เกริ่นก่อนนะคะ ว่าเราเป็นคนเล่าเรื่องไม่เก่ง แต่ขอย้ำว่า ทั้งหมดคือเรื่องจริง แค่อยากถามคิดเห็นจากคนที่เข้ามาอ่าน
เริ่มเรื่องเลยคือปี 66 เรามีแพลนต่อเติมบ้าน จาก 1 เป็น 2 ชั้น ทำให้ได้ติดต่อกับ บริษัทรับสร้างบ้านเจ้าหนึ่ง ซึ่งคุยกันไปมาจนได้เสนอราคากันเรียบร้อยเตรียมจะดำเนินการสร้างบ้าน เราเริ่มรื้นถอนหลังคาและทำตามก่อสร้างตามขั้นตอนที่ได้คุยกันไว้ ซึ่งช่วงนั้นเป็นหน้าฝน ทำให้มีฝนตกเป็นระยะ ผ่านมาซักประมาณ เดือน 1 เดือน ผรม.คนนี้ประสบอุบติเหตุโคม่าในช่วงเช้ามืด เพราะกลับมาจากสระแก้ว (หลังจากที่เราโอนเงินงวดให้กลางดึกจำนวน 15x,000) ทำให้ไม่สามารถควบคุมและดำเนินงานต่อได้ แต่บ้านเราก็ต้องยังต้องรีบสร้างให้เสร็จ เพราะมีภาระในการเช่าบ้านซึ่งมี คชจ.หลายทาง ลืมบอกว่า ทีมงานหลักๆ จะมี 1. ผรม.คนนี้ที่จะคอยเป็นคน รับเงินค่างวด และประสานงาน 2.ช่างที่อยู่หน้างาน 3.ลูกน้องที่จ้างรายวัน
ซึ่งหลังจากที่ทราบเรื่องอุบติเหตุเราก็เครียดมาก เพราะเงินเรามีจำกัด เราจึงได้ทำการตกลงกับช่างที่อยู่หน้างานว่า ไม่ได้แล้วต้องดำเนินการต่อให้เสร็จ จึงทำการส่งจดหมายไปยกเลิกสัญญา และทำสัญญาใหม่กับช่างที่อยู่หน้างาน หลังจากที่ ผรม.ยังโคม่าและไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น เราจึงได้ทราบความจริงบางอย่างว่า เขาตั้งใจจะไม่เปลี่ยนสายไฟของชั้น 1 ที่โดนฝนให้เรา ซึ่งมันอัตรายมากหากไฟฟ้ามีปัญหา และอีกหลายๆอย่างที่เขาตั้งใจจะใช้แต่ของที่ไม่มีคุณภาพ และอาจจะทำแบบนี้มาหลายบ้านแล้ว ไม่นานเขาก็เสียชีวิตลง เราก็ดำเนินการสร้างบ้านต่อไปจรเสร็จ แต่ละหว่างทางนั้นมันแย่มาก
**ช่วงขอบ่น**
ช่างที่ทำต่อ ตอนแรกก็เหมือนจะดีช่วยเหลือเพราะสงสารแหละ แต่พอช่วงหลังๆคือเหมือน ขูดเลือดกับปู ต้องทำนู่นนี่นั่น ซึ่งอย่างที่บอกว่าเรามีเงินจำกัด
มันก็บานปลายไปเรื่อง เข้าใจค่ะว่าทำบ้าน มันบานปลาย แต่ช่างแะเนอะ พอตัวเองหมดหนทางหาเงิน จากที่สงสารก็กลายเป็น เห็นแก่ตัวกันไป จากที่ตอนแรกเราจะแนะนำคนอื่นๆ ว่าได้ช่างดี ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ เพราะมันมาเน่าตอนท้าย ถึงแม้ว่าตอนนี้บ้านจะเสร็จและเข้าอยู่แล้ว แต่ก็เริ่มมีปัญหาเล็กๆน้อยๆตามมา
** ปล. ถ้าเกิดมีคำถามว่า ที่โอนค่างวดให้เขาหนะ งานแต่ละงวดเสร็จหรือยัง เราตอบได้เลยว่ายังไม่เสร้จ เพราะเขาแจ้งว่าหน้าฝน งานมันจะไม่ไปตามขั้นตอน 100% แต่เราก็ผิดเองที่เชื่อใจเขามากเกินไป และอยากให้บ้านเสร็จ เพราะว่าสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องมาเช่าบ้านอยู่และเป็นห่วงบ้านมาก
**ในกรณีขอเงินงวดที่งานยังไม่เสร็จคืน**
เมื่อเขาเสียชีวิต ผู้รับมรดก จะตกเป็นของบุตร ซึ่งบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องทำการแต่งตั้งผู้ปกครอง (รอศาลพิจารณา) เพราะเด็กอยู่กับปู่ย่าและ น้า ซึ่งเป็นน้องสาวของเขา ภรรยาแยกกันอยู่นานมากแล้ว
อย่างที่หัวข้อเขียนไว้ ว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง
อยากรูว่าคนอื่นจะคิดยังไงและแก้ปัญหาอย่างไร
เริ่มเรื่องเลยคือปี 66 เรามีแพลนต่อเติมบ้าน จาก 1 เป็น 2 ชั้น ทำให้ได้ติดต่อกับ บริษัทรับสร้างบ้านเจ้าหนึ่ง ซึ่งคุยกันไปมาจนได้เสนอราคากันเรียบร้อยเตรียมจะดำเนินการสร้างบ้าน เราเริ่มรื้นถอนหลังคาและทำตามก่อสร้างตามขั้นตอนที่ได้คุยกันไว้ ซึ่งช่วงนั้นเป็นหน้าฝน ทำให้มีฝนตกเป็นระยะ ผ่านมาซักประมาณ เดือน 1 เดือน ผรม.คนนี้ประสบอุบติเหตุโคม่าในช่วงเช้ามืด เพราะกลับมาจากสระแก้ว (หลังจากที่เราโอนเงินงวดให้กลางดึกจำนวน 15x,000) ทำให้ไม่สามารถควบคุมและดำเนินงานต่อได้ แต่บ้านเราก็ต้องยังต้องรีบสร้างให้เสร็จ เพราะมีภาระในการเช่าบ้านซึ่งมี คชจ.หลายทาง ลืมบอกว่า ทีมงานหลักๆ จะมี 1. ผรม.คนนี้ที่จะคอยเป็นคน รับเงินค่างวด และประสานงาน 2.ช่างที่อยู่หน้างาน 3.ลูกน้องที่จ้างรายวัน
ซึ่งหลังจากที่ทราบเรื่องอุบติเหตุเราก็เครียดมาก เพราะเงินเรามีจำกัด เราจึงได้ทำการตกลงกับช่างที่อยู่หน้างานว่า ไม่ได้แล้วต้องดำเนินการต่อให้เสร็จ จึงทำการส่งจดหมายไปยกเลิกสัญญา และทำสัญญาใหม่กับช่างที่อยู่หน้างาน หลังจากที่ ผรม.ยังโคม่าและไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น เราจึงได้ทราบความจริงบางอย่างว่า เขาตั้งใจจะไม่เปลี่ยนสายไฟของชั้น 1 ที่โดนฝนให้เรา ซึ่งมันอัตรายมากหากไฟฟ้ามีปัญหา และอีกหลายๆอย่างที่เขาตั้งใจจะใช้แต่ของที่ไม่มีคุณภาพ และอาจจะทำแบบนี้มาหลายบ้านแล้ว ไม่นานเขาก็เสียชีวิตลง เราก็ดำเนินการสร้างบ้านต่อไปจรเสร็จ แต่ละหว่างทางนั้นมันแย่มาก
**ช่วงขอบ่น**
ช่างที่ทำต่อ ตอนแรกก็เหมือนจะดีช่วยเหลือเพราะสงสารแหละ แต่พอช่วงหลังๆคือเหมือน ขูดเลือดกับปู ต้องทำนู่นนี่นั่น ซึ่งอย่างที่บอกว่าเรามีเงินจำกัด
มันก็บานปลายไปเรื่อง เข้าใจค่ะว่าทำบ้าน มันบานปลาย แต่ช่างแะเนอะ พอตัวเองหมดหนทางหาเงิน จากที่สงสารก็กลายเป็น เห็นแก่ตัวกันไป จากที่ตอนแรกเราจะแนะนำคนอื่นๆ ว่าได้ช่างดี ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ เพราะมันมาเน่าตอนท้าย ถึงแม้ว่าตอนนี้บ้านจะเสร็จและเข้าอยู่แล้ว แต่ก็เริ่มมีปัญหาเล็กๆน้อยๆตามมา
** ปล. ถ้าเกิดมีคำถามว่า ที่โอนค่างวดให้เขาหนะ งานแต่ละงวดเสร็จหรือยัง เราตอบได้เลยว่ายังไม่เสร้จ เพราะเขาแจ้งว่าหน้าฝน งานมันจะไม่ไปตามขั้นตอน 100% แต่เราก็ผิดเองที่เชื่อใจเขามากเกินไป และอยากให้บ้านเสร็จ เพราะว่าสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องมาเช่าบ้านอยู่และเป็นห่วงบ้านมาก
**ในกรณีขอเงินงวดที่งานยังไม่เสร็จคืน**
เมื่อเขาเสียชีวิต ผู้รับมรดก จะตกเป็นของบุตร ซึ่งบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องทำการแต่งตั้งผู้ปกครอง (รอศาลพิจารณา) เพราะเด็กอยู่กับปู่ย่าและ น้า ซึ่งเป็นน้องสาวของเขา ภรรยาแยกกันอยู่นานมากแล้ว
อย่างที่หัวข้อเขียนไว้ ว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง