้ซื้อขายได้ยาก และต้องใช้เวลารอนาน
4. จ่ายปันผล สม่ำเสมอ
• ประเมินว่าบริษัทจ่ายปันผลได้หรือไม่
• เงินปันผลที่จ่ายนั้นมาจาก “การดำเนินงาน” ไม่ใช่กำไรพิเศษที่อาจเกิดขึ้นครั้งเดียว
• พิจารณา Dividend Yield
Dividend Yield เฉลี่ยอยู่ที่ 3% ดังนั้น ควรเลือกหุ้นที่ปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ย และเมื่อรวมกับอัตราเงินเฟ้อ
“ เท่ากับว่า ควรเลือกหุ้นที่ Dividend Yield มากกว่า 4-5% ต่อปี "
ขั้นตอนการคัดหุ้นปันผล
1. เป็นธุรกิจที่ดี มีการเติบโต
• เลือกธุรกิจที่มีโอกาสในการแข่งขัน
ธุรกิจที่มีคู่แข่งน้อย
คู่แข็งใหม่เข้ามาในธุรกิจได้ยาก
• ธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต
ธุรกิจที่มีแนวโน้มไปต่อได้
ธุรกิจยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว
2.มีฐานะ การเงินที่ดี
• โครงสร้างหนี้เหมาะสม
- D/E Ratio ไม่สูงไป
หากมีหนี้ระยะสั้นจำนวนมาก บริษัทอาจ ต้องใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อจ่ายหนี้เร็วๆนี้ ปันผลอาจจะน้อยลง
• กำไรสะสมเป็นบวก
• กระแสเงินสดเป็นบวก
3. มีสภาพคล่อง ในการซื้อขาย
หุ้นสภาพคล่องสูง Market Cap. ใหญ่
เช่น หุ้นในกลุ่ม SET50
หรือ หุ้นในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index
ต่อให้เป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี แต่สภาพคล่องน้อย อาจทำให้ซื้อขายได้ยาก และต้องใช้เวลารอนาน
4. จ่ายปันผล สม่ำเสมอ
• ประเมินว่าบริษัทจ่ายปันผลได้หรือไม่
• เงินปันผลที่จ่ายนั้นมาจาก “การดำเนินงาน” ไม่ใช่กำไรพิเศษที่อาจเกิดขึ้นครั้งเดียว
• พิจารณา Dividend Yield
Dividend Yield เฉลี่ยอยู่ที่ 3% ดังนั้น ควรเลือกหุ้นที่ปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ย และเมื่อรวมกับอัตราเงินเฟ้อ
“ เท่ากับว่า ควรเลือกหุ้นที่ Dividend Yield มากกว่า 4-5% ต่อปี "