ช่วงฝุ่น PM 2.5 มาหนักๆ แบบนี้ เห็นมีหลายๆ ท่านตื่นตัวในเรื่องนี้กันมาก มีการถกเถียงกันถึงที่มาของฝุ่น และมีการอ้างรายงานสรุปจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือว่า ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ เกิดจากเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก ส่วนการเผาไม่ใช่ปัจจัยหลักของปัญหาฝุ่นในพื้นที่นี้เลย

ผมคิดว่าสรุป pie chart นี้อาจจะถูก แต่ ข้อมูลนี้น่าจะเป็นประมาณการสัดส่วน
ฝุ่นที่เกิดขึ้นจากในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่สัดส่วนฝุ่นในกรุงเทพฯ นะครับ ที่จะสื่อคือเราอาจตีความจากข้อมูลนี้ไม่ถูกต้อง กรุงเทพฯ มีการเผาในที่โล่งไม่มากนัก แต่มีรถวื่งหนาแน่นจึงมีสัดส่วน origin of dust ตาม chart นี้ แต่ฝุ่นในพื้นที่ส่วนใหญ่ปลิวมาจากเผาไร่ในต่างจังหวัดและต่างประเทศโน่น มาช่วงลมนิ่งจึงเกิดเป็นปัญหาหนักเลย (สัดส่วนผลิตฝุ่นในพื้นที่ ไม่เท่ากับ สัดส่วนฝุ่นในพื้นที่)
เห็นหลายท่านตีความว่าฝุ่น PM 2.5 มาจากรถยนต์และโรงงาน เผาไม่เกี่ยวเพราะเป็นฝุ่นเม็ดใหญ่ ผมอาจเห็นต่าง คิดว่าถ้าเผาน่ะฝุ่นมาหมดทั้งเล็กทั้งใหญ่ เห็นจากออสเตรเลียช่วงมีไฟป่าแรงๆ นี่ฝุ่นทุกค่าพุ่งปริ๊ดหมด
คหสต. ปัญหาฝุ่นไม่ว่าจะ PM ขนาดเท่าใด ส่วนใหญ่เกิดจากการเผา โดยเฉพาะเผาในที่โล่งแจ้งหรือพวกโรงไฟฟ้าถ่านหินยุคเก่า ประเทศที่ฝุ่นสุดๆ อย่างอินเดียเขาก้อเผาไร่กันทั้งประเทศและอินเดียนี่ รฟฟ.ถ่านหินเก่าๆ ไม่คุมคุณภาพอย่างเยอะ Mumbai ไกล้ ocean ยังไม่เท่าไหร่ แต่ Delhi นี่อับลมเหมือนเชียงใหม่ หลายครั้ง Aqi 999 นะครับ (max ของเครื่องวัด) ส่วนบ้านเรานั้น มีลมพัดมีอับลมเป็นช่วงๆ รถก็วิ่งหนาแน่นตลอดเกือบทั้งปี แต่ช่วงฝุ่นหนักๆ คือช่วงเวลาเผาเพื่อการเกษตรทั้งนั้น วันหยุดยาวรถวิ่งน้อยแต่ฝุ่นเยอะเพราะมาจากการเผาไม่ใช่จากท่อไอเสีย
ซึ่งถ้าฝุ่นมาจากเผาเกษตรเป็นหลักจริง ปัญหาเรื่องฝุ่นจะแก้ไขยากมาก เพราะการเผาคงเป็นวิธีที่ถูกที่สุดแล้ว เลิกเผาต้นทุนพุ่ง ของกินแพง เงินเฟ้อเละเทะสิครับ ขายของไม่ออกอีกเพราะต้นทุนแพงกว่าเพื่อนบ้านที่เขาเผาๆ กันเป็นปกติ
สุดท้ายอยากถามความเห็นผู้รู้เพื่อ confirm ความเข้าใจของผมว่าถูกผิดอย่างไรบ้างครับ?
ผมคิดว่าเราหลายคนอาจเข้าใจผิดเรื่องแหล่งที่มาของ PM 2.5 นะครับ
ช่วงฝุ่น PM 2.5 มาหนักๆ แบบนี้ เห็นมีหลายๆ ท่านตื่นตัวในเรื่องนี้กันมาก มีการถกเถียงกันถึงที่มาของฝุ่น และมีการอ้างรายงานสรุปจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือว่า ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ เกิดจากเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก ส่วนการเผาไม่ใช่ปัจจัยหลักของปัญหาฝุ่นในพื้นที่นี้เลย
ผมคิดว่าสรุป pie chart นี้อาจจะถูก แต่ ข้อมูลนี้น่าจะเป็นประมาณการสัดส่วนฝุ่นที่เกิดขึ้นจากในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่สัดส่วนฝุ่นในกรุงเทพฯ นะครับ ที่จะสื่อคือเราอาจตีความจากข้อมูลนี้ไม่ถูกต้อง กรุงเทพฯ มีการเผาในที่โล่งไม่มากนัก แต่มีรถวื่งหนาแน่นจึงมีสัดส่วน origin of dust ตาม chart นี้ แต่ฝุ่นในพื้นที่ส่วนใหญ่ปลิวมาจากเผาไร่ในต่างจังหวัดและต่างประเทศโน่น มาช่วงลมนิ่งจึงเกิดเป็นปัญหาหนักเลย (สัดส่วนผลิตฝุ่นในพื้นที่ ไม่เท่ากับ สัดส่วนฝุ่นในพื้นที่)
เห็นหลายท่านตีความว่าฝุ่น PM 2.5 มาจากรถยนต์และโรงงาน เผาไม่เกี่ยวเพราะเป็นฝุ่นเม็ดใหญ่ ผมอาจเห็นต่าง คิดว่าถ้าเผาน่ะฝุ่นมาหมดทั้งเล็กทั้งใหญ่ เห็นจากออสเตรเลียช่วงมีไฟป่าแรงๆ นี่ฝุ่นทุกค่าพุ่งปริ๊ดหมด
คหสต. ปัญหาฝุ่นไม่ว่าจะ PM ขนาดเท่าใด ส่วนใหญ่เกิดจากการเผา โดยเฉพาะเผาในที่โล่งแจ้งหรือพวกโรงไฟฟ้าถ่านหินยุคเก่า ประเทศที่ฝุ่นสุดๆ อย่างอินเดียเขาก้อเผาไร่กันทั้งประเทศและอินเดียนี่ รฟฟ.ถ่านหินเก่าๆ ไม่คุมคุณภาพอย่างเยอะ Mumbai ไกล้ ocean ยังไม่เท่าไหร่ แต่ Delhi นี่อับลมเหมือนเชียงใหม่ หลายครั้ง Aqi 999 นะครับ (max ของเครื่องวัด) ส่วนบ้านเรานั้น มีลมพัดมีอับลมเป็นช่วงๆ รถก็วิ่งหนาแน่นตลอดเกือบทั้งปี แต่ช่วงฝุ่นหนักๆ คือช่วงเวลาเผาเพื่อการเกษตรทั้งนั้น วันหยุดยาวรถวิ่งน้อยแต่ฝุ่นเยอะเพราะมาจากการเผาไม่ใช่จากท่อไอเสีย
ซึ่งถ้าฝุ่นมาจากเผาเกษตรเป็นหลักจริง ปัญหาเรื่องฝุ่นจะแก้ไขยากมาก เพราะการเผาคงเป็นวิธีที่ถูกที่สุดแล้ว เลิกเผาต้นทุนพุ่ง ของกินแพง เงินเฟ้อเละเทะสิครับ ขายของไม่ออกอีกเพราะต้นทุนแพงกว่าเพื่อนบ้านที่เขาเผาๆ กันเป็นปกติ
สุดท้ายอยากถามความเห็นผู้รู้เพื่อ confirm ความเข้าใจของผมว่าถูกผิดอย่างไรบ้างครับ?