ใกล้อายุเข้าเลขสามแล้ว รู้สึกกดดันที่ตัวเองเติบโตไม่ทันคนอื่นๆในวัยเดียวกันและเด็กรุ่นใหม่

สวัสดีครับ เนื่องด้วยช่วงปลายปีนี้ จขกท. มีอายุครบ 27 ปีแล้วครับ
ปีที่ผ่านมามีเรื่องยุ่งๆเลยอย่าง ทั้งภารกิจส่วนตัวและการวิ่งวุ่นในการหางานในต่างจังหวัดที่เป็นนอกเมือง
ด้วยความที่ผมเองมีอาการป่วยทางใจมาตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ จริงๆเริ่มเค้าลางมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นมาหลายปีแล้ว 
หลังจากจบมัธยมปลายแบบทั่วๆไปที่ไม่ใช่วิทย์คณิตมา จขกท. เลือกที่จะเรียน ม.รามฯ ภูมิภาค เพื่อที่จะไม่ต้องขยับขยายตัวเองไปอยู่ในเมือง
แต่ด้วยความที่ จขกท. เลือกลงเรียนนิติฯและไม่ได้มีความตั้งใจเท่าที่ควรและชื่นชอบ จึงทำให้แต่ละเทอม มีตัวที่ไม่ผ่าน เยอะกว่าตัวที่สอบผ่าน
จขกท.เลือกเรียนสาขานี้เพราะทางบ้านเน้นย้ำอยากให้มุ่งเรียนอาชีพทางด้านกฏหมาย เนื่องจากเขามองการณ์ไกลว่า จบมาได้งานจะมีอนาคต
อาการทางสุขภาพจิตสุขภาพกายเริ่มมา ตอนอายุ 21 เริ่มมีอาการนอนไม่หลับ พอเข้า 22 มีอาการอารมณ์ดิ่งสิ้นยินดีในแต่ละวัน ไปจนกระทั่งเศร้าซึม
จนไม่อยากใช้ชีวิต จขกท. ตัดสินใจพักการเรียนเอาไว้ชั่วคราว และเริ่มเข้ารับการรักษาทางสุขภาพจิตด้วยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าปานกลาง 
และวิตกกังวล เมื่อตอนอายุย่างเข้า 23 โดยเริ่มที่รพ.ประจำอำเภอโดยใช้สิทธิบัตรทองฯก่อน ไม่กี่เดือนก็ถูกนำส่งตัวด้วยใบส่งตัวแพทย์
ไปรักษาที่รพ.เฉพาะทางจิตประจำจังหวัดและถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะของโรคไบโพลาร์ จขกท.ดีขึ้นในระหว่างการรักษาก็มี
อาการแย่ลงระหว่างการรักษาอย่างรุนแรง ผ่านการแอดมิทมาด้วยกันถึงสองครั้ง ผ่านการรักษาด้วยไฟฟ้าก็อาการดีขึ้นแค่พักหนึ่ง 
เรื่องเรียนไม่ต้องพูดถึง
สมองของจขกท.แย่ลงมากจนโฟกัสการอ่านหนังสือแย่ลง จขกท.ในวัยก่อน 20 เป็นคนใช้ภาษาในการเขียนค่อนข้างดี
แต่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีอาการจดจำความจำระยะสั้นเป็นระยะยาวได้น้อยลง และมีอาการสมาธิสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด
ผมสารภาพตามตรงผมจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทั้งหมด ที่ลงรายละเอียดมาก็ไม่ใช่ว่าอะไร ลืมบอกว่านอกจากอาการสมาธิสั้นของผม
ผมมีอากรปวดหัวและปวดกล้ามเนื้อศีรษะเรื้อรัง มิหนำซ้ำยังเป็นภูมิแพ้รุนแรงจนยาแก้แพ้ตัวแรงๆเอาไม่อยู่ ร่างกายผมก็ทรุดลงอย่างรวดเร็วในปีนี้

ตอนนี้จขกท.เริ่มกลับมาเรียนอีกครั้ง ยังเป็นการเรียนรามฯ แต่เป็นสาขาที่ง่ายขึ้น ซึ่งก็ยังยากมากๆสำหรับผมอยู่ดี
อาการต่างๆก็ยังไม่หายดี ผมตกใจมากเมื่อพบว่าตัวเองอายุย่างเข้า 27 ในปีนี้ นั่นหมายความว่าอีกเพียงแค่สามปี ผมจะเข้าเลขสามโดยสมบูรณ์
ผมรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ผมป่วยโลกหมุนไปอย่างรวดเร็วและน่าตกใจ ผมมองโลกผ่านสเกลที่ใหญ่ด้วยการเห็นคนอายุไล่เลี่ยกัน หรือน้อยกว่าผมมากชีวิต
กำลังพัฒนาและหรือประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ขณะที่ผมยังสิ้นเปลืองเวลาไปกับการประคับประคองอาการป่วยไม่ให้แย่ลงไป
ผมเริ่มห้ามความคิดการเปรียบตัวเองกับผู้คนเหล่านั้นไม่อยู่ ทั้งการพัฒนารูปร่างหน้าตา บุคลิกภาพ ประสบการณ์ทางสังคม รวมทั้งฐานะหน้าที่การงาน
ผมอดคิดและรู้สึกไปไม่ได้ว่าผมด้อยกว่าคนอื่นมาก รวมทั้งความสามารถพิเศษอะไรผมก็ไม่มีเลยครับ 
ตอนนี้ผมทานยาประจำต่อเนื่องอยู่ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่