ดาวแอนทาเรส Antares
(ไทย:✨ดาวปาริชาติ)
แอนทาเรส หรือ ดาวหัวใจแมงป่องเป็นดาวฤกษ์สว่างที่สุดในกลุ่มดาวแมงป่อง Scorpius
อยผู่บริเวณ กลุ่มเมฆหมอกโร โอฟิยูชี
Antares มีรัศมีเป็น 680 เท่าของดวงอาทิตย์หรือว่า 3 หน่วยดาราศาสตร์ (3 A.U.) หากนำมาวางแทนที่ดวงอาทิตย์ ขอบของมันจะอยู่บริเวณแถบดาวเคราะห์น้อย
คือระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี มวลมากกว่าดวงอาทิตย์ของเรา 12 เท่า จัดเป็นดาวยักษ์แดง ที่อยู่ห่างออกไป 550 ปีแสง
เรื่องจริงมีว่า แอนทาเรสเป็นดาวฤกษ์คู่ประกอบด้วยดาวฤกษ์ใหญ่ Alpha Scorpii A และ Alpha Scorpii B
เป็นเหตุให้มีความสว่างปรากฏแปรค่าอยู่ระหว่าง 0.6-1.6 เราสามาาถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเป็น สีแดงส้มสว่างเหนือใจกลางทางช้างเผือก
Antaresสว่างเป็นอันดับที่ 15 บนท้องฟ้ายามค่ำคืน เป็นดาวซีกฟ้าใต้ หากเดินทางขึ้นเหนือจะอยู่ที่ขอบฟ้า และหากเดินทางลงใต้จะอยู่สูงจากขอบฟ้าขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนชื่อ แอนทาเรส มาจาก Ante + Ares แปลว่า ปรปักษ์ของเทพแห่งสงคราม เทพแห่งสงครามในตำนานปรกรณัมนั้นคือ ดาวอังคาร (Mars-Ares) เหตุเป็นเช่นนั้น เพราะดาวอังคารจะโคจรผ่านร่วมทิศกับแอนทาเรส
เมื่อสังเกตการณ์จากโลกนั้น ช่วงใดที่ดาวอังคารเคลื่อนห่างจากโลกมาก
คือ ดาวอังคารจะสว่างน้อยลง แอนทาเรสก็จะสว่างกว่า
และในขณะที่ปีใดดาวอังคารใกล้โลก(ทุกๆ 26 เดือน)
ดาวอังคารก็จะสุกสว่างมีสีแดงเจิดจ้ากว่าแอนทาเรส ดาวทั้งสองถูกผูกเป็นตำนานหรือจะเป็นคู่แข่งในด้านความสว่างมาเนิ่นนานนับพันปี
คือสีแดงของผิวดาวอังคารมาจากออกไซด์ของเหล็ก
ส่วนสีแดงของแอนทาเรสนั้นเป็นสเปคตรัมของดาวฤกษ์ประเภท M1
การกำเนิดดวงดาว แต่ละดวงแตกต่างกัน ยุคนั้นการบันทึกไว้ในเรื่องเล่าต่อๆกันมา จนเรียกเป็นตำนาน ดวงดาวให้ได้ชมกันจนเพลิน นักเขียนนักอ่าน ก็จินตนาการไม่มีที่สิ้นสุด แต่ยุคนี้ใช้การพยากรณ์อนุมาน มาก่อนแล้วพิสูจน์กันด้วยหลักฐาน เพื่อเป็นมูลเหตุเป็นตามจริงไหม มีที่มาอย่างไรนั้น ต้องมาอ้างอิง อีก
ดาวปาริชาต ไทยก็มีตำนานเช่นกัน แต่จะยกมาในแนว
วรรณคดีทางพุทธศาสนา เช่น เตภูมิกถา และ กามนิตวาสิฏฐี กล่าวว่า ต้นปาริชาติ คือ ต้นทองหลาง อยู่ในปุณฑริกวันบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์มีดอกสีแดงฉาน ร้อยปีจึงจะบานสักครั้ง ทุกครั้งที่บานจะส่งกลิ่นหอมและมีแสงสว่างไปทั่ว เหล่าเทพบุตรเทพธิดาจะมาฉลองร่วมกันใต้ต้นปาริชาติ
เรื่องเล่าเหตุการณ์อิงจากดวงดาวเช่นกัน กับตำนานอื่น แตกต่างกันนี้ ของไทยมีบทคำสอนในทางปฏิบัติธรรม ช่วงเวลาก็จะดูดวงดาวเช่นกัน เพราะช่วงนี้ ต้นปาริชาติ กำลังออกดอก ในฤดูหนาว และสามารถเขียนบทความเรื่องราวได้ จินตนาการและจิตวิญญาณ ควบคู่ในการเขียน
ผู้เขียนก็พยายาม ตีความให้เห็นภาพ ได้เร็วขึ้น ส่วนสำคัญของ ต้นปาริชาติในพระไตรปิฎก ก็มีเป็นบท ให้ได้อ่านกัน เดียวจะมาลง ตำนานต้นปาริชาติ กันต่ออีก❗
ดาวAntares✨ไทย เรียกว่า ดาวปาริชาต✨🌌 ชมดาว บนท้องฟ้ากันได้ในฤดูหนาวนี้❗
ดาวแอนทาเรส Antares
(ไทย:✨ดาวปาริชาติ)
แอนทาเรส หรือ ดาวหัวใจแมงป่องเป็นดาวฤกษ์สว่างที่สุดในกลุ่มดาวแมงป่อง Scorpius
อยผู่บริเวณ กลุ่มเมฆหมอกโร โอฟิยูชี
Antares มีรัศมีเป็น 680 เท่าของดวงอาทิตย์หรือว่า 3 หน่วยดาราศาสตร์ (3 A.U.) หากนำมาวางแทนที่ดวงอาทิตย์ ขอบของมันจะอยู่บริเวณแถบดาวเคราะห์น้อย
คือระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี มวลมากกว่าดวงอาทิตย์ของเรา 12 เท่า จัดเป็นดาวยักษ์แดง ที่อยู่ห่างออกไป 550 ปีแสง
เรื่องจริงมีว่า แอนทาเรสเป็นดาวฤกษ์คู่ประกอบด้วยดาวฤกษ์ใหญ่ Alpha Scorpii A และ Alpha Scorpii B
เป็นเหตุให้มีความสว่างปรากฏแปรค่าอยู่ระหว่าง 0.6-1.6 เราสามาาถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเป็น สีแดงส้มสว่างเหนือใจกลางทางช้างเผือก
Antaresสว่างเป็นอันดับที่ 15 บนท้องฟ้ายามค่ำคืน เป็นดาวซีกฟ้าใต้ หากเดินทางขึ้นเหนือจะอยู่ที่ขอบฟ้า และหากเดินทางลงใต้จะอยู่สูงจากขอบฟ้าขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนชื่อ แอนทาเรส มาจาก Ante + Ares แปลว่า ปรปักษ์ของเทพแห่งสงคราม เทพแห่งสงครามในตำนานปรกรณัมนั้นคือ ดาวอังคาร (Mars-Ares) เหตุเป็นเช่นนั้น เพราะดาวอังคารจะโคจรผ่านร่วมทิศกับแอนทาเรส
เมื่อสังเกตการณ์จากโลกนั้น ช่วงใดที่ดาวอังคารเคลื่อนห่างจากโลกมาก
คือ ดาวอังคารจะสว่างน้อยลง แอนทาเรสก็จะสว่างกว่า
และในขณะที่ปีใดดาวอังคารใกล้โลก(ทุกๆ 26 เดือน)
ดาวอังคารก็จะสุกสว่างมีสีแดงเจิดจ้ากว่าแอนทาเรส ดาวทั้งสองถูกผูกเป็นตำนานหรือจะเป็นคู่แข่งในด้านความสว่างมาเนิ่นนานนับพันปี
คือสีแดงของผิวดาวอังคารมาจากออกไซด์ของเหล็ก
ส่วนสีแดงของแอนทาเรสนั้นเป็นสเปคตรัมของดาวฤกษ์ประเภท M1
การกำเนิดดวงดาว แต่ละดวงแตกต่างกัน ยุคนั้นการบันทึกไว้ในเรื่องเล่าต่อๆกันมา จนเรียกเป็นตำนาน ดวงดาวให้ได้ชมกันจนเพลิน นักเขียนนักอ่าน ก็จินตนาการไม่มีที่สิ้นสุด แต่ยุคนี้ใช้การพยากรณ์อนุมาน มาก่อนแล้วพิสูจน์กันด้วยหลักฐาน เพื่อเป็นมูลเหตุเป็นตามจริงไหม มีที่มาอย่างไรนั้น ต้องมาอ้างอิง อีก
ดาวปาริชาต ไทยก็มีตำนานเช่นกัน แต่จะยกมาในแนว
วรรณคดีทางพุทธศาสนา เช่น เตภูมิกถา และ กามนิตวาสิฏฐี กล่าวว่า ต้นปาริชาติ คือ ต้นทองหลาง อยู่ในปุณฑริกวันบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์มีดอกสีแดงฉาน ร้อยปีจึงจะบานสักครั้ง ทุกครั้งที่บานจะส่งกลิ่นหอมและมีแสงสว่างไปทั่ว เหล่าเทพบุตรเทพธิดาจะมาฉลองร่วมกันใต้ต้นปาริชาติ
เรื่องเล่าเหตุการณ์อิงจากดวงดาวเช่นกัน กับตำนานอื่น แตกต่างกันนี้ ของไทยมีบทคำสอนในทางปฏิบัติธรรม ช่วงเวลาก็จะดูดวงดาวเช่นกัน เพราะช่วงนี้ ต้นปาริชาติ กำลังออกดอก ในฤดูหนาว และสามารถเขียนบทความเรื่องราวได้ จินตนาการและจิตวิญญาณ ควบคู่ในการเขียน
ผู้เขียนก็พยายาม ตีความให้เห็นภาพ ได้เร็วขึ้น ส่วนสำคัญของ ต้นปาริชาติในพระไตรปิฎก ก็มีเป็นบท ให้ได้อ่านกัน เดียวจะมาลง ตำนานต้นปาริชาติ กันต่ออีก❗