ตามข่าวฮอตเกี่ยวกับแก๊ง Call Center ดูดเงินโดยใช้การยืนยันตัวตนโดยใช้เสียง โดยตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่ก็ดูคลิปไปจนจบ ก็ยังเชื่อว่าเป็นไปได้ยากอยู่ดี ซึ่งในช่วงแรก ทางตำรวจที่มาร่วมในรายการ ซึ่งท่านก็เป็นถึงรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยช่วงแรกท่านก็เหมือนกับว่ายืนยันว่าไม่มี น่าจะไปกดลิ้งอะไรก่อน แต่เมื่อฟังไปจนจบ ก็เริ่มเสียงอ่อน และยอมรับว่าจะเป็นไปได้ หากทางแก๊ง Call Center ได้ข้อมูลส่วนตัวไปเกือบครบ โดยการยืนยันทางเสียง จะเกิดขึ้นเป็นขั้นตอนท้ายๆ โดยเท่าที่ฟังดู ข้อมูลส่วนตัว เลขบัตรประชนชน รวมถึงภาพถ่ายบัตรประชาชน จะได้จากการแฮกหรือได้มาโดยมิชอบข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ส่วนการสแกนใบหน้า รวมถึงรูปแบบการยืนยันตัวตนทางใบหน้า จะได้จากการยืนยันตัวตนใบหน้าตามร้านซิมที่เคยไปยืนยันตัวตนมาก่อน และจะใช้เทคโนโลยีทางแอปช่วย ไม่ว่าจะเป็นการกระพริบตา หรือรูปเคลื่อนไหวอื่นๆ ดังนั้นหากแก๊ง Call center โทรมาและยืนยันข้อมูลคุณได้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ก็อย่าพึ่งไปคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ เพราะแก๊งพวกนี้มันสามารถหาข้อมูลเราได้หมด ไม่แปลก ตามข่าว เขารู้กระทั่งว่าคุณมีเงินในบัญชีกี่สิบล้าน กี่ร้อยล้าน และกาหัวคุณไว้ว่าจะดูดเงินจากบัญชีคุณให้ได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือ อย่าไปคุยเล่นกับแก๊งคอลเซนเตอร์ หรือไปตอบรับใดๆ แม้ว่าเค้าจะบอกข้อมูลเราได้ถูกต้องก็ตาม ทางที่ดีที่สุดคือ รีบวางสายให้เร็วที่สุด
แต่สิ่งนึง ที่รู้สึกตะหงิดๆ คือการที่มีสมาคมธนาคารฯ รีบมาปฏิเสธว่าไม่มีการยืนยันตัวตนโดยใช้เสียงแต่อย่างใด แล้วรีบออกหนังสือยืนยันเพื่อเกรงว่าประชาชนจะตื่นตะหนกอย่างไรก็ไม่ทราบ ก็ดีครับ ถือว่าคุณแสดงความชัดเจนออกมาให้ประชาชนเลิกตื่นตะหนก แต่ปรากฏว่าผมลองเสริชหาข้อมูลดู กลับพบว่ามีบางธนาคาร(ผ่านคอลเซนเตอร์คอนซูมเมอร์ที่ทำธุรกรรมด้านบัตรเครดิต ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่ธนาคารโดยตรง แต่ก็เกี่ยวข้องกับธุรกรรมต่างๆของธนาคารโดยตรง เช่นการให้เครดิต การปล่อยกู้ วงเงินสดฉุกเฉิน เป็นต้น) ที่ใช้การยืนยันตัวตนด้วยเสียง เพื่อทำธุรกรรมต่างๆอยู่ นั่นแปลว่าอะไรครับ และที่น่าตลกคือผลเสริช มันดันมาอยู่ติดกันซะอีก ถือเป็นตลกร้ายจริงๆ ตามรูป
ผมเลยไปหาข้อมูลว่าวิธีการยืนยันตัวตนด้วยเสียงนั้นทำอย่างไร ก็พบขั้นตอนดังนี้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเป็นของกรุงศรีคอนซูมเมอร์ เพื่อรองรับเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินด้านบัตรเครดิตเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับบัญชีเงินฝากในธนาคารแต่อย่างใด
ซึ่งหากเป็นดังนี้ การที่แก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้เสียงเราเองในการยืนยันในการเป็นเจ้าของบัญชีมันก็เป็นไปได้ไหม ที่จะได้รับการยืนยัน และผ่านจากบัตรเครดิตของธนาคารเพื่อทำธุรกรรมได้ในบางประเภท หรือไม่ และประเภทนั้นมีความสำคัญหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่ได้ใช้เพื่อโอนเงินโดยตรงจากบัญชี แต่น่าจะเป็นธุรกรรมบางประเภทเท่านั้น
คลิปต้นเรื่อง ตามที่เป็นข่าว
******************************************************
ครับผม ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ทุกๆคห. ที่ตอบแบบสุภาพชน ที่จริงอยากให้ธนาคารแก้ไขประโยคนี้ให้ชัดเจน จะได้ไม่เป็นที่เข้าใจผิด บอกตรงๆ ถ้าไม่มีแก๊งคอลเซนเตอร์แนวนี้มา ผมก็สนใจจะไปทำนะ เพราะเข้าใจว่าไม่น่ามีคนเลียนเสียงเราในการทำธุรกรรมได้แน่นอน เพราะมันจะช่วยความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง อย่างแก๊งคอล ยังไงมันก็เลียนเสียงเราก่อนโอนไม่ได้แน่นอน เพราะบางทียืนยันใบหน้าอย่างเดียว มันก็เริ่มจับทางได้แล้ว ทั้งพิธีกร และ ผู้มาร่วม ก็บอกว่า สแกนใบหน้ามันไม่ปลอดภัยพอแล้ว ท่านรองโฆษกก็พูดว่า มันคือสงครามเทคโนโลยี โจรมันมักจะไปไวกว่าตำรวจก้าวนึงเสมอ ที่สำคัญ หากใครได้ฟัง เป้าหมายของแก๊งนี้ จะอยู่ที่คนมีเงินหลักสิบล้านขึ้นไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งราชการ ที่มีเงินมากผิดปรกติ เพราะพวกนี้เชื่อว่า ข้าราชการจะไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะเกรงจะปูดข้อหาร่ำรวยผิดปรกติ
ที่น่าคิดคือพวกนี้มีการประชุมกันทุกวัน เพื่อรักษายอดให้ได้วันละ 150 ล้าน โดยสุมหัวหาวิธีการใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ยอดตก ตามคลิปเห็นว่า เป็นระดับบิ๊กๆ คนจีนที่พูดภาษาไทยไม่ได้ ต้องใช้ล่าม หากวันไหนยอดตกผิดปรกติ จะต้องมาประชุมกันคร่ำเคร่ง เพื่อหาวิธีการใหม่ๆต่อไป วันนึงอาจเป็นเงินกระเป๋าท่านก็ได้ หากไม่สนใจจะติดตามเทคโนโลยีพวกนี้ และตกอยู่ในความประมาท ว่ามันจะไม่มาถึงเรา เราจะไม่มีวันถูกมันโกง เพราะเมื่อถึงวันนั้น มันก็สายไปแล้ว
โอกาสจะอายัดบัญชีม้าได้ มีแค่ 20 กว่า % เท่านั้น หากท่านรู้ตัวว่าโดน 1441 ทันทีครับ อันนี้ท่านรองโฆษก ฝากบอกแก่ประชาชนทุกคนครับ
หมายเหตุ กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาเพื่อให้ผู้อ่านเกิดความตื่นตะหนกเกินเหตุ แต่ควรอ่านข้อมูลให้จบก่อนเม้นใดๆ และใช้วิจารณญาณ ในการอ่านและตอบ และประเด็นกระทู้ไม่เกี่ยวหรือไม่ได้บอกว่าเหตุการณ์ในคลิปทำได้จริงหรือเป็นจริง แต่ขอให้ผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้องช่วยกันป้องกัน และไม่ประมาทต่อการดำเนินธุรกรรมการเงินใดๆ อย่างมีสติ
ตามข่าวดูดเงินโดยใช้เสียง ก่อนสมาคมธนาคารฯปฏิเสธทันที ถามหน่อย พวกคุณได้คุยกันบ้างรึเปล่าครับ
แต่สิ่งนึง ที่รู้สึกตะหงิดๆ คือการที่มีสมาคมธนาคารฯ รีบมาปฏิเสธว่าไม่มีการยืนยันตัวตนโดยใช้เสียงแต่อย่างใด แล้วรีบออกหนังสือยืนยันเพื่อเกรงว่าประชาชนจะตื่นตะหนกอย่างไรก็ไม่ทราบ ก็ดีครับ ถือว่าคุณแสดงความชัดเจนออกมาให้ประชาชนเลิกตื่นตะหนก แต่ปรากฏว่าผมลองเสริชหาข้อมูลดู กลับพบว่ามีบางธนาคาร(ผ่านคอลเซนเตอร์คอนซูมเมอร์ที่ทำธุรกรรมด้านบัตรเครดิต ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่ธนาคารโดยตรง แต่ก็เกี่ยวข้องกับธุรกรรมต่างๆของธนาคารโดยตรง เช่นการให้เครดิต การปล่อยกู้ วงเงินสดฉุกเฉิน เป็นต้น) ที่ใช้การยืนยันตัวตนด้วยเสียง เพื่อทำธุรกรรมต่างๆอยู่ นั่นแปลว่าอะไรครับ และที่น่าตลกคือผลเสริช มันดันมาอยู่ติดกันซะอีก ถือเป็นตลกร้ายจริงๆ ตามรูป
ผมเลยไปหาข้อมูลว่าวิธีการยืนยันตัวตนด้วยเสียงนั้นทำอย่างไร ก็พบขั้นตอนดังนี้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเป็นของกรุงศรีคอนซูมเมอร์ เพื่อรองรับเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินด้านบัตรเครดิตเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับบัญชีเงินฝากในธนาคารแต่อย่างใด
ซึ่งหากเป็นดังนี้ การที่แก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้เสียงเราเองในการยืนยันในการเป็นเจ้าของบัญชีมันก็เป็นไปได้ไหม ที่จะได้รับการยืนยัน และผ่านจากบัตรเครดิตของธนาคารเพื่อทำธุรกรรมได้ในบางประเภท หรือไม่ และประเภทนั้นมีความสำคัญหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่ได้ใช้เพื่อโอนเงินโดยตรงจากบัญชี แต่น่าจะเป็นธุรกรรมบางประเภทเท่านั้น
คลิปต้นเรื่อง ตามที่เป็นข่าว
ที่น่าคิดคือพวกนี้มีการประชุมกันทุกวัน เพื่อรักษายอดให้ได้วันละ 150 ล้าน โดยสุมหัวหาวิธีการใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ยอดตก ตามคลิปเห็นว่า เป็นระดับบิ๊กๆ คนจีนที่พูดภาษาไทยไม่ได้ ต้องใช้ล่าม หากวันไหนยอดตกผิดปรกติ จะต้องมาประชุมกันคร่ำเคร่ง เพื่อหาวิธีการใหม่ๆต่อไป วันนึงอาจเป็นเงินกระเป๋าท่านก็ได้ หากไม่สนใจจะติดตามเทคโนโลยีพวกนี้ และตกอยู่ในความประมาท ว่ามันจะไม่มาถึงเรา เราจะไม่มีวันถูกมันโกง เพราะเมื่อถึงวันนั้น มันก็สายไปแล้ว
โอกาสจะอายัดบัญชีม้าได้ มีแค่ 20 กว่า % เท่านั้น หากท่านรู้ตัวว่าโดน 1441 ทันทีครับ อันนี้ท่านรองโฆษก ฝากบอกแก่ประชาชนทุกคนครับ
หมายเหตุ กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาเพื่อให้ผู้อ่านเกิดความตื่นตะหนกเกินเหตุ แต่ควรอ่านข้อมูลให้จบก่อนเม้นใดๆ และใช้วิจารณญาณ ในการอ่านและตอบ และประเด็นกระทู้ไม่เกี่ยวหรือไม่ได้บอกว่าเหตุการณ์ในคลิปทำได้จริงหรือเป็นจริง แต่ขอให้ผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้องช่วยกันป้องกัน และไม่ประมาทต่อการดำเนินธุรกรรมการเงินใดๆ อย่างมีสติ