สำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การเลือกสรรหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนเติบโต ซึ่งการคัดสรรหุ้นก็มีหลากหลายแนวคิด เช่น เลือกหุ้นกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็น new S-curve ของเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ หรือเลือกหุ้นกลุ่ม well-being ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งแต่ละแนวคิดการลงทุนก็มีเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป
ในบรรดาแนวคิดการลงทุนที่มีอยู่มากมาย มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนนำมาใช้เป็นแนวทางการคัดเลือกหุ้นในภาวะปัจจุบัน นั่นคือ การลงทุนหุ้นปันผล ซึ่งหมายถึงการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีการจ่ายปันผลในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยพอร์ตหุ้นปันผลจะเป็นแหล่งช่วยสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและต่อเนื่องในลักษณะ Passive Income ได้เป็นอย่างดี และยังมีโอกาสสร้างกำไรจากส่วนต่างราคาเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
การคัดสรรว่าหุ้นไหนจ่ายปันผลดี ผู้สนใจอาจพิจารณาจากหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SETHD ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดทำขึ้น โดยหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD ทั้ง 30 หุ้น เป็นหุ้นที่ถูกคัดกรองมาอย่างดีว่ามีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและจ่ายปันผลต่อเนื่องมาอย่างน้อย 3 ปี ทั้งยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) และมีสภาพคล่องในการซื้อขาย ซึ่งรายชื่อหุ้นในดัชนี SETHD จะมีการทบทวนทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นในรายชื่อยังคงมีคุณสมบัติตามเกณฑ์การคัดกรอง โดยจากข้อมูล พบว่าในปี 2566 ดัชนี SETHD มี Dividend Yield อยู่ที่ 6.5% เทียบกับดัชนี SET ที่มี Dividend Yield ที่ 3.32% ขณะที่ หากพิจารณาอัตราผลตอบแทนรวม (Total Return) พบว่าในปี 2566 ดัชนี SETHD มีอัตราผลตอบแทนรวมที่ -1.94% ส่วนดัชนี SET มีอัตราผลตอบแทนรวม -12.66% ผู้สนใจสามารถดูรายชื่อหุ้นในดัชนี SETHD ได้ที่เว็บไซต์
https://www.set.or.th
การลงทุนหุ้นปันผลนั้น นอกจากจะลงทุนโดยตรงด้วยตนเองแล้ว ยังมีอีกวิธีที่ง่ายและสะดวก นั่นคือการลงทุนผ่าน ETF ชื่อ 1DIV ซึ่งอ้างอิงดัชนี SETHD ข้อดีของวิธีการนี้คือ แม้จะมีเงินลงทุนน้อย แต่สามารถกระจายการลงทุนไปในหุ้นปันผลสูงได้ถึง 30 หุ้น ซึ่งขั้นตอนและวิธีการซื้อขาย ETF ก็ไม่ต่างจากการซื้อขายในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ในการสร้างพอร์ตลงทุนเป็นไปตามเป้าหมาย วินัยในการลงทุนก็เป็นอีกหัวใจ สำคัญ โดยเฉพาะในสภาวะตลาดผันผวน ที่อาจทำให้เราพะวงอยู่กับการหาจังหวะที่ดีที่สุดในการเข้าลงทุน ทำให้ท้ายที่สุดแล้วอาจไม่ได้ลงทุนตามที่วางแผนไว้ เพื่อขจัดปัญหานี้ออกไป เราสามารถลงทุนด้วยแนวคิดทยอยลงทุน หรือที่เรียกว่า Dollar Cost Average (DCA) ซึ่งช่วยตัดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจออกไป ทำให้สามารถสร้างพอร์ตลงทุนตามที่วางแผนไว้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้น การ DCA ยังทำให้เราได้หุ้นในราคาต้นทุนที่ถูกถัวเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ซึ่งแม้จะต่ำที่สุดแต่ก็ไม่ใด้สูงที่สุดเช่นกัน จึงเป็นแนวทางที่เหมาะอย่างยิ่งกับการสร้างพอร์ตหุ้นปันผลเพื่อสะสมความมั่งคั่งให้งอกเงยในระยะยาว
ลองมาดูตัวอย่างจริงของการ DCA หุ้นปันผล หากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราทยอยลงทุน 1DIV ทุกเดือน เดือนละ 3,000 บาท คิดเป็นเงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 140,258 บาท (เพื่อให้ครบ Board Lot เงินลงทุนจริงในแต่ละเดือนจึงน้อยกว่า 3,000 บาท) เราจะพบว่า ณ วันที่ 5 มี.ค. 2567 สามารถสะสม 1DIV ได้ทั้งหมด 14,300 หน่วย ด้วยต้นทุนเฉลี่ยหน่วยละ 9.81 บาท โดยมีราคา ณ ปัจจุบันที่ 9.65 บาท แม้ว่าจะมีผลขาดทุนจากส่วนต่างราคา 2,263 แต่ในระหว่างช่วงที่ลงทุน เราจะได้รับเงินปันผลรวม 14,233 บาท เห็นได้ว่าเรายังคงได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้ 11,970 บาท
ทุกคนสามารถทดลองหาผลตอบแทนจากการลงทุนแบบ DCA ในหุ้นที่สนใจโดยใช้ข้อมูลราคาหุ้นย้อนหลังแบบนี้ได้ง่ายๆ ด้วยโปรแกรม “Backtesting” ที่ www.settrade.com และสำหรับผู้ที่อยากเริ่มลงมือทยอยสะสมหุ้นปันผล สามารถใช้ฟังก์ชั่น “DCA Order” ใน Streaming ช่วยซื้อหุ้นให้โดยอัตโนมัติ ทั้งแบบรายเดือนและรายสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าในการตัดสินใจลงทุนนั้น นอกจากเงินปันผลตอบแทนแล้ว ก็ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ของบริษัทประกอบด้วย เช่น ลักษณะธุรกิจ งบการเงิน แผนการดำเนินงานในอนาคต เป็นต้น เพื่อให้สามารถสร้างพอร์ตลงทุนหุ้นปันผลให้งอกเงยได้อย่างมั่นใจ
https://www.settrade.com/th/news-and-articles/articles/393-rinjai-build-a-growing-investment-portfolio-through-dividend-stock-investing
สร้างพอร์ตลงทุนให้งอกเงย ผ่านการลงทุนหุ้นปันผล
ในบรรดาแนวคิดการลงทุนที่มีอยู่มากมาย มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนนำมาใช้เป็นแนวทางการคัดเลือกหุ้นในภาวะปัจจุบัน นั่นคือ การลงทุนหุ้นปันผล ซึ่งหมายถึงการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีการจ่ายปันผลในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยพอร์ตหุ้นปันผลจะเป็นแหล่งช่วยสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและต่อเนื่องในลักษณะ Passive Income ได้เป็นอย่างดี และยังมีโอกาสสร้างกำไรจากส่วนต่างราคาเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
การคัดสรรว่าหุ้นไหนจ่ายปันผลดี ผู้สนใจอาจพิจารณาจากหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SETHD ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดทำขึ้น โดยหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD ทั้ง 30 หุ้น เป็นหุ้นที่ถูกคัดกรองมาอย่างดีว่ามีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและจ่ายปันผลต่อเนื่องมาอย่างน้อย 3 ปี ทั้งยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) และมีสภาพคล่องในการซื้อขาย ซึ่งรายชื่อหุ้นในดัชนี SETHD จะมีการทบทวนทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นในรายชื่อยังคงมีคุณสมบัติตามเกณฑ์การคัดกรอง โดยจากข้อมูล พบว่าในปี 2566 ดัชนี SETHD มี Dividend Yield อยู่ที่ 6.5% เทียบกับดัชนี SET ที่มี Dividend Yield ที่ 3.32% ขณะที่ หากพิจารณาอัตราผลตอบแทนรวม (Total Return) พบว่าในปี 2566 ดัชนี SETHD มีอัตราผลตอบแทนรวมที่ -1.94% ส่วนดัชนี SET มีอัตราผลตอบแทนรวม -12.66% ผู้สนใจสามารถดูรายชื่อหุ้นในดัชนี SETHD ได้ที่เว็บไซต์ https://www.set.or.th
การลงทุนหุ้นปันผลนั้น นอกจากจะลงทุนโดยตรงด้วยตนเองแล้ว ยังมีอีกวิธีที่ง่ายและสะดวก นั่นคือการลงทุนผ่าน ETF ชื่อ 1DIV ซึ่งอ้างอิงดัชนี SETHD ข้อดีของวิธีการนี้คือ แม้จะมีเงินลงทุนน้อย แต่สามารถกระจายการลงทุนไปในหุ้นปันผลสูงได้ถึง 30 หุ้น ซึ่งขั้นตอนและวิธีการซื้อขาย ETF ก็ไม่ต่างจากการซื้อขายในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ในการสร้างพอร์ตลงทุนเป็นไปตามเป้าหมาย วินัยในการลงทุนก็เป็นอีกหัวใจ สำคัญ โดยเฉพาะในสภาวะตลาดผันผวน ที่อาจทำให้เราพะวงอยู่กับการหาจังหวะที่ดีที่สุดในการเข้าลงทุน ทำให้ท้ายที่สุดแล้วอาจไม่ได้ลงทุนตามที่วางแผนไว้ เพื่อขจัดปัญหานี้ออกไป เราสามารถลงทุนด้วยแนวคิดทยอยลงทุน หรือที่เรียกว่า Dollar Cost Average (DCA) ซึ่งช่วยตัดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจออกไป ทำให้สามารถสร้างพอร์ตลงทุนตามที่วางแผนไว้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้น การ DCA ยังทำให้เราได้หุ้นในราคาต้นทุนที่ถูกถัวเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ซึ่งแม้จะต่ำที่สุดแต่ก็ไม่ใด้สูงที่สุดเช่นกัน จึงเป็นแนวทางที่เหมาะอย่างยิ่งกับการสร้างพอร์ตหุ้นปันผลเพื่อสะสมความมั่งคั่งให้งอกเงยในระยะยาว
ลองมาดูตัวอย่างจริงของการ DCA หุ้นปันผล หากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราทยอยลงทุน 1DIV ทุกเดือน เดือนละ 3,000 บาท คิดเป็นเงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 140,258 บาท (เพื่อให้ครบ Board Lot เงินลงทุนจริงในแต่ละเดือนจึงน้อยกว่า 3,000 บาท) เราจะพบว่า ณ วันที่ 5 มี.ค. 2567 สามารถสะสม 1DIV ได้ทั้งหมด 14,300 หน่วย ด้วยต้นทุนเฉลี่ยหน่วยละ 9.81 บาท โดยมีราคา ณ ปัจจุบันที่ 9.65 บาท แม้ว่าจะมีผลขาดทุนจากส่วนต่างราคา 2,263 แต่ในระหว่างช่วงที่ลงทุน เราจะได้รับเงินปันผลรวม 14,233 บาท เห็นได้ว่าเรายังคงได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้ 11,970 บาท
ทุกคนสามารถทดลองหาผลตอบแทนจากการลงทุนแบบ DCA ในหุ้นที่สนใจโดยใช้ข้อมูลราคาหุ้นย้อนหลังแบบนี้ได้ง่ายๆ ด้วยโปรแกรม “Backtesting” ที่ www.settrade.com และสำหรับผู้ที่อยากเริ่มลงมือทยอยสะสมหุ้นปันผล สามารถใช้ฟังก์ชั่น “DCA Order” ใน Streaming ช่วยซื้อหุ้นให้โดยอัตโนมัติ ทั้งแบบรายเดือนและรายสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าในการตัดสินใจลงทุนนั้น นอกจากเงินปันผลตอบแทนแล้ว ก็ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ของบริษัทประกอบด้วย เช่น ลักษณะธุรกิจ งบการเงิน แผนการดำเนินงานในอนาคต เป็นต้น เพื่อให้สามารถสร้างพอร์ตลงทุนหุ้นปันผลให้งอกเงยได้อย่างมั่นใจ
https://www.settrade.com/th/news-and-articles/articles/393-rinjai-build-a-growing-investment-portfolio-through-dividend-stock-investing