เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2760029
ในอดีตก่อนที่เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงอย่างทุกวันนี้ เมื่อเอ่ยถึงรถยนต์ที่มาจากประเทศจีน หลายคนมักมีภาพจำที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น กลับจุดประกายให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนกลายเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
“เมื่อก่อนผมเคยขายรถบรรทุก รถทัวร์ รถเมล์ แบรนด์จีน แต่ขายได้ยากมากแทบจะกราบไหว้วานให้ช่วยซื้อ เพราะตอนนั้นคนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจรถสันดาปของจีน พอพูดถึงแบรนด์จีนคนรังเกียจก่อนเลย แต่พอเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจีนแล้วคนกล้าเปิดรับมากขึ้น ทำไมจู่ๆ คนไทยก็ก้าวข้ามกำแพงแบรนด์จีนได้ ผมว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจาก Success Story ที่มากขึ้น”
พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานบริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย ได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีน กลายเป็นตัวเลือกสำคัญที่น่าสนใจและก้าวข้ามภาพลักษณ์แง่ลบของรถยนต์แบรนด์จีนที่ผ่านมาได้
ในวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าจีนอย่าง BYD, Great Wall Motor, MG และอีกหลายๆ แบรนด์เข้ามาทำตลาดในไทยเป็นจำนวนมาก และคนไทยกล้าเปิดรับมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะคนเหล่านี้มั่นใจว่าจีนเก่งเรื่องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้คนไทยเริ่มมีภาพจำในด้านนี้มากขึ้น
รวมถึงจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชิ้นส่วนเครื่องยนต์บางอย่าง เช่น ไส้กรอง สายพาน หัวเทียน น้ำมันเครื่อง ฯลฯ หายไป จึงทำให้ลดค่าซ่อมและค่าดูแลรักษาไปได้เป็นจำนวนมาก ต่างจากรถยนต์สันดาปที่ต้องเสียค่าดูแลจุกจิกเหล่านี้เป็นประจำ ก็ทำให้คนไทยเข้าใจว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีค่าซ่อมต่างๆ น้อย รวมทั้งยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันไปได้มาก จึงทำให้ก้าวข้ามกำแพงแบรนด์จีนได้เร็วขึ้น
“เคยมีเรื่องเล่าตลกๆ ในวงการนี้ว่าตอนที่ญี่ปุ่นทำตลาดรถยนต์ใหม่ๆ ใช้เวลากว่า 30 ปีกว่าจะทำให้ดีลเลอร์ไว้ใจและมีจำนวนมากขึ้นและมีศักยภาพในการขายและการบริการได้เท่าวันนี้ แต่จีนใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น”
พิทยา เอ่ยถึงเรื่องเล่าในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ที่แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นที่ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้การยอมรับ พร้อมทั้งยกตัวอย่างแบรนด์ BYD ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยเมื่อปี 2565 ใช้เวลาแค่ 1 ปี มีโชว์รูมมากถึง 40-50 แห่งทั่วประเทศ หรือแบรนด์ Great Wall Motor ที่ใช้เวลาแค่ไม่กี่ปีมีดีลเลอร์จำนวนมากทั่วประเทศเช่นกัน
เขาเผยว่าผู้ที่เป็นดีลเลอร์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจีนโดยส่วนใหญ่จะเป็นทายาทรุ่นลูกหลานจากดีลเลอร์รถญี่ปุ่นที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แล้วมาต่อยอดธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ไฟฟ้าจีน โดยนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่เคยมีมาพัฒนาระบบใหม่ทำให้ขยายตัวได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะเป็นที่ยอมรับในหมู่คนไทยมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาแบบก้าวกระโดด แต่คนไทยส่วนมากก็ยังเปิดใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจีนจากค่ายใหญ่ที่มีคนรู้จักเป็นจำนวนมากกว่าที่จะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจีนจากแบรนด์เล็กที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก เพราะมีความน่าเชื่อถือมากกว่านั่นเอง
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในไทยและระดับโลกต่างพบว่ารถยนต์ไฟฟ้าจีนมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2566 อาจจะมียอดขายถึง 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 270% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะมีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 85% ของภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยทั้งหมดในปี 2566 เนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น และผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ของรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้น
นอกจากกระแสความฮอตของรถยนต์ไฟฟ้าจีนในไทยแล้ว ผลวิจัยล่าสุดเมื่อต้นเดือนมกราคม 2567 ของ Canalys ได้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลก จะเพิ่มขึ้น 29% หรือประมาณ 13.7 ล้านคัน ในปี 2566 โดยรถยนต์ไฟฟ้าจีนยังคงเป็นเจ้าตลาดรถ EV ที่ใหญ่ที่สุด มียอดจัดส่งถึง 7.6 ล้านคัน มีส่วนแบ่งตลาดถึง 55.5% รองลงมาคือรถยนต์ไฟฟ้ายุโรปมีการจัดส่ง 3.2 ล้านคัน และตามด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอเมริกาเหนือที่มีการจัดส่ง 1.8 ล้านคัน ซึ่ง Canalys คาดการณ์ว่าตลาด EV ทั่วโลกจะเติบโต 27.1% ในปี 2567 หรือประมาณ 17.5 ล้านคัน
ข้อมูลอ้างอิง : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, Canalys
ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าจีน โตอย่างก้าวกระโดด
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2760029
ในอดีตก่อนที่เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงอย่างทุกวันนี้ เมื่อเอ่ยถึงรถยนต์ที่มาจากประเทศจีน หลายคนมักมีภาพจำที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น กลับจุดประกายให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนกลายเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
“เมื่อก่อนผมเคยขายรถบรรทุก รถทัวร์ รถเมล์ แบรนด์จีน แต่ขายได้ยากมากแทบจะกราบไหว้วานให้ช่วยซื้อ เพราะตอนนั้นคนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจรถสันดาปของจีน พอพูดถึงแบรนด์จีนคนรังเกียจก่อนเลย แต่พอเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจีนแล้วคนกล้าเปิดรับมากขึ้น ทำไมจู่ๆ คนไทยก็ก้าวข้ามกำแพงแบรนด์จีนได้ ผมว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจาก Success Story ที่มากขึ้น”
พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานบริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย ได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีน กลายเป็นตัวเลือกสำคัญที่น่าสนใจและก้าวข้ามภาพลักษณ์แง่ลบของรถยนต์แบรนด์จีนที่ผ่านมาได้
ในวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าจีนอย่าง BYD, Great Wall Motor, MG และอีกหลายๆ แบรนด์เข้ามาทำตลาดในไทยเป็นจำนวนมาก และคนไทยกล้าเปิดรับมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะคนเหล่านี้มั่นใจว่าจีนเก่งเรื่องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้คนไทยเริ่มมีภาพจำในด้านนี้มากขึ้น
รวมถึงจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชิ้นส่วนเครื่องยนต์บางอย่าง เช่น ไส้กรอง สายพาน หัวเทียน น้ำมันเครื่อง ฯลฯ หายไป จึงทำให้ลดค่าซ่อมและค่าดูแลรักษาไปได้เป็นจำนวนมาก ต่างจากรถยนต์สันดาปที่ต้องเสียค่าดูแลจุกจิกเหล่านี้เป็นประจำ ก็ทำให้คนไทยเข้าใจว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีค่าซ่อมต่างๆ น้อย รวมทั้งยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันไปได้มาก จึงทำให้ก้าวข้ามกำแพงแบรนด์จีนได้เร็วขึ้น
“เคยมีเรื่องเล่าตลกๆ ในวงการนี้ว่าตอนที่ญี่ปุ่นทำตลาดรถยนต์ใหม่ๆ ใช้เวลากว่า 30 ปีกว่าจะทำให้ดีลเลอร์ไว้ใจและมีจำนวนมากขึ้นและมีศักยภาพในการขายและการบริการได้เท่าวันนี้ แต่จีนใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น”
พิทยา เอ่ยถึงเรื่องเล่าในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ที่แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นที่ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้การยอมรับ พร้อมทั้งยกตัวอย่างแบรนด์ BYD ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยเมื่อปี 2565 ใช้เวลาแค่ 1 ปี มีโชว์รูมมากถึง 40-50 แห่งทั่วประเทศ หรือแบรนด์ Great Wall Motor ที่ใช้เวลาแค่ไม่กี่ปีมีดีลเลอร์จำนวนมากทั่วประเทศเช่นกัน
เขาเผยว่าผู้ที่เป็นดีลเลอร์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจีนโดยส่วนใหญ่จะเป็นทายาทรุ่นลูกหลานจากดีลเลอร์รถญี่ปุ่นที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แล้วมาต่อยอดธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ไฟฟ้าจีน โดยนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่เคยมีมาพัฒนาระบบใหม่ทำให้ขยายตัวได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะเป็นที่ยอมรับในหมู่คนไทยมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาแบบก้าวกระโดด แต่คนไทยส่วนมากก็ยังเปิดใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจีนจากค่ายใหญ่ที่มีคนรู้จักเป็นจำนวนมากกว่าที่จะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจีนจากแบรนด์เล็กที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก เพราะมีความน่าเชื่อถือมากกว่านั่นเอง
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในไทยและระดับโลกต่างพบว่ารถยนต์ไฟฟ้าจีนมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2566 อาจจะมียอดขายถึง 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 270% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะมีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 85% ของภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยทั้งหมดในปี 2566 เนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น และผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ของรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้น
นอกจากกระแสความฮอตของรถยนต์ไฟฟ้าจีนในไทยแล้ว ผลวิจัยล่าสุดเมื่อต้นเดือนมกราคม 2567 ของ Canalys ได้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลก จะเพิ่มขึ้น 29% หรือประมาณ 13.7 ล้านคัน ในปี 2566 โดยรถยนต์ไฟฟ้าจีนยังคงเป็นเจ้าตลาดรถ EV ที่ใหญ่ที่สุด มียอดจัดส่งถึง 7.6 ล้านคัน มีส่วนแบ่งตลาดถึง 55.5% รองลงมาคือรถยนต์ไฟฟ้ายุโรปมีการจัดส่ง 3.2 ล้านคัน และตามด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอเมริกาเหนือที่มีการจัดส่ง 1.8 ล้านคัน ซึ่ง Canalys คาดการณ์ว่าตลาด EV ทั่วโลกจะเติบโต 27.1% ในปี 2567 หรือประมาณ 17.5 ล้านคัน
ข้อมูลอ้างอิง : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, Canalys