บทนำ
‘นังลูกเมียน้อยนังลูกผู้หญิงชั้นต่ำนังหน้าด้าน’ ฉันหลับตาลงนึกถึงคำก่นด่าของหญิงสูงวัยที่บอกตนเองว่าเป็นผู้รากมากดีมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง แต่ทว่าคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอแต่ละคำอย่างกับคนที่ไร้การศึกษาที่สูงส่ง
‘หยุดได้แล้วน่าศจีคุณทำเกินไปแล้วนะ’ ทันใดนั้นฉันก็เห็นคุณพ่อห้ามปราม แต่พอนึกถึงคำว่า ‘คุณพ่อ’ น้ำตาของฉันมันกลับยิ่งไหลออกมาหนักกว่าเดิม มันเจ็บปวดยิ่งกว่าคำหยามเหยียดของผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘แม่เลี้ยง’ ของฉันเสียอีก เพราะอะไรน่ะหรือฉันก็ไม่อยากจะนึกมันต่อไปอีกแล้วเช่นกัน
เมื่อโดนคุณพ่อตวาดคุณนายศจีจึงหยุดพูดแล้วจ้องหน้าคุณพ่อราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
‘ทำเกินไปอย่างนั้นเหรอ ทีแม่มันมาแย่งสามีของฉันล่ะมันทำน้อยไปหรือไง’ คุณนายมองมายังฉันอย่างเดือดดาล
ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพียงแค่ฉันขออาสาไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทแค่นี้เธอถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้นทั้งที่ฉันก็เป็นสายเลือดของ ‘ฉัตรบดินทร์’ เหมือนกัน ก็เพราะว่าฉันเป็นลูกเมียน้อยของคุณพ่ออย่างไรล่ะ ลูกเมียน้อยที่แม่แย่งสามีคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งสิ้นที่เป็นของเมียหลวง
ตั้งแต่เด็ก ๆ ฉันเคยสงสัยนะว่าระหว่างคุณแม่ไหมของฉันกับคุณนายศจีใครมาก่อนใครกันแน่ และใครเป็นเมียน้อยใครกันแน่ ถ้าจะดูที่ลูก ๆ เป็นตัวชี้วัดก็คงไม่พ้นว่าคุณแม่ของฉันเป็นเมียน้อยเพราะพี่องศาลูกชายของคุณนายศจีเกิดก่อนฉันตั้งสิบปี แต่ลูกก็ไม่อาจเป็นตัวชี้วัดได้เสมอไปไม่ใช่หรือ บางทีคุณพ่ออาจจะรักกับคุณแม่ของฉันมาก่อนก็ได้ เพราะคุณแม่ของฉันจนคุณพ่อจึงถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณนายศจี เรื่องมันอาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้ใครจะไปรู้
ตอนนั้นฉันน้อยใจมากนึกโกรธแม่ที่ทำให้ฉันต้องเกิดมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ โกรธแม่ที่ทิ้งฉันไว้บนโลกที่โหดร้ายใบนี้เพียงลำพัง ทว่าเวลานี้ฉันกลับภาวนาอยากให้มันเป็นอย่างนั้น อยากให้ตนเองเป็นลูกเมียน้อยของคุณพ่อ เป็นลูกนังหน้าด้านของคุณนาย แต่แล้วความจริงก็คือความจริงไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้
‘ไมล์ก็เป็นลูกของผมเหมือนองศา ทำไมผมถึงจะให้ไมล์ไปช่วยงานที่บริษัทของเราไม่ได้’
คุณพ่อยังมีแก่ใจพยายามเข้าข้างฉัน ทั้งที่ที่ผ่านมาไม่เคยต้านทานคุณนายศจีได้สักครั้งยกเว้นเรื่องให้การศึกษาแก่ฉัน เรื่องนี้คุณนายศจีไม่อาจทัดทานคุณพ่อได้จึงจำใจยอมส่งฉันเรียนเทียบเท่ากับพี่องศาทุกประการ
‘แต่มันคือลูกเมียน้อยบริษัทก็เป็นของฉันครึ่งหนึ่ง ฉัตรบดินทร์ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของฉันด้วยเหมือนกัน มันเป็นใครแม่มันเป็นใครถึงจะมาชุบมือเปิบเอาสมบัติของฉันง่าย ๆ’
สิ่งที่คุณนายพูดฉันก็เห็นด้วยแม้จะถูกด่าสาดเสียเทเสียก็เถอะ
คุณพ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาสีหน้าของท่านนิ่งตึง คุณพ่อมองมาทางฉันคล้ายว่ากำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง ตอนนี้เราสามคนอยู่ในห้องทำงานของคุณพ่อ ณ บ้านฉัตรบดินทร์ ภายในห้องทำงานที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นมีราคาหรูหรามากกว่าชีวิตของฉันเสียด้วยซ้ำ
‘มันคงถึงเวลาแล้ว...ถึงเวลาแล้วจริง ๆ’ คุณพ่อบอกกับฉันพร้อมเปลี่ยนไปมองใบหน้ายักษ์ของคุณนายศจี จากนั้นคุณพ่อก็เดินไปเปิดตู้เซฟก่อนจะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่งออกมา แล้วก็เดินกลับมาหาเราสองคนอีกครั้ง
คุณพ่อถอนหายใจอีกรอบคราวนี้ฉันมั่นใจว่าคุณพ่อดูเป็นกังวลและลำบากใจ พอคุณพ่อหันไปมองใบหน้าของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตนเอง คุณพ่อก็สูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดบางอย่างออกมาที่ทำเอาฉันกับคุณนายต่างอึ้งไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะฉันที่เรียกว่าช็อกไปเลยก็ยังได้
คุณพ่อหยิบรูปสองใบที่อยู่ในซองสีน้ำตาลออกมาพร้อมกระดาษที่มีลายมือของคุณแม่ไหมเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้ เพียงกวดมองด้วยตาแวบเดียวฉันก็จำได้ว่านั่นเป็นลายมือของแม่ แล้วแม่ไหมเขียนอะไรนะและเขียนถึงใคร
คุณพ่อหยิบรูปสองใบออกมาให้ฉันกับคุณนายศจีดู ใบแรกเป็นรูปผู้ชายสองคนในวัยหนุ่มอายุช่วงประมาณยี่สิบต้น ๆ หนึ่งในสองคนฉันจำได้ว่าเป็นคุณพ่อแต่ส่วนอีกคนเป็นใครฉันไม่รู้จักจริง ๆ
คุณพ่อเริ่มแนะนำคนในรูปด้วยเสียงแปร่ง ๆ คุณพ่อบอกว่าคนซ้ายมือเป็นรูปคุณพ่อสมัยหนุ่ม ๆ เองซึ่งฉันเดาถูก ส่วนคนขวาเป็นเพื่อนรักเพื่อนร่วมสาบานกับคุณพ่อชื่อมานพ คุณพ่อหยุดนิ่งราวกับชั่งใจอีกครั้งก่อนจะหยิบรูปใบที่สองให้ฉันกับคุณนายของบ้านฉัตรบดินทร์ดู
หัวใจของฉันวูบไหวอ่อนยวบลงเมื่อเห็นว่าคนในรูปเป็นคุณแม่กับคุณมานพเพื่อนของคุณพ่อที่ยืนถ่ายรูปคู่กัน สำคัญคือทั้งสองคนยืนคล้องเอวกันราวกับเป็นคู่รักคู่หนึ่ง สายตาของคุณมานพที่มองแม่ไหมของฉันก็บอกได้ชัดเจนว่ากำลังหลงใหลในตัวคนข้าง ๆ เต็มเปี่ยม
‘นี่คือแม่ไหมของไมล์กับ...’ คุณพ่อหยุดพูดเว้นช่วง มองฉันด้วยความลำบากใจ ‘กับพ่อมานพของหนู’
‘หมายความว่ายังไง’ แทบจะเอ่ยออกมาพร้อมกันระหว่างฉันกับคุณนายศจี
‘ก็หมายความว่าไหมไม่ได้เป็นเมียน้อยของผมอย่างที่คุณกล่าวหามาตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปียังไงล่ะ ไหมเป็นภรรยาของมานพ มานพเป็นพ่อค้ายาเสพติดที่ทางการหมายหัวก็เลยไม่สามารถใช้ชีวิตกับไหมได้ ผมกับมานพเราโตมาด้วยข้าวก้นบาตรด้วยกัน ที่ผมมีทุกวันนี้ได้บางส่วนก็มาจากมานพ ก่อนวันที่มานพจะโดนตำรวจวิสามัญระหว่างโดนล่อซื้อยา เขาได้แอบมาหาผมและฝากฝังภรรยาที่กำลังจะคลอดลูกไว้กับผม ถ้าเกิดเขาตายไปเขาฝากไหมกับลูกด้วยซึ่งผมก็เต็มใจรับปาก พอไหมคลอดลูกสาวไม่มีพ่อมาเซ็นรับรองบุตรผมก็เต็มใจเซ็นรับเป็นพ่อแทนและให้ไมล์ใช้นามสกุลของผมอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทีแรกไหมไม่ยอมเพราะเกรงว่าคุณจะเข้าใจผิด แต่ผมเองที่ไม่ยอมเช่นกันไมค์ต้องมีพ่อและ...เป็นพ่อที่ดีมีหน้ามีตาในสังคมด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่ไหมมาด่วนจากไปเสียก่อน เลยไม่ได้เห็นว่าลูกสาวของตัวเองเก่งแค่ไหน’
พอคุณพ่อพูดจบเข่าของฉันก็อ่อนยวบลง ฉันล้มลงไปนั่งกับพื้นพร้อมร้องไห้ ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อ ทันใดนั้นพี่องศาพี่ชายที่แสนดีของฉันก็เข้ามาพยุงร่างของฉันให้ยืนขึ้น พี่องศาเองก็รู้ความจริงทั้งหมดไปพร้อม ๆ กับฉันและคุณนายเพราะเขาแอบยืนฟังที่ด้านนอก
‘ไมล์...ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ไมล์ยังเป็นน้องน้อยของพี่เสมอนะ’ พี่องศากอดปลอบใจ ฉันยังคงร้องไห้เพราะยอมรับกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ไม่ได้
‘ไมล์ไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อ ไมล์ไม่ใช่สายเลือดฉัตรบดินทร์’ ฉันร้องไห้จนตัวโยน
คุณพ่อเดินมาลูบศีรษะของฉันระหว่างที่ฉันกำลังร้องไห้ในอ้อมกอดของพี่องศา ‘ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ไมล์ยังเป็นลูกสาวของคุณพ่อเสมอนะลูก คุณพ่อรักหนูไม่ต่างจากพี่องศา’
‘หึ’ คุณนายศจีสบถก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้คุณพ่อกับพี่องศาอยู่ปลอบใจฉันตามยถากรรม ฉันคิดว่าคุณนายก็คงอึ้งไม่ต่างไปจากฉันสักเท่าไหร่
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้นนำพาให้ฉันได้มาเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝันบนโลกออนไลน์ ทำให้ฉันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่แสนดีมาก จะว่าแปลกประหลาดก็คงไม่ใช่เพราะสำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทว่ากับฉันคนที่มองเรื่องความรักเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ
การจะมีคนรักหรือแฟนหรือคนคุยสักคนก็ควรจะเป็นบุคคลที่มีตัวตน สามารถสัมผัสได้ สามารถมองเห็นได้ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่คุยผ่านตัวอักษรในโลกของอินเทอร์เน็ต ทว่าก็ยอมรับว่าเวลาได้คุยกับเขาแล้วฉันสนุกอุ่นใจ มันทำให้ฉันลืมเรื่องราวความทุกข์ของตนเองไปเลยและยิ้มได้อย่างลืมตัว
จบบทนำ
มนตร์รักออนไลน์
บทนำ
‘นังลูกเมียน้อยนังลูกผู้หญิงชั้นต่ำนังหน้าด้าน’ ฉันหลับตาลงนึกถึงคำก่นด่าของหญิงสูงวัยที่บอกตนเองว่าเป็นผู้รากมากดีมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง แต่ทว่าคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอแต่ละคำอย่างกับคนที่ไร้การศึกษาที่สูงส่ง
‘หยุดได้แล้วน่าศจีคุณทำเกินไปแล้วนะ’ ทันใดนั้นฉันก็เห็นคุณพ่อห้ามปราม แต่พอนึกถึงคำว่า ‘คุณพ่อ’ น้ำตาของฉันมันกลับยิ่งไหลออกมาหนักกว่าเดิม มันเจ็บปวดยิ่งกว่าคำหยามเหยียดของผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘แม่เลี้ยง’ ของฉันเสียอีก เพราะอะไรน่ะหรือฉันก็ไม่อยากจะนึกมันต่อไปอีกแล้วเช่นกัน
เมื่อโดนคุณพ่อตวาดคุณนายศจีจึงหยุดพูดแล้วจ้องหน้าคุณพ่อราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
‘ทำเกินไปอย่างนั้นเหรอ ทีแม่มันมาแย่งสามีของฉันล่ะมันทำน้อยไปหรือไง’ คุณนายมองมายังฉันอย่างเดือดดาล
ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพียงแค่ฉันขออาสาไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทแค่นี้เธอถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้นทั้งที่ฉันก็เป็นสายเลือดของ ‘ฉัตรบดินทร์’ เหมือนกัน ก็เพราะว่าฉันเป็นลูกเมียน้อยของคุณพ่ออย่างไรล่ะ ลูกเมียน้อยที่แม่แย่งสามีคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งสิ้นที่เป็นของเมียหลวง
ตั้งแต่เด็ก ๆ ฉันเคยสงสัยนะว่าระหว่างคุณแม่ไหมของฉันกับคุณนายศจีใครมาก่อนใครกันแน่ และใครเป็นเมียน้อยใครกันแน่ ถ้าจะดูที่ลูก ๆ เป็นตัวชี้วัดก็คงไม่พ้นว่าคุณแม่ของฉันเป็นเมียน้อยเพราะพี่องศาลูกชายของคุณนายศจีเกิดก่อนฉันตั้งสิบปี แต่ลูกก็ไม่อาจเป็นตัวชี้วัดได้เสมอไปไม่ใช่หรือ บางทีคุณพ่ออาจจะรักกับคุณแม่ของฉันมาก่อนก็ได้ เพราะคุณแม่ของฉันจนคุณพ่อจึงถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณนายศจี เรื่องมันอาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้ใครจะไปรู้
ตอนนั้นฉันน้อยใจมากนึกโกรธแม่ที่ทำให้ฉันต้องเกิดมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ โกรธแม่ที่ทิ้งฉันไว้บนโลกที่โหดร้ายใบนี้เพียงลำพัง ทว่าเวลานี้ฉันกลับภาวนาอยากให้มันเป็นอย่างนั้น อยากให้ตนเองเป็นลูกเมียน้อยของคุณพ่อ เป็นลูกนังหน้าด้านของคุณนาย แต่แล้วความจริงก็คือความจริงไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้
‘ไมล์ก็เป็นลูกของผมเหมือนองศา ทำไมผมถึงจะให้ไมล์ไปช่วยงานที่บริษัทของเราไม่ได้’
คุณพ่อยังมีแก่ใจพยายามเข้าข้างฉัน ทั้งที่ที่ผ่านมาไม่เคยต้านทานคุณนายศจีได้สักครั้งยกเว้นเรื่องให้การศึกษาแก่ฉัน เรื่องนี้คุณนายศจีไม่อาจทัดทานคุณพ่อได้จึงจำใจยอมส่งฉันเรียนเทียบเท่ากับพี่องศาทุกประการ
‘แต่มันคือลูกเมียน้อยบริษัทก็เป็นของฉันครึ่งหนึ่ง ฉัตรบดินทร์ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของฉันด้วยเหมือนกัน มันเป็นใครแม่มันเป็นใครถึงจะมาชุบมือเปิบเอาสมบัติของฉันง่าย ๆ’
สิ่งที่คุณนายพูดฉันก็เห็นด้วยแม้จะถูกด่าสาดเสียเทเสียก็เถอะ
คุณพ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาสีหน้าของท่านนิ่งตึง คุณพ่อมองมาทางฉันคล้ายว่ากำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง ตอนนี้เราสามคนอยู่ในห้องทำงานของคุณพ่อ ณ บ้านฉัตรบดินทร์ ภายในห้องทำงานที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นมีราคาหรูหรามากกว่าชีวิตของฉันเสียด้วยซ้ำ
‘มันคงถึงเวลาแล้ว...ถึงเวลาแล้วจริง ๆ’ คุณพ่อบอกกับฉันพร้อมเปลี่ยนไปมองใบหน้ายักษ์ของคุณนายศจี จากนั้นคุณพ่อก็เดินไปเปิดตู้เซฟก่อนจะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่งออกมา แล้วก็เดินกลับมาหาเราสองคนอีกครั้ง
คุณพ่อถอนหายใจอีกรอบคราวนี้ฉันมั่นใจว่าคุณพ่อดูเป็นกังวลและลำบากใจ พอคุณพ่อหันไปมองใบหน้าของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตนเอง คุณพ่อก็สูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดบางอย่างออกมาที่ทำเอาฉันกับคุณนายต่างอึ้งไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะฉันที่เรียกว่าช็อกไปเลยก็ยังได้
คุณพ่อหยิบรูปสองใบที่อยู่ในซองสีน้ำตาลออกมาพร้อมกระดาษที่มีลายมือของคุณแม่ไหมเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้ เพียงกวดมองด้วยตาแวบเดียวฉันก็จำได้ว่านั่นเป็นลายมือของแม่ แล้วแม่ไหมเขียนอะไรนะและเขียนถึงใคร
คุณพ่อหยิบรูปสองใบออกมาให้ฉันกับคุณนายศจีดู ใบแรกเป็นรูปผู้ชายสองคนในวัยหนุ่มอายุช่วงประมาณยี่สิบต้น ๆ หนึ่งในสองคนฉันจำได้ว่าเป็นคุณพ่อแต่ส่วนอีกคนเป็นใครฉันไม่รู้จักจริง ๆ
คุณพ่อเริ่มแนะนำคนในรูปด้วยเสียงแปร่ง ๆ คุณพ่อบอกว่าคนซ้ายมือเป็นรูปคุณพ่อสมัยหนุ่ม ๆ เองซึ่งฉันเดาถูก ส่วนคนขวาเป็นเพื่อนรักเพื่อนร่วมสาบานกับคุณพ่อชื่อมานพ คุณพ่อหยุดนิ่งราวกับชั่งใจอีกครั้งก่อนจะหยิบรูปใบที่สองให้ฉันกับคุณนายของบ้านฉัตรบดินทร์ดู
หัวใจของฉันวูบไหวอ่อนยวบลงเมื่อเห็นว่าคนในรูปเป็นคุณแม่กับคุณมานพเพื่อนของคุณพ่อที่ยืนถ่ายรูปคู่กัน สำคัญคือทั้งสองคนยืนคล้องเอวกันราวกับเป็นคู่รักคู่หนึ่ง สายตาของคุณมานพที่มองแม่ไหมของฉันก็บอกได้ชัดเจนว่ากำลังหลงใหลในตัวคนข้าง ๆ เต็มเปี่ยม
‘นี่คือแม่ไหมของไมล์กับ...’ คุณพ่อหยุดพูดเว้นช่วง มองฉันด้วยความลำบากใจ ‘กับพ่อมานพของหนู’
‘หมายความว่ายังไง’ แทบจะเอ่ยออกมาพร้อมกันระหว่างฉันกับคุณนายศจี
‘ก็หมายความว่าไหมไม่ได้เป็นเมียน้อยของผมอย่างที่คุณกล่าวหามาตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปียังไงล่ะ ไหมเป็นภรรยาของมานพ มานพเป็นพ่อค้ายาเสพติดที่ทางการหมายหัวก็เลยไม่สามารถใช้ชีวิตกับไหมได้ ผมกับมานพเราโตมาด้วยข้าวก้นบาตรด้วยกัน ที่ผมมีทุกวันนี้ได้บางส่วนก็มาจากมานพ ก่อนวันที่มานพจะโดนตำรวจวิสามัญระหว่างโดนล่อซื้อยา เขาได้แอบมาหาผมและฝากฝังภรรยาที่กำลังจะคลอดลูกไว้กับผม ถ้าเกิดเขาตายไปเขาฝากไหมกับลูกด้วยซึ่งผมก็เต็มใจรับปาก พอไหมคลอดลูกสาวไม่มีพ่อมาเซ็นรับรองบุตรผมก็เต็มใจเซ็นรับเป็นพ่อแทนและให้ไมล์ใช้นามสกุลของผมอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทีแรกไหมไม่ยอมเพราะเกรงว่าคุณจะเข้าใจผิด แต่ผมเองที่ไม่ยอมเช่นกันไมค์ต้องมีพ่อและ...เป็นพ่อที่ดีมีหน้ามีตาในสังคมด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่ไหมมาด่วนจากไปเสียก่อน เลยไม่ได้เห็นว่าลูกสาวของตัวเองเก่งแค่ไหน’
พอคุณพ่อพูดจบเข่าของฉันก็อ่อนยวบลง ฉันล้มลงไปนั่งกับพื้นพร้อมร้องไห้ ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อ ทันใดนั้นพี่องศาพี่ชายที่แสนดีของฉันก็เข้ามาพยุงร่างของฉันให้ยืนขึ้น พี่องศาเองก็รู้ความจริงทั้งหมดไปพร้อม ๆ กับฉันและคุณนายเพราะเขาแอบยืนฟังที่ด้านนอก
‘ไมล์...ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ไมล์ยังเป็นน้องน้อยของพี่เสมอนะ’ พี่องศากอดปลอบใจ ฉันยังคงร้องไห้เพราะยอมรับกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ไม่ได้
‘ไมล์ไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อ ไมล์ไม่ใช่สายเลือดฉัตรบดินทร์’ ฉันร้องไห้จนตัวโยน
คุณพ่อเดินมาลูบศีรษะของฉันระหว่างที่ฉันกำลังร้องไห้ในอ้อมกอดของพี่องศา ‘ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ไมล์ยังเป็นลูกสาวของคุณพ่อเสมอนะลูก คุณพ่อรักหนูไม่ต่างจากพี่องศา’
‘หึ’ คุณนายศจีสบถก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้คุณพ่อกับพี่องศาอยู่ปลอบใจฉันตามยถากรรม ฉันคิดว่าคุณนายก็คงอึ้งไม่ต่างไปจากฉันสักเท่าไหร่
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้นนำพาให้ฉันได้มาเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝันบนโลกออนไลน์ ทำให้ฉันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่แสนดีมาก จะว่าแปลกประหลาดก็คงไม่ใช่เพราะสำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทว่ากับฉันคนที่มองเรื่องความรักเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ
การจะมีคนรักหรือแฟนหรือคนคุยสักคนก็ควรจะเป็นบุคคลที่มีตัวตน สามารถสัมผัสได้ สามารถมองเห็นได้ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่คุยผ่านตัวอักษรในโลกของอินเทอร์เน็ต ทว่าก็ยอมรับว่าเวลาได้คุยกับเขาแล้วฉันสนุกอุ่นใจ มันทำให้ฉันลืมเรื่องราวความทุกข์ของตนเองไปเลยและยิ้มได้อย่างลืมตัว
จบบทนำ