เรื่องคนไกล้ตัวที่ป่วยโรคความจำเสื่อมกับความเชื่อทางศาสนา(อ่านแล้วคิดเห็นยังไงบอกด้วยนะครับไม่อยากหงุดหงิดคนเดียว)

คือผมมักจะมานั่งเล่นที่บ้านของพี่ที่รู้จักกันเป็นประจำ และพ่อของรุ่นพี่คนนั้นเขาป่วยเป็นโรคที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมช่วงเริ่มต้น
จะมีอาการเบลอๆบ้างพูดไม่รู้เรื่องบ้างเล็กน้อย ทางรุ่นพี่กับแฟนก็พยายามจะพาไปหาหมอซึ่งก็พาไปมาแล้วพอได้รู้ว่าอาการตอนนี้เป็นยังไงบ้างหมอก็นัด
ให้ไปหาอีกครั้งเพื่อตรวจอาการและให้ยาเพื่อรักษาแต่ก่อนจะไปรอบนี้มีปัญหาครับ
แม่ของรุ่นพี่คนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างแบบผมไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกัน แต่แม่ของรุ่นพี่จะไม่ยอมให้ไปด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเอาชะเลย
เหตุผลนั้นก็คือไปทำไมมันเปลืองเงิน แค่สวดมนต์ไปเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วคนที่รู้จักในสมาคมเขาเป็นแผลสวดมนต์อย่างเดียวแผลก็สมานแล้ว
(แผลพูดตามความรู้ทั่วไปแค่ปล่อยไว้ไม่ทำอะไรที่เสี่ยงแผลปริหรือติดเชื้อยังไงมันก็สมานจนหายได้)
อ่ะต่อ ครั้งก่อนพ่อของรุ่นพี่แกขาหักรุ่นพี่คนนี้ก็พาไปเข้าเฝือกดูแลพาไปหาหมออยู่นาน แม่ก็ไม่เคยมาดูแลหรือช่วยเหลืออะไร
อันนี้บอกไว้ก่อนนะครับว่าแม่ของรุ่นพี่ซื้ออาหารเสริมให้ตัวเองทุกเดือนตกเดือนละ4,000-5,000ต่อเดือน ค่ารักษาพ่อรุ่นพี่จะช่วยออกครึ่งนึง
ค่ารักษาตกที่9,000ปลายๆ แม่ที่ซื้อของตัวเองเดือนละหลายพันกับพ่อที่รักษาแค่ครั้งเดียวในรอบหลายปี แม่เอาแต่คิดว่าหมอที่ให้การรักษาจะมาหลอกเอาเงินแล้วก็บอกว่าสมรู้ร่วมคิดกับรุ่นพี่ว่าหลอกเอาเงินมาหารคนละครึ่ง(หมอไม่ใช่หมอรัฐบ้านๆด้วยนะนี่หมอเอกชนที่มีความสามารถจรืงๆไม่ใช่กิ๊กก็อก)ผมที่ได้ยินตลอดก็หงุดหฃิดมากเพราะได้รับรู้โดยไม่ตั้งใจและมันไม่มีที่ไหนให้ระบายได้เลย คนบ้าอะไรป่วยสวดมนต์ไปเดี๋ยวก็หายงี้เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแค่สวดมนต์เช้าเย็นก็หายแล้วสิจะมีหมอไปทำไม หงุดหงิดจริงๆครับกับความคิดอะไรแบบนี้ไม่รู้จะทำยังไงดีเลยได้มาระบายในนี้ ขอบคุณที่รับฟังครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่