ข้อมูลส่วนตัวมันรั่ว ไปถึงมิจฉาชีพ เพราะพวกนี้นี่เอง!!!

รวบคาบ้าน เจ้าหน้าที่ธนาคารฝ่ายสินเชื่อ ขายข้อมูลลูกค้า
สืบสวนทราบว่า จะทยอยนำรายชื่อลูกค้า ครั้งละ 3,000-5,000 รายชื่อ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเครดิตดี ไปจำหน่ายต่อในราคารายชื่อละ 1 บาท 
ทำให้มีรายได้เพิ่มเติมในแต่ละเดือนหลักหลาย 10,000 บาท โดยกระทำการในลักษณะเช่นนี้มาแล้วกว่า 1-2 ปี 


ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังบุกจับคาบ้าน เจ้าหน้าที่ธนาคารฝ่ายสินเชื่อ ขายข้อมูลลูกค้า กว่า 5,000 รายชื่อ รายได้เดือนละหลายหมื่นบาท ทำมาแล้วกว่า 2 ปี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ก.พ.2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทอง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.
 
แถลงจับกุมตัว นายสุวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 506/2567 ลงวันที่ 6 ก.พ.2567 ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่บ้านพระปิ่น 3 ม.17 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
 ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังบุกจับคาบ้าน เจ้าหน้าที่ธนาคารฝ่ายสินเชื่อ ขายข้อมูลลูกค้า กว่า 5,000 รายชื่อ
โดยผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ลักลอบนำข้อมูลลูกค้าของสถาบันการเงินมาดัดแปลง แก้ไข และนำไปจำหน่ายต่อให้กลุ่มที่สนใจ อาทิ ตัวแทนสินเชื่อ ตัวแทนประกัน ซึ่งบางกรณีตกไปอยู่ในมือของกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเคอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
 
 
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลผู้ที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปขายให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งข้อมูลของลูกค้า แลกเปลี่ยนข้อมูลลูกค้า
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นพบคอมพิวเตอร์พกพาและโทรศัพท์มือถือ ที่เก็บไฟล์ภาพข้อมูลของลูกค้าและประชาชนที่ซื้อขายข้อมูลมาจากบุคคลอื่น และข้อมูลลูกค้าที่ผู้ต้องหาถือเก็บไว้ และเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง
 
โดยทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายสินเชื่อในการประสานงานกับลูกค้า จึงมีการเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ส่วนหนึ่งโดยทำการจดบันทึกและจัดทำเป็นไฟล์เอกสารแล้วจึงนำไปจำหน่ายต่อให้กับกลุ่มนายหน้าประกัน นายหน้าสินเชื่อของสถาบันธนาคารการเงินอื่น โดยไม่ถูกขั้นตอนของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โดยจะทยอยนำรายชื่อลูกค้า ครั้งละ 3,000-5,000 รายชื่อ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเครดิตดี ไปจำหน่ายต่อในราคารายชื่อละ 1 บาท ทำให้มีรายได้เพิ่มเติมในแต่ละเดือนหลักหลาย 10,000 บาท โดยกระทำการในลักษณะเช่นนี้มาแล้วกว่า 1-2 ปี เพื่อใช้ข้อมูลชื่อลูกค้าในการทำงานฝ่ายสินเชื่อมากขึ้น
 
การหลอกลวงของมิจฉาชีพในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนวิธีการโดยจะใช้วิธีซื้อข้อมูลเหยื่อจากกลุ่มตลาดมืดที่เป็นข้อมูลพรีเมียม กล่าวคือเป็นข้อมูลเหยื่อที่มีเครดิตชั้นดี ซึ่งทำให้กลุ่มมิจฉาชีพสามารถตีสนิทเหยื่อได้ง่ายกว่า
เนื่องจากมีข้อมูลจำเพาะเจาะจงทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่ภาคเอกชนต่าง ๆ ติดต่อมาจริง ทำให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก ก็เพราะมีแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่รั่วไหลมาจากสถานบันการเงิน สถาบันสินเชื่อต่าง ๆ
 
จึงต้องเร่งปราบปรามผู้กระทำผิดในลักษณะนี้ตามนโยบายของรัฐบาล ติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดในคดีนี้ให้จงได้ กระทั่งสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดในการซื้อขายข้อมูลประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง
และได้ประสานข้อมูลการสืบสวนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โดยตรวจสอบขยายผลเพื่อดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ให้ครบถ้วนทั้งตัวผู้กระทำผิดและมีมาตรการทางปกครองต่อหน่วยหรือสถาบันที่แหล่งข้อมูลมีการรั่วไหลเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน
 
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_8097842
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่