ทำไมการรถไฟไม่ปรับราคาให้แข่งขันกับการเดินทางรูปแบบอื่นๆได้ครับ ?

ก่อนอื่นต้องขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพก่อน ถ้าเราอยากเดินทางจากกรุงเทพ ไปหัวหิน โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- ไม่มีรถส่วนตัว
- ต้องการความสะดวกสบาย
- ระยะเวลาการเดินทาง ไม่ช้าจนเกินไป
- ค่าโดยสารที่เหมาะสม

ทางรถยนต์

.1 รถตู้
ความสะดวกสบายตามความหนาแน่นของผู้โดยสาร แต่ส่วนใหญ่ แออัด เบียดเสียด ไม่ค่อยมีพื้นที่หายใจ
ความเมื่อยล้าในการเดินทางค่อนข้างมาก เพราะเป็นการโดยสารที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราเร่งบ่อยที่สุด ทั้งเร่งเครื่อง ทั้งเลี้ยว อาจจะทำให้เวียนหัวได้ง่ายๆ
ระยะเวลาในการเดินทาง เวลาเฉลี่ยของรถตู้นั้นดีกว่าการเดินทางรูปแบบอื่นๆอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรด้วย
ค่าโดยสาร อยู่ที่ราคาประมาณ 200 บาทขึ้นไป

.2 รถบัส และมินิบัส
ความสะดวกสบายดีกว่ารถตู้ ไม่ค่อยแออัด ไม่เบียดเสียด มีพื้นที่หายใจ
ความเมื่อยล้าในการเดินทาง ดีกว่ารถตู้ พอสมควร เพราะอัตราเร่งน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ระยะเวลาในการเดินทาง อยู่ในระดับปกติ ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
ค่าโดยสาร อยู่ที่ราคาประมาณ 200 บาทขึ้นไป

ทางรถไฟ

รถธรรมดา ชั้น 3
ความสะดวกสบายค่อนข้างแย่มาก ห้องน้ำก็เหม็น คนเดินพลุกพล่าน แม่ค้า พ่อค้า ขายของเดินไปเดินมา อากาศร้อนหน้าเมือก เบาะแนวตั้งนั่งไม่สบาย
ความเมื่อยล้าในการเดินทาง เรียกว่ามากที่สุดเลยก็ว่าได้ จากอากาศร้อนของประเทศไทย ถ้าโชคดีอากาศเย็นจะไม่ล้ามากนัก
ระยะเวลาในการเดินทาง อยู่ในระดับที่ถือว่าช้ากว่าการเดินทางอย่างอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
ค่าโดยสาร 44 บาท

รถเร็วชั้น 2 นั่ง ไม่ปรับอากาศ
copy paste รถธรรมดาชั้น 3 มาได้เลยเกือบทั้งหมด มีเบาะที่เมื่อยน้อยกว่า กับความแออัดที่น้อยกว่ามากๆ เท่านั้นเอง
ระยะเวลาเดินทาง อยู่ในระดับที่พอๆกันกับรถบัส และมินิบัส แต่โดยเฉลี่ยถือว่าช้ากว่าเล็กน้อย
ค่าโดยสาร 150 บาท

รถด่วนชั้น 2 ชั้น 3 นั่งไม่ปรับอากาศ
copy paste ของรถเร็วมาได้เลย โดยมีระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่เทียบเท่ากับรถบัส และมินิบัส
ค่าโดยสารชั้น 3  194 บาท
ค่าโดยสารชั้น 2  250 บาท
เริ่มเห็นอะไรหรือยัง...

รถด่วนชั้น 2 นั่ง ปรับอากาศ  จากที่หาข้อมูล ณ ปัจจุบัน 2/8/2024 เหมือนจะไม่มี  ข้ามไปละกัน

รถด่วนพิเศษชั้น 2 ปรับอากาศ
ความสะดวกสบาย ผมยกให้สูสีกับรถทัวร์เลยนะ แอร์เย็นๆ เบาะนุ่มๆ ติเรื่องสภาพของตู้โดยสารรถไฟไทยนี่แหละ ที่ถ้าเทียบกับรถบัสแล้วถือว่าแย่กว่าเห็นๆ
ความเมื่อยล้าในการเดินทาง เรียกว่าน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ อากาศเย็น อัตราเปลี่ยนแปลงของความเร่งน้อยที่สุด ไม่เมา ไม่เวียนหัว
ระยะเวลาในการเดินทาง อยู่ในระดับที่ดีกว่ารถบัสเป็นส่วนใหญ่ สูสีกับรถตู้ในบางครั้ง แต่ส่วนมากจะทำเวลาแพ้รถตู้
ค่าโดยสาร 330 บาท!  ถือว่าแพงที่สุดในบรรดาทุกการเดินทาง 

ทีนี้ก็กลับมาคิด ในมุมของผู้บริโภค
ถ้าผมเป็นผู้มีรายได้น้อย ผมเลือกรถไฟ ธรรมดาชั้น 3 แบบไม่สนอะไรเลย  ราคาถูกมากๆ  ดังนั้นรถไฟธรรมดาชั้น 3 ไม่ใช่เรื่องต้องกังวล

แต่ถ้าผมเป็นผู้มีรายได้สูงขึ้นมาอีกระดับ ผมจะแทบไม่เแลรถไฟเลยนะ รถบัส รถตู้ ตอบโจทย์ผมมากกว่า โดยเฉพาะพวกรถเร็ว รถด่วน ไม่ปรับอากาศนี่ แพงเกินไปจริงๆ เทียบกับความสะดวกสบายที่ได้รับ 

ยิ่งรถด่วนพิเศษ ไม่ต้องพูดถึงเลย แพงกว่าการเดินทางรูปแบบอื่นกว่า 50% ทั้งๆที่ไม่ได้มีข้อดีที่เหนือกว่าคู่แข่งสักเท่าไร เลยแข่งขันกับการเดินทางรูปแบบอื่นแทบไม่ได้

ลองแสดงความคิดเห็นกันครับ ว่าราคาค่าโดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทย มันแย่ มันไม่เหมาะสมกับสภาวะการ์ณในปัจจุบันจริงไหม
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ขนส่งสาธารณะทุกประเภท อยู่ภายใต้การควบคุมของขนส่ง
การจะปรับราคาได้ต้องให้ขนส่งอนุมัติ
ซึ่งระบบขนส่งอื่นๆ จะมีเอกชนเข้าไปร่วมด้วยเสมอ ยกเว้น รถไฟ
แน่นนอนว่าเอกชนก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองขาดทุน ดังนั้นทุกครั้งที่ต้นทุนเพิ่ม เค้าก็จะออกมาเคลื่อนไหว
ในขณะที่การรถไฟไม่เคยได้รับการอนุมัติให้ขึ้นราคา ด้วยเหตุผลว่าบริการสำหรับผู้มีรายได้น้อย
รฟท. ก็เลยเก็บเงินได้เท่านั้น แล้วก็ลักไก่ด้วยการคิดค่าธรรมเนียมต่างๆ เข้าไปในคราสที่สูงๆขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่