เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเกื่อบบ่าย 3 ของวันที่ 1/2/67
ขณะที่ผมกับเพื่อนร่วมงานกำลังคุยกันหยอกล้อกันสนุกๆ เค้าคุยกับเพื่อนร่วมงานอีกคนนึงกำลังยกของออกจากกล่อง แล้วอารมณ์ผมก็เผลอหงุดหงิดขึ้นมาจากการหยอกล้อ แล้วก็เผลอทำนิสัยทุ่มของใส่เพื่อนร่วมงานจนเพื่อนร่วมงานด่าทอผมและพูดใส่อารมณ์ผมและด่าไปต่างๆนาๆ แล้วเพื่อนร่วมงานพูดกับผมครั้งสุดท้ายว่า
ครั้งแรกว่าผมว่า "อาการเหมือนคนขาดยาเลย สงสัยที่ทำงานเก่าคงมีพฤติกรรมแบบนี้แน่เลย"
คำพูดสุดท้ายเพื่อนร่วมงานที่ผมทุ่มใส่เขาบอกว่า
"ถ้ามีพฤติกรรมแบบนั้นอีก จะไปแจ้งผู้จัดการและเตรียมหางานใหม่ได้เลย
หลังจากนั้น เพื่อนร่วมงานโกรธผมไป 1 ปี เพื่อดูพฤติกรรมผมที่ทำกับเขา และเขาก็พูดเล่นๆกับคนอื่นแทน(กับผมเค้าไม่พูด 1ปี)
และได้ยินว่าในวันจันทร์นี้ได้ยินจากรองหัวหน้างานว่า
คนที่ผมจะทุ่มเค้าจะซื้อเคเอฟซีให้ทาน(ผมก็ซื้อน้ำอัดลมให้แทน)ผมว่าจะไม่ร่วมกินเพราะชดใช้ความผิดที่ผมทุ่มของใส่เขาและบอกว่า"ไม่พูดกับผม 1 ปีเพื่อดูนิสัย"
ถ้าเขาชวนกิน ผมก็จะไม่ร่วมกิน เพราะผมก็โกรธเขาเหมือนกัน ผมก็เบื่อเพระมีคนโกรธผมแหละครับ ตอนนี้คิดมากกับเรื่องนี้
คุยหยอกล้อกันไปมาแล้วเผลอทำนิสัยทุ่มของใส่เพื่อนร่วมงานจนเพื่อนร่วมงานโกรธผม 1 ปี
ขณะที่ผมกับเพื่อนร่วมงานกำลังคุยกันหยอกล้อกันสนุกๆ เค้าคุยกับเพื่อนร่วมงานอีกคนนึงกำลังยกของออกจากกล่อง แล้วอารมณ์ผมก็เผลอหงุดหงิดขึ้นมาจากการหยอกล้อ แล้วก็เผลอทำนิสัยทุ่มของใส่เพื่อนร่วมงานจนเพื่อนร่วมงานด่าทอผมและพูดใส่อารมณ์ผมและด่าไปต่างๆนาๆ แล้วเพื่อนร่วมงานพูดกับผมครั้งสุดท้ายว่า
ครั้งแรกว่าผมว่า "อาการเหมือนคนขาดยาเลย สงสัยที่ทำงานเก่าคงมีพฤติกรรมแบบนี้แน่เลย"
คำพูดสุดท้ายเพื่อนร่วมงานที่ผมทุ่มใส่เขาบอกว่า
"ถ้ามีพฤติกรรมแบบนั้นอีก จะไปแจ้งผู้จัดการและเตรียมหางานใหม่ได้เลย
หลังจากนั้น เพื่อนร่วมงานโกรธผมไป 1 ปี เพื่อดูพฤติกรรมผมที่ทำกับเขา และเขาก็พูดเล่นๆกับคนอื่นแทน(กับผมเค้าไม่พูด 1ปี)
และได้ยินว่าในวันจันทร์นี้ได้ยินจากรองหัวหน้างานว่า
คนที่ผมจะทุ่มเค้าจะซื้อเคเอฟซีให้ทาน(ผมก็ซื้อน้ำอัดลมให้แทน)ผมว่าจะไม่ร่วมกินเพราะชดใช้ความผิดที่ผมทุ่มของใส่เขาและบอกว่า"ไม่พูดกับผม 1 ปีเพื่อดูนิสัย"
ถ้าเขาชวนกิน ผมก็จะไม่ร่วมกิน เพราะผมก็โกรธเขาเหมือนกัน ผมก็เบื่อเพระมีคนโกรธผมแหละครับ ตอนนี้คิดมากกับเรื่องนี้