แฟนติดคุก แต่....

สวัสดีคะ  
เราอายุ 40 ปี มีลูก 1 คนเป็นผู้ชายอายุ 14 ปี กับพ่อที่อายุ 75 ปี เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิต และก็ไต แม่เราเสียไปนานแล้ว ครอบครัวเรามีกันอยู่แค่นี้ ญาติทางแม่ก็พ่อก็ไม่ค่อยสนิทกันคะ แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่บ้าง

เรื่องมีอยู่ว่า เราเลิกกับพ่อของลูกชายเรามาตั้งแต่ลูกอายุ4 ขวบ แฟนคนนี้หลอกให้เราเอาบ้านและที่ดินให้เขาไปลงทุนทำบริษัท และให้เราเป็นคนลงนามในบริษัท ท้ายที่สุดแฟนเราโดนผู้ร่วมเงินทุนมาฟ้องฉ้อโกงเพราะเขาไปเอาเงินคนอื่นมาลงทุนแล้วไม่ให้เงินเขา แล้งเราก็โดนข้อหานี้ไปด้วย ตอนนั้นเราหมดตัว ทุกอย่างโดนยึดหมด ไม่มีเงินสู้คดีเลย แฟนคนนี้บอกให้เราหนี เราก็หนีคดีมาโดยตลอด ในระหว่างนั้นทางเลือกเราไม่มีมากเราเลยต้องทำงานสีเทาเพื่อเลี้ยงตัวและลูกและพ่อ งานที่ว่าก็คือขายไวอากร้า ยาปลุกเซ็กซ์ พวกนี้ ซึ่งรายได้ก็ถือว่าทำให้เราเลี้ยงพ่อและลูกชายได้ ช่วงให้หลังลูกเราอายุได้ 11 ปี เราก็มาเจอผู้ชายคนนึง จากสำนักสักยันต์ ก็ด้วยความเหงา แล้วด้วยความผิดหวังว่าแฟนคนเก่าเป็นคนพูดเพราะ ปากหวาน หน้าตาดี แต่คนที่เข้ามเป็นคนพูดจากตรง ปากเสียบ้าง ไม่หล่อ สักเต็มตัวเลย ก็เลยคิดว่าลองคบแนวนี้ดูสิ เผื่อว่าจะจริงใจและดีกว่า 

ในตอนที่คบกัน เขาก็ทราบว่าเราทำอาชีพนี้ ทราบมาแต่แรก และก็ทราบว่าเราติดคดี เราไม่สามารถจะไปทำงานอื่นๆ ได้ เพื่อเลี้ยงชีพ สุดท้ายเขาก็ขอมาอยู่กับเรา (มาขอพ่อเราด้วยผ้าขาวม้า 1 ผืน) ซึ่งพ่อเราไม่ว่า เพราะเขาให้เราตัดสินใจ แต่พูดเพียงว่าถ้าวันไหนตีกันทำร้ายกันก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน อย่าทำร้ายลูกพ่อเท่านี้
ในระหว่างที่เขามาอยู่เขาก็ไม่ได้หาอาชีพอะไร เขาขอมาช่วยเรา ขายไวอากร้า ยาปลุกเซ็กซ์ พวกนี้เพราะเขาเห็นว่ารายได้ก็พอใช้ได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ก็ช่วยกัน แต่ในระหว่างนั้นปัญหามันเกิดตรงที่ จากที่เขาเคยเคารพพ่อ เขาก็เริ่มมีความเห็นไม่ตรงกับพ่อ และลูกชายเรา เริ่มด่าทอลูกชายเราว่า เป็นลูกเทวดา เป็นตุ๊ดหรือเปล่า อ่อนหัด เริ่มด่าพ่อ ไม่ว่าพ่อจะพูดอะไรเขาจะขัดพ่อทุกเรื่องด้วยวาจาที่ดูหมิ่น เหยียดหยามพ่อ เราเองลำบากใจเรื่องนี้มาตลอด แต่ก็พยายามให้อภัย และ ให้ปรับตัวกัน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ดีขึ้น จากที่คิดว่าคนพูดตรงจะดีแต่กลับกลายเป็นคนพูดจาไม่ให้กำลังใจ ถากถางเราเวลาเรามีปัญหาก็คอยซ้ำเติม ความสัมพันธ์ มีแค่เซ็กซ์ แต่ความรักแบบความเข้าใจนั้นไม่ค่อยมี ความอ่อนโยนไม่มีให้กัน แต่เราก็อดทนเพราะเราคิดว่าเขาก็ดีไม่นอกใจเรา และก็ช่วยเราทำงานอยู่บ้าง ซึ่งเขาก็หาเงินได้ไม่มาก เพราะแค่มาช่วยเราทำงาน เราจะเป็นหลักของบ้านมากกว่า 

แต่พอเราเริ่มขายของได้มากขึ้น มีรายได้มากขึ้น แฟนเราก็เริ่มจะขอ ขอรถ ขอของใช้แบรนด์เนมหรูๆ  ซึ่งเราไม่ชอบขัดใจแฟนเรา เราก็เลยให้เขาไปโดยตลอด ไม่เคยขัดใจเขาเลย เขาใช้ของดีๆ มีเงิน โพสอวดคนนั้นคนนี้ว่ามีเงิน ในขณะที่เรายังใช้ของราคาหลักร้อยในบ้างครั้ง  ในตอนที่เริ่มมีเงินเราก็เริ่มคิดจะมอบตัว และไปสู้คดี (คดีของเราที่แฟนเก่าทำไว้)  แต่ทางแฟนคนนี้ก็คัดค้านไว้บอกว่าเราหนีมาจะหกปีแล้วถ้ามอบตัวสู้คดี เขาจะให้เราประกันตัวเหรอ? แล้วถ้าไม่ให้ประกันแล้วใครจะหาเลี้ยงครอบครัว พ่อเรา ลูกเรา เขาคนเดียวดูแลครอบครัวเราไม่ได้หรอกนะ แล้วถ้าไม่มีเรา เขาก็คงอยู่กับพ่อกับลูกเราไม่ได้หรอก เพราะพ่อกับลูกเราเป็นพวกเทวดา ลำบากไม่เป็น สุดท้ายเราก็เชื่อเขาด้วยการไม่ได้ไปมอบตัวและหลบหนีต่อไป

จนสุดท้าย ตำรวจมาจับถึงบ้าน แต่ออกหมายจับเขาคนเดียว เพราะเขาเป็นคนไปส่งของ เขาให้การว่าเขาทำคนเดียวไม่เกี่ยวกับเรา เขาบอกว่าถ้าบอกว่าทำด้วยกันใครจะหาเงินมาดูแลครอบครัวและมาประกันตัวเขา และเสียค่าปรับให้เขา ดังนั้นให้เขารับคนเดียวดีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เราต้องหาเงินมาประกันเขา

พอเขาได้ออกมา เราก็คุยกันว่าตัวเรายังติดคดีนะ เราไปทำงานไม่ได้ เราไม่สามารถทำงานในที่สว่างได้ เงินทุนก็ไม่มี แฟนเราก็บอกว่าก็ไม่รู้จะทำอะไร ( ทั้งที่เขาทำงานอื่นได้ ไม่ได้ติดคดีอะไร) แต่เขาก็เลือกที่จะทำงานเดิมเพราะต้องการเงินเยอะๆ แล้วจะได้รักษาสภาพชีวิตแบบเดิมต่อไปได้ ซึ่งเรายอม แต่เราก็ไม่สบายใจลึกๆ เพราะกลัวว่าจะโดนจับอีก 

แล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ คือแฟน ก็โดนจับอีก คราวนี้ตำรวจยึดไปทุกอย่าง ตัวเราเองโดนดำเนินคดีด้วยเลยจากคดีเก่าที่หนีมา แต่คงด้วยบุญที่เคยทำ ทำให้เพื่อนเราที่เป็นทหารมาช่วยประกันตัวออกไป ซึ่งมันต้องใช้หลักทรัพย์ และแฟนเราเขาก็โทรหาเพื่อนเขาสองคนให้ช่วยเรื่องเงินประกันเรา สามหมื่บาท เพื่อช่วยให้เราออกมาจากตรงนั้นก่อน ออกมาหาเงินเพื่อช่วยเขา หลังจากที่เราออกมา พ่อเราและลูกเราก็พูดว่าตั้งแต่เราเอาผู้ชายคนนี้มา พวกเขาไม่เคยมีความสุขเลย เขาอดทนให้ผู้ชายคนนี้ด่าและเหยียดหยามมาโดยตลอด เพราะเขารักเราเขาจึงเก็บเงียบไม่พูดอะไร
แต่ตั้งแต่มีผู้ชายคนนนี้เข้ามาก็มีแต่ความเดือดร้อน เขาก็เอาเงินที่ได้มาแทนที่จะเก็บ เพื่อเอาไปทำงานที่สุจริตแต่ก็เอาเงินไปซื้อของแพงๆ รองเท้าแพงๆ เสื้อผ้าแพงๆ กินของแพงๆ เพื่ออวดว่าตนเองมี  พ่อเรากับลูกเราพูดว่า เขาไม่ได้ขอให้เราทิ้งแฟนเราตอนนี้แต่ให้เราส่งเงิน ส่งข้าวให้แฟนของเราในคุกให้เขามีข้าวกิน และมีเงินใช้ แต่พอออกมาจากคุกแล้วขอให้เลิกรากันได้หรือไม่?? เพราะครั้งนี้เราสามารถทำงานหาเงินอย่างสุจริตได้แล้วและไม่ต้องกลับไปทำแบบเดิม ,สามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้แล้ว เพราะเราประกันตัวและนัดไกล่เกลี่ย ผ่อนเงินกับเจ้าทุกข์ เรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่ลูกและพ่อเราเขาไม่ไหวและไม่อยากทนอีกต่อไปก็คือนิสัยของแฟนเราคนนี้ ลูกเราถึงขนาดถามเราว่า "แม่เป็นลูกแบบไหน เอาผู้ชายเข้ามาด่าพ่อตัวเองถึงในบ้าน" ทุกวันๆ ไม่ละอายบ้าง !!

ล่าสุด เราวีดีโดคอลไปหาเขา เยี่ยมทางไลน์ เขาบอกสั่งเราว่าเราต้องซื้อแกงให้เขาสองถุงทุกวัน เขาไม่อยากกินข้าวคุก แล้ว ให้เราไปสมัครจดหมายจากเซเว่น จะได้เขียนมาสั่งมาบอกเราได้ว่าเขาต้องการอะไรบ้าง ตอนนั้นเราพยายามจะบอกว่าเราเองก็ลำบาก เพราะเงินที่ได้มาโดนตำรวจยึดไปหมด แต่ก็เหมือนว่าเขาไม่ยอมฟังเท่าไหร่ เขายังบอกอีกว่า เขาไม่น่าจะโดนจำคุก แต่อาจจะโดนแค่ค่าปรับ ซึ่งเดี๋ยวทำเรื่องผ่อนผันเอา แล้วให้เราหาเงินมาจ่ายให้เขาผ่อนไปเรื่อยๆ ทุกอย่างคือเราหมด เราบอกเขาว่าเราคงไม่กลับไปทำงานเดิมแล้ว เพราะตอนนี้เราทำงานสุจริตได้แล้ว แต่เราเลี้ยงทั้งพ่อและลูกเรา เราเองก็จะไม่ไหว ถ้าให้เราเลี้ยงเขาอีกคนเราก็คงไม่ไหว เขาบอกว่าเขาจะไปขายหมูปิ้งช่วย ซึ่งเงินทุนในการขายหมูปิ้งคนที่หามาให้ก็คือเราอีกนั้นละ 

ตอนนี้เรากำลังรู้สึกแย่มากๆ และไม่รู้ว่าเราควรจะรับผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาในชีวิตต่อหรือไม่?? ในใจเราเราสงสารพ่อเราและลูกเราที่เขาต้องอดทนกับผู้ชายคนนี้ และก็เริ่มสงสารตัวเองที่ตามใจเขามาก จนเขาขึ้นมาขี่หัวเรา และบงการเราทุกอย่าง

อีกใจ เราไม่กล้าทิ้งเขาเพราะ ตอนนี้เป็นตอนที่เขาลำบาก ออกมาจากคุกจะทิ้งเขาได้ยังไง  อีกอย่างเรื่องเงินประกันตัวของเราเขาเองก็มีส่วนช่วยขอยืมเพื่อนเขามาให้เรา ( แต่เราเป็นคนผ่อนใช้นะ)  

ตอนนี้ความคิดมันตีกันไปหมดจะให้เขากลับมาในชีวิต แต่ก็รู้ว่า ในอนาคตเขาก็จะมาพูดจ่าเหยียดหยาม ด่าทอ พ่อเราและลูกเราเหมือนเดิม มาวางก้ามในบ้านเหมือนเดิม มาบงการเราเหมือนเดิม 

แต่ถ้าจะให้ทิ้งเขา เราจะดูเป็นคนเลวหรือไม่?? 

เราบอกก่อนว่าไม่คิดจะทิ้งเขาในคุกนะคะ เราจะส่งเงินส่งข้าวให้เขาทุกวันจนเขาออกจากคุก ให้เขาใช้ชีวิตในคุกสบายที่สุด
แต่คำถามของเราคือหลังจากออกจากคุกเราจะเลิกกับเขา ก็คือให้เขาหาเงินมีชีวิตของเขาเอง หรือ ถ้าเขาลำบาก เราอาจจะช่วยหาเงินสักก้อนให้เขามีเงินทุนในชีวิตต่อไปจะดีหรือไม่ ?? 

หรือ เราควร ให้เขากลับเข้ามาในชีวิตเราเหมือนเดิม ??

อยากขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ และ พี่ๆ ป้าๆ น้า ๆ อาๆ คะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
อายุขนาดนี้ เป็นแม่คนแล้ว แต่ยังเอาผู้ชายมาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นอยู่อีก
ความคิดเห็นที่ 17
ชีวิตครอบครัวตลาดล่างโดยแท้ ไม่รู้อะไรถูกผิด ใช้แต่อารมณ์เป็นตัวตัดสินใจ จะหาผัว ก็ไม่หาผัวดีๆ คิดน้อย เอาอารมณ์ความเหงา ความใคร่ เป็นตัวนำ พอผิดแล้ว ผัวทำตัวแย่ เกาะกิน ด่าพ่อตัวเอง ด่าลูก ก็ยังอุตส่าห์หลอกตัวเองว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่นอกใจ

แนะนำให้คุณย้ายที่อยู่ หางานใหม่ เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ มีชีวิตใหม่ ตัดขาดจากคนร่วมชีวิตแบบนี้เสีย

ถ้าคุณจะตอบแทนเขา ตอนเขาอยู่ในคุก ก็ฝากเงินเข้าบัญชีคุกของเขา พอเขาออกมาก็จะมีเงินก้อนนี้ทำทุน หรือจะไปเยี่ยม ฝากอาหารให้เขาก่อนออกจากคุกก็แล้วแต่ แต่อย่าไปบอกเขาว่าคุณย้ายไปอยู่ที่ไหน เขาจะตามไปราวีคุณแน่นอน
ความคิดเห็นที่ 11
ผมไม่ได้มองว่าเขาเป็นตัวถ่วงคุณนะ... แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้น...
สิ่งเดียวที่บอกได้คือ อย่างน้อยเขาก็รักคุณและห่วงคุณ...

ฝากไว้ให้คิด...
1. คุณขายไวอากร้า ยาปลุกเซ็กซ์ มาก่อนที่จะรู้จักกับเขา
2. ครั้งแรกที่โดนจับ เขายอมโดนจับคนเดียว พยายามกันคุณออกมา
3. ครั้งที่สองที่โดนจับ เขาโทรหาเพื่อนให้ช่วยประกันตัวคุณออกไป แทนที่จะเป็นเขา
4. ให้เขาใช้ชีวิตในคุกสบายที่สุด ? คุกที่ไหนสบายครับ ? ถูกขัง ปราศจากอิสรภาพ มันสบายตรงไหน ?

ประเด็นอยู่ตรงที่....
ก่อนหน้านี้... ถึงคุณจะไม่ได้ตกลงคบหากับเขา คุณก็ยังต้องขายไวอากร้า ยาปลุกเซ็กซ์ ใช่หรือไม่ ?
ถ้าคุณยังขาย... คุณก็ต้องส่งของ... และคนที่โดนจับ ก็อาจเป็นคุณ ใช่หรือไม่ ?
หลังจากโดนจับแล้ว คุณไม่สามารถทำงานอื่นได้เพราะติดคดี สุดท้ายก็ต้องกลับไปขายอีกเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ ?

หากจะให้พูดตรงๆก็คือ... ถึงจะไม่มีเขาเข้ามาในชีวิต คุณก็ยังวนเวียนอยู่ในวังวนสีเทาแบบนี้...
คุณใช้ข้ออ้างว่าไม่สามารถทำงานอื่นได้เพราะติดคดี...
อาชีพค้าขายมีของให้เลือกขายตั้งหลายอย่าง แต่คุณเลือกที่จะขายของสีเทาๆ เพราะรายได้มันดี เองหรือเปล่า ?

ที่ผมพยายามจะสื่อก็คือ....
" การมีแฟนหรือคู่ชีวิต ถ้ามีแล้วไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ก็อย่ามีเสียดีกว่า "

ถึงแม้คุณจะติดอยู่ในวังวนสีเทา (ไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือ จำใจ ก็ตาม)
แฟนคุณก็ควรมองเห็นตรงจุดนี้ ควรมองเห็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต..
ควรพยายามมองหาลู่ทางทำอาชีพอื่น หารายได้อื่นมาชดเชย แล้วค่อยๆดึงคุณออกจากวังวน..
ไม่ใช่สนับสนุนให้อยู่ในวังวนต่อไป แล้วก็ chip หาย ร่วมกันอย่างที่เป็นอยู่...

สรุปนะ.... สิ่งที่คุณควรทำคือ.... หาทางช่วยเขาออกมาจากคุก (เพราะเขาเคยช่วยคุณมาก่อน) จะได้เจ๊ากันไป...
หลังจากนั้น.... ทางใครทางมัน....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่