สภาพโดยรอบดูอับชื้น ก๊อบรู้สึกได้ขณะนั่งอิงเสาบนบ้านไม้ยกพื้นกลางสวนยางของลุง ห้อยขาข้างหนึ่งเหยียบชานบ้านซึ่งลดระดับจากพื้นเรือน หันไปทางไหนมีแต่ต้นยางกับใบรกทึบของมัน ไม่มีบ้านใครให้มองเห็นได้เลย เป็นปกติของบ้านสวนที่แต่ละหลังจะอยู่ห่างกันมาก ร้านค้ามีแต่ตรงหน้าปากซอย ขายของที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ
แม้ไม่มีความเต็มใจเลยสักนิด แต่ก๊อบก็ต้องมาอยู่ในป่าในดงกับลุงจนได้ แม่เคยพาก๊อบมาที่นี่สองสามครั้งซึ่งเขาไม่เคยชอบมันเลยสักครั้ง แต่คราวนี้เขาต้องมาอยู่ อย่างน้อยก็หลายวัน แถมต้องอยู่กับลุงเพียงสองฅน ยังยากจะทำใจให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลยจริง ๆ
ลุงชัยของเขาไม่มีลูก แม่บอกว่าหลังจากเมียตายแกก็อยู่ฅนเดียวมาตลอด นั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีเพื่อนเล่นที่นี่เลย ก๊อบอดคิดถึงไอ้มอสไม่ได้ เขาบอกมันผ่านสังคมออนไลน์แล้วว่าต้องมาอยู่กับลุง และนั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้คุยกัน บ้านของลุงไม่มีแม้แต่คลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ มันน่าเบื่อที่สุดก็ตรงนี้แหละ เขาจะทนอยู่ได้สักกี่วัน แค่เพิ่งมาถึงก็ไม่อยากแอยู่แล้ว
“เป็นไง เบื่อล่ะสิไอ้ม๋า” (เขียนแบบนี้เพื่อเลี่ยงเซนเซอร์) ลุงถามขณะมาหย่อนตัวนั่งข้างกัน รู้แล้วยังจะมาถามอีก เด็กชายคิดในใจขณะหันหน้าหนี
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก แต่ความจริงเขากับลุงนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ที่จริงเขาคุยกับลุงได้สนิทกว่าแม่เสียอีก เขาคุยกับลุงชัยได้ทุกเรื่อง ก๊อบคิดว่าลุงดูทันสมัยกว่าแม่ด้วยซ้ำ ถึงแกจะอยู่ในที่ซึ่งเขาเรียกว่ากันดารบ้านนอกแบบนี้ก็ตามที แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอยากอยู่กับแม่มากกว่าอยู่ดี
“เบื่อสิ ไม่มีอะไรเลย เล่นเฟซก็ไม่ได้” ก๊อบทำหน้ามุ่ยตอบนิ่งไม่หันมอง
“ดูทีวีดูหนังก็ได้นี่” ลุงตอบกลับ แกก็แค่พยายามโน้มน้าวเท่านั้นแหละ เด็กชายบอกตัวเองในใจ
“ดูฅนเดียว” เบ้ปากตอบเพื่อให้รู้ว่ามันน่าเบื่อมากแค่ไหน ลุงกลับหัวเราะออกมาให้ยิ่งขัดใจได้อีก
“ก็ดูกับลุงไง ปะ ดูหนังกัน” ลุงทำท่าพยักพเยิด ก๊อบยิ่งทำนิ่งไม่สนใจ เขาแค่ต้องการส่งแรงต้านให้ลุงรู้ว่าไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่วินาที ทั้งที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม นึกแล้วอยากร้องไห้ขึ้นมาจริง ๆ เลย
และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร้องไห้ออกมาเป็นน้ำตา แต่แววตาของเขาก็บอกได้ว่าก๊อบร้องไห้ในใจอยู่ ลุงยิ้มปลอบใจหลาน
“ลุงเข้าใจว่าที่นี่มันน่าเบื่อ ทนเอาสักสองสามวันก็แล้วกันนะ” คำว่าเข้าใจของลุงช่วยให้ก๊อบรู้สึกดีขึ้นบ้าง แม้ที่ว่าเข้าใจนั้น เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าลุงจะเข้าใจได้สักแค่ไหนก็ตาม
และก๊อบมัวแต่คิดสับสนจนไม่ทันได้สนใจคำว่า ทนเอาสักสองสามวันของลุงเลย
บ้านของลุงมีแต่ความยุ่งยาก แม้แต่เรื่องการกินอยู่ของเขา ก๊อบถอนหายใจเมื่อมองถ้วยกับข้าวในถาด มันมีแต่ผัก ผักต้มจิ้มน้ำพริก แกงเลียงสารพัดผัก เขาเคยได้แต่สงสัยว่าทำไมแม่ถึงชอบกินผัก ถึงตอนนี้เขาก็ยังคงได้แต่สงสัยนั่นแหละว่า ผักพวกนี้มันอร่อยตรงไหน แม่กับลุงถึงได้ชอบกินกันนัก นอกจากผักแล้วเท่าที่เห็นก็มีแต่อะไรที่ดูแปลกๆ นั่นอีกถ้วย
“ลุงมีบะหมี่ซองไหม” ก๊อบถามพลางแหงนหน้ามอง
“อ้าว ทำไมล่ะ กับข้าวเยอะแยะจะกินบะหมี่ซอง” ลุงเลิกคิ้วแปลกใจ
“มีแต่ผัก” เด็กชายทำจมูกย่นตอบ
“ก็มีต้มปลานี่ไง” ลุง ชี้ให้ดูถ้วยที่มีน้ำใส ๆ กับเนื้อปลาที่ตอนแรกเขามองไม่ออกว่ามันคืออะไร เพราะเห็นเป็นแค่ชิ้นที่มีสีดำ ๆ ขาว ๆ เท่านั้น
“ปลาอะไร” เขาถาม
“ปลาช่อน ลุงธงเบ็ดมา ขังไว้หลายวันแล้ว จะแกงกลัวกินเผ็ดไม่ได้เลยเอามาต้มให้” ลุงตอบพลางอธิบาย ถึงมันไม่ใช่ผักและไม่เผ็ดก็จริง แต่แย่ตรงปลาช่อนที่เขาไม่เคยกิน ที่จริงแล้วปลาน้ำจืดทุกชนิดเลยนั่นแหละที่เขาไม่เคยกิน ปลาน้ำจืดมีแต่เมือกทั้งเหม็นคาว
“หนูกินบะหมี่ซองดีกว่า” ก๊อบตอบพลางอดคิดไม่ได้ว่า เขาต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวันหรือเปล่านะ
พอใกล้ค่ำทั้งบ้านก็มีแต่ยุง มันมาจากไหนนักไม่รู้ ก๊อบรู้แต่ว่ามันมาพร้อมความหม่นมัววังเวง เหล่าแมลงที่ส่งเสียงเซ็งแซ่ในตอนนี้ เป็นตัวสร้างบรรยากาศชวนใจหายได้เป็นอย่างดี คลื่นทีวีชัดบ้างไม่ชัดบ้างยังทำให้เขารู้สึกผวาลึก ๆ จากอะไรสักอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรได้อีก ก๊อบอยากร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
“ยุงเยอะหน่อยนะช่วงหัวค่ำแบบนี้ แต่เดี๋ยวพอมืดจริง ๆ ก็จะไม่มีแล้ว” ลุงพูดให้เขารู้สึกดีขึ้น ซึ่งมันช่วยอะไรไม่ได้เลย
“อยากกลับบ้านแล้ว” ก๊อบพดูลอย ๆ ขี้นมา ลุงหันมองหน้า จับไหล่หลานกระชับเข้าหาตัว มันทำให้เด็กชายรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็แค่นั้นแหละ เขายังคงคิดถึงบ้านและอยากกลับไปกอดแม่มากกว่า
“ไม่มีเพื่อนเลยเหงาสิ ใช่ไหม” ลุงถามพลางยิ้มให้ ความจริงแล้วก๊อบก็ชอบท่าทีเอาใจของลุงอยู่หรอกนะ แต่คงไม่ใช่เวลานี้
“ไม่ต้องกลัว ทนเหงาสักวันสองวันเท่านั้นแหละ เดี๋ยวลุงจะพาไปหาเพื่อน” ก๊อบหันมองหน้าลุง มันหมายความว่าอย่างไร
“อีกสองวันเราจะไปเที่ยวเมืองขแมร์กัน” ลุงเอ่ยออกมาเบา ๆ ต่อมความคิดของเขาสะดุดกึกลงฉับพลัน เด็กชายมองรอยยิ้มของลุงแล้วถึงกับอยากร้องไห้ดัง ๆ ออกมาเลย
“ไม่ไป หนูไม่ไปนะ หนูจะกลับบ้าน” เด็กชายปฏิเสธโวยวายเสียงดัง ลุงหัวเราะเบาๆ ก่อนนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร…
“ว่าไงไอ้ม๋า ตกลงจะไปขแมร์กับลุงได้หรือยัง”
ในตอนที่ก๊อบพออารมณ์ดีขึ้นบ้าง ลุงจะถือโอกาสถามเขาแบบนี้เสมอ แล้วก๊อบก็จะหยุดพูดหยุดปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ
เมืองเขมรในความรู้สึกของเขานั้นมันดูไกลลิบลับเลยทีเดียว แม้จะรู้ว่าอันที่จริงแล้วเลยสวนของลุงออกไปหน่อยเดียวก็ถึงเขมรแล้ว แต่นั่นแหละ ถึงจะไม่ไกลแต่มันก็ฅนละประเทศกันเลย และเมื่อนึกถึงเขมร เขาจะพานนึกถึงพี่ดาว นึกถึงความจุ้นจ้านเด๋อด๋าไม่รู้เรื่องราว พี่ดาวนั้นนอกจากจะจุ้นจ้านแล้วยังเด๋อหรือที่เขาเรียกว่า เอ๋อมากเลย ชอบแต่งตัวแล้วทำเป็นสวย ทั้งที่มันดูตลกและดัดจริตมากกว่า เขายังนึกไปถึงฅนต่างด้าวอื่น ๆ ที่มีอยู่มากมายในตลาด
‘แรงงานต่างด้าวพวกนี้เข้ามาแย่งงานฅนไทยแล้วก็ขนเงินกลับบ้านมันกันหมด’ นึกถึงที่เคยได้ยินฅนขับรถโดยสารคุยกัน คิวรถสองแถวประจำทางสายหนึ่งอยู่หน้าร้านของแม่พอดี ที่นั่นจะมีม้านั่งยาวให้ผู้โดยสารได้นั่งรอเวลาเดินรถ บางครั้งก๊อบก็ชอบไปนั่งเล่นที่นั่นและได้ฟังพวกเขาคุยกัน
‘พวกนี้ไว้ใจไม่ได้ด้วย เผลอมันก็ปล้นฆ่านายจ้าง หนีข้ามฝั่งไปใครจะทำอะไรมันได้’ ตอนที่ได้ยินนั้นก๊อบยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมแม่ถึงยังต้องจ้างแรงงานต่างด้าวพวกนี้อยู่อีก นอกจากไว้ใจไม่ได้แล้วยังเซ่อซ่าทำงานไม่ได้เรื่อง อย่าว่าแต่ทำงานเลย พูดกันยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องแล้ว บางทีก็ชอบกินเหล้าแล้วทะเลาะกันเอง เด็กขอทานเนื้อตัวสกปรกในตลาดก็มีแต่เขมร เขานึกไม่ออกเลยว่าประเทศเขมรจะมีอะไรน่าดูได้ ทำไมลุงจึงอยากพาเขาไปนัก
ที่สำคัญ ทำไมเขาต้องไปเขมรกับลุงด้วย.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ก๊อบ (ตอนที่๒ บ้านลุง)
แม้ไม่มีความเต็มใจเลยสักนิด แต่ก๊อบก็ต้องมาอยู่ในป่าในดงกับลุงจนได้ แม่เคยพาก๊อบมาที่นี่สองสามครั้งซึ่งเขาไม่เคยชอบมันเลยสักครั้ง แต่คราวนี้เขาต้องมาอยู่ อย่างน้อยก็หลายวัน แถมต้องอยู่กับลุงเพียงสองฅน ยังยากจะทำใจให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลยจริง ๆ
ลุงชัยของเขาไม่มีลูก แม่บอกว่าหลังจากเมียตายแกก็อยู่ฅนเดียวมาตลอด นั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีเพื่อนเล่นที่นี่เลย ก๊อบอดคิดถึงไอ้มอสไม่ได้ เขาบอกมันผ่านสังคมออนไลน์แล้วว่าต้องมาอยู่กับลุง และนั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้คุยกัน บ้านของลุงไม่มีแม้แต่คลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ มันน่าเบื่อที่สุดก็ตรงนี้แหละ เขาจะทนอยู่ได้สักกี่วัน แค่เพิ่งมาถึงก็ไม่อยากแอยู่แล้ว
“เป็นไง เบื่อล่ะสิไอ้ม๋า” (เขียนแบบนี้เพื่อเลี่ยงเซนเซอร์) ลุงถามขณะมาหย่อนตัวนั่งข้างกัน รู้แล้วยังจะมาถามอีก เด็กชายคิดในใจขณะหันหน้าหนี
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก แต่ความจริงเขากับลุงนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ที่จริงเขาคุยกับลุงได้สนิทกว่าแม่เสียอีก เขาคุยกับลุงชัยได้ทุกเรื่อง ก๊อบคิดว่าลุงดูทันสมัยกว่าแม่ด้วยซ้ำ ถึงแกจะอยู่ในที่ซึ่งเขาเรียกว่ากันดารบ้านนอกแบบนี้ก็ตามที แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอยากอยู่กับแม่มากกว่าอยู่ดี
“เบื่อสิ ไม่มีอะไรเลย เล่นเฟซก็ไม่ได้” ก๊อบทำหน้ามุ่ยตอบนิ่งไม่หันมอง
“ดูทีวีดูหนังก็ได้นี่” ลุงตอบกลับ แกก็แค่พยายามโน้มน้าวเท่านั้นแหละ เด็กชายบอกตัวเองในใจ
“ดูฅนเดียว” เบ้ปากตอบเพื่อให้รู้ว่ามันน่าเบื่อมากแค่ไหน ลุงกลับหัวเราะออกมาให้ยิ่งขัดใจได้อีก
“ก็ดูกับลุงไง ปะ ดูหนังกัน” ลุงทำท่าพยักพเยิด ก๊อบยิ่งทำนิ่งไม่สนใจ เขาแค่ต้องการส่งแรงต้านให้ลุงรู้ว่าไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่วินาที ทั้งที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม นึกแล้วอยากร้องไห้ขึ้นมาจริง ๆ เลย
และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร้องไห้ออกมาเป็นน้ำตา แต่แววตาของเขาก็บอกได้ว่าก๊อบร้องไห้ในใจอยู่ ลุงยิ้มปลอบใจหลาน
“ลุงเข้าใจว่าที่นี่มันน่าเบื่อ ทนเอาสักสองสามวันก็แล้วกันนะ” คำว่าเข้าใจของลุงช่วยให้ก๊อบรู้สึกดีขึ้นบ้าง แม้ที่ว่าเข้าใจนั้น เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าลุงจะเข้าใจได้สักแค่ไหนก็ตาม
และก๊อบมัวแต่คิดสับสนจนไม่ทันได้สนใจคำว่า ทนเอาสักสองสามวันของลุงเลย
บ้านของลุงมีแต่ความยุ่งยาก แม้แต่เรื่องการกินอยู่ของเขา ก๊อบถอนหายใจเมื่อมองถ้วยกับข้าวในถาด มันมีแต่ผัก ผักต้มจิ้มน้ำพริก แกงเลียงสารพัดผัก เขาเคยได้แต่สงสัยว่าทำไมแม่ถึงชอบกินผัก ถึงตอนนี้เขาก็ยังคงได้แต่สงสัยนั่นแหละว่า ผักพวกนี้มันอร่อยตรงไหน แม่กับลุงถึงได้ชอบกินกันนัก นอกจากผักแล้วเท่าที่เห็นก็มีแต่อะไรที่ดูแปลกๆ นั่นอีกถ้วย
“ลุงมีบะหมี่ซองไหม” ก๊อบถามพลางแหงนหน้ามอง
“อ้าว ทำไมล่ะ กับข้าวเยอะแยะจะกินบะหมี่ซอง” ลุงเลิกคิ้วแปลกใจ
“มีแต่ผัก” เด็กชายทำจมูกย่นตอบ
“ก็มีต้มปลานี่ไง” ลุง ชี้ให้ดูถ้วยที่มีน้ำใส ๆ กับเนื้อปลาที่ตอนแรกเขามองไม่ออกว่ามันคืออะไร เพราะเห็นเป็นแค่ชิ้นที่มีสีดำ ๆ ขาว ๆ เท่านั้น
“ปลาอะไร” เขาถาม
“ปลาช่อน ลุงธงเบ็ดมา ขังไว้หลายวันแล้ว จะแกงกลัวกินเผ็ดไม่ได้เลยเอามาต้มให้” ลุงตอบพลางอธิบาย ถึงมันไม่ใช่ผักและไม่เผ็ดก็จริง แต่แย่ตรงปลาช่อนที่เขาไม่เคยกิน ที่จริงแล้วปลาน้ำจืดทุกชนิดเลยนั่นแหละที่เขาไม่เคยกิน ปลาน้ำจืดมีแต่เมือกทั้งเหม็นคาว
“หนูกินบะหมี่ซองดีกว่า” ก๊อบตอบพลางอดคิดไม่ได้ว่า เขาต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวันหรือเปล่านะ
พอใกล้ค่ำทั้งบ้านก็มีแต่ยุง มันมาจากไหนนักไม่รู้ ก๊อบรู้แต่ว่ามันมาพร้อมความหม่นมัววังเวง เหล่าแมลงที่ส่งเสียงเซ็งแซ่ในตอนนี้ เป็นตัวสร้างบรรยากาศชวนใจหายได้เป็นอย่างดี คลื่นทีวีชัดบ้างไม่ชัดบ้างยังทำให้เขารู้สึกผวาลึก ๆ จากอะไรสักอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรได้อีก ก๊อบอยากร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
“ยุงเยอะหน่อยนะช่วงหัวค่ำแบบนี้ แต่เดี๋ยวพอมืดจริง ๆ ก็จะไม่มีแล้ว” ลุงพูดให้เขารู้สึกดีขึ้น ซึ่งมันช่วยอะไรไม่ได้เลย
“อยากกลับบ้านแล้ว” ก๊อบพดูลอย ๆ ขี้นมา ลุงหันมองหน้า จับไหล่หลานกระชับเข้าหาตัว มันทำให้เด็กชายรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็แค่นั้นแหละ เขายังคงคิดถึงบ้านและอยากกลับไปกอดแม่มากกว่า
“ไม่มีเพื่อนเลยเหงาสิ ใช่ไหม” ลุงถามพลางยิ้มให้ ความจริงแล้วก๊อบก็ชอบท่าทีเอาใจของลุงอยู่หรอกนะ แต่คงไม่ใช่เวลานี้
“ไม่ต้องกลัว ทนเหงาสักวันสองวันเท่านั้นแหละ เดี๋ยวลุงจะพาไปหาเพื่อน” ก๊อบหันมองหน้าลุง มันหมายความว่าอย่างไร
“อีกสองวันเราจะไปเที่ยวเมืองขแมร์กัน” ลุงเอ่ยออกมาเบา ๆ ต่อมความคิดของเขาสะดุดกึกลงฉับพลัน เด็กชายมองรอยยิ้มของลุงแล้วถึงกับอยากร้องไห้ดัง ๆ ออกมาเลย
“ไม่ไป หนูไม่ไปนะ หนูจะกลับบ้าน” เด็กชายปฏิเสธโวยวายเสียงดัง ลุงหัวเราะเบาๆ ก่อนนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร…
“ว่าไงไอ้ม๋า ตกลงจะไปขแมร์กับลุงได้หรือยัง”
ในตอนที่ก๊อบพออารมณ์ดีขึ้นบ้าง ลุงจะถือโอกาสถามเขาแบบนี้เสมอ แล้วก๊อบก็จะหยุดพูดหยุดปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ
เมืองเขมรในความรู้สึกของเขานั้นมันดูไกลลิบลับเลยทีเดียว แม้จะรู้ว่าอันที่จริงแล้วเลยสวนของลุงออกไปหน่อยเดียวก็ถึงเขมรแล้ว แต่นั่นแหละ ถึงจะไม่ไกลแต่มันก็ฅนละประเทศกันเลย และเมื่อนึกถึงเขมร เขาจะพานนึกถึงพี่ดาว นึกถึงความจุ้นจ้านเด๋อด๋าไม่รู้เรื่องราว พี่ดาวนั้นนอกจากจะจุ้นจ้านแล้วยังเด๋อหรือที่เขาเรียกว่า เอ๋อมากเลย ชอบแต่งตัวแล้วทำเป็นสวย ทั้งที่มันดูตลกและดัดจริตมากกว่า เขายังนึกไปถึงฅนต่างด้าวอื่น ๆ ที่มีอยู่มากมายในตลาด
‘แรงงานต่างด้าวพวกนี้เข้ามาแย่งงานฅนไทยแล้วก็ขนเงินกลับบ้านมันกันหมด’ นึกถึงที่เคยได้ยินฅนขับรถโดยสารคุยกัน คิวรถสองแถวประจำทางสายหนึ่งอยู่หน้าร้านของแม่พอดี ที่นั่นจะมีม้านั่งยาวให้ผู้โดยสารได้นั่งรอเวลาเดินรถ บางครั้งก๊อบก็ชอบไปนั่งเล่นที่นั่นและได้ฟังพวกเขาคุยกัน
‘พวกนี้ไว้ใจไม่ได้ด้วย เผลอมันก็ปล้นฆ่านายจ้าง หนีข้ามฝั่งไปใครจะทำอะไรมันได้’ ตอนที่ได้ยินนั้นก๊อบยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมแม่ถึงยังต้องจ้างแรงงานต่างด้าวพวกนี้อยู่อีก นอกจากไว้ใจไม่ได้แล้วยังเซ่อซ่าทำงานไม่ได้เรื่อง อย่าว่าแต่ทำงานเลย พูดกันยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องแล้ว บางทีก็ชอบกินเหล้าแล้วทะเลาะกันเอง เด็กขอทานเนื้อตัวสกปรกในตลาดก็มีแต่เขมร เขานึกไม่ออกเลยว่าประเทศเขมรจะมีอะไรน่าดูได้ ทำไมลุงจึงอยากพาเขาไปนัก
ที่สำคัญ ทำไมเขาต้องไปเขมรกับลุงด้วย.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)