บทนำ ปฐมบทแห่งการดับสูญ
โลก
ดาวเคราะห์ในลำดับที่สามจากกลุ่มดาวเคราะห์ทั้งหมดแปดดวง ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบหกจุดสามกิโลเมตร มวลห้าล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นสามพันหกร้อยล้านล้านล้านกิโลกรัม ทำให้ถูกจัดเป็นดาวที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ห้าในระบบสุริยะ รองจากดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ทำให้ฤดูกาลก่อกำเนิด ดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวบริวารของโลกหมุนรอบโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และโลกที่หมุนรอบตัวเองก็ทำให้เกิดเป็นช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
หลังจากเกิดกาแลกซี่ทางช้างเผือกมาเพียงสี่ร้อยล้านปี ดาวเคราะห์โลกก็ถือกำเนิดและผ่านการวิวัฒนาการวันแล้ววันเล่ามาอย่างยาวนานถึงสี่พันหกร้อยล้านปี เปลี่ยนผ่านช่วงเวลาสำคัญต่าง ๆ ส่งต่อยุคสมัยของผู้ครอบครองดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ จวบจนมาถึงยุคอันเรืองรองของมนุษย์ในท้ายที่สุด
เสียงกริ่งเลิกเรียนแผดดังขึ้นเมื่อนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ครูวิวัฒน์ละสายตาออกจากเนื้อหาบทเรียนที่กำลังสอนอยู่บนกระดานดำหน้าห้อง หมุนร่างสูงโปร่งในชุดสีกากีกลับมา พลางกวาดสายตาคมเข้มของตนเองมองไปจนถ้วนทั่วห้อง เห็นเด็กนักเรียนในชั้นที่กำลังทำตาแป๋วตั้งอกตั้งฟังแล้ว ก็ระบายยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“หมดเวลาแล้ว ถ้าอย่างนั้น วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะ เก็บกระเป๋าแล้วรีบกลับบ้าน อย่ามัวไปเถลไถลที่ไหนกันจนมืดค่ำล่ะ เด็ก ๆ” พูดพลางปิดตำราเรียนโลกของเราสำหรับชั้นประถม ที่กำลังเปิดกางอยู่บนโต๊ะ “อ้อ ถึงบ้านแล้วก็รีบทำการบ้านแต่หัววัน ทบทวนบทเรียนกันด้วย อย่าปล่อยให้ดึกเกินไปจนต้องอดนอนกันล่ะ”
“ค้าบ”
“ค่า”
เด็กนักเรียนชายหญิงตัวน้อยขานรับพร้อมเพรียง กุลีกุจอเก็บหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนเข้ากระเป๋า หลังจากนั้นก็ต่างพากันเบียดแย่ง พาตัวเองออกจากห้องเรียนไปอย่างสนุกสนานร่าเริงตามประสาเด็ก
ครูหนุ่มยิ้มแย้มเป็นสุขกับเสียงเจื้อยแจ้วไร้เดียงสา เขายืนรอจนกระทั่งนักเรียนคนสุดท้ายก้าวพ้นผ่านจากประตูห้องไปเรียบร้อย จึงค่อยลงมือเก็บสื่อการเรียนการสอนที่นำมาด้วย ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนเพื่อกลับไปยังห้องพักครู
เสียงเล็กใสดังให้ได้ยินตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน นักเรียนที่ยังเล็กอยู่มากจนต้องมีผู้ปกครองมาคอยส่งคอยรับ เมื่อพวกเขาเห็นพ่อแม่หรือญาติของตนเองมายืนรออยู่ ก็จะแสดงสีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจโผเข้ากอดอย่างรักใคร่
นักเรียนที่โตขึ้นมาหน่อยซึ่งสามารถกลับบ้านเองได้แล้ว ที่อยู่ทางเดียวกันก็จับกลุ่มเดินทางกลับด้วยกัน ส่วนคนไหนที่ต้องแยกกลับไปอีกทาง ก็จะร่ำลากันกับกลุ่มเพื่อนก่อนที่จะต้องแยกตัวออกไป
หลาย ๆ คนยังคงรวมกลุ่มเพื่อเตะฟุตบอล เล่นวิ่งไล่จับ หรือกระโดดหนังยางกันต่อที่สนามหญ้าขนาดย่อมหน้าอาคารเรียน อีกไม่น้อยที่ยังคงนั่งต่ออยู่ในห้องเรียนเพื่อเรียนพิเศษในช่วงหลังเลิกเรียน
วิวัฒน์ระบายลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย รู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดและไม่เคยนึกเสียใจ เสียดายเวลาเลยสักนิด ที่ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและมาเป็นครูยังสถานที่ไกลปืนเที่ยงแห่งนี้
เขามีความสุขดี พอใจและปลอดโปร่งในอกทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ดื่มด่ำซึมซับกับบรรยากาศดี ๆ เหล่านี้ เขาชอบรอยยิ้มไร้เดียงสา ชอบเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเหล่าเด็กน้อย เพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็ยังทำให้เขาได้รู้สึกถึงชีวิตอันสดใส
ยังพอที่จะทำให้ได้รับรู้ถึงความหวังและความฝันจากห้วงเวลาแห่งอนาคต
ซึ่งอาจจะไม่มีจริงอีกต่อไป
จบตอน
วันดับสูญ บทนำ ปฐมบทแห่งการดับสูญ
โลก
ดาวเคราะห์ในลำดับที่สามจากกลุ่มดาวเคราะห์ทั้งหมดแปดดวง ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบหกจุดสามกิโลเมตร มวลห้าล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นสามพันหกร้อยล้านล้านล้านกิโลกรัม ทำให้ถูกจัดเป็นดาวที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ห้าในระบบสุริยะ รองจากดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ทำให้ฤดูกาลก่อกำเนิด ดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวบริวารของโลกหมุนรอบโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และโลกที่หมุนรอบตัวเองก็ทำให้เกิดเป็นช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
หลังจากเกิดกาแลกซี่ทางช้างเผือกมาเพียงสี่ร้อยล้านปี ดาวเคราะห์โลกก็ถือกำเนิดและผ่านการวิวัฒนาการวันแล้ววันเล่ามาอย่างยาวนานถึงสี่พันหกร้อยล้านปี เปลี่ยนผ่านช่วงเวลาสำคัญต่าง ๆ ส่งต่อยุคสมัยของผู้ครอบครองดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ จวบจนมาถึงยุคอันเรืองรองของมนุษย์ในท้ายที่สุด
เสียงกริ่งเลิกเรียนแผดดังขึ้นเมื่อนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ครูวิวัฒน์ละสายตาออกจากเนื้อหาบทเรียนที่กำลังสอนอยู่บนกระดานดำหน้าห้อง หมุนร่างสูงโปร่งในชุดสีกากีกลับมา พลางกวาดสายตาคมเข้มของตนเองมองไปจนถ้วนทั่วห้อง เห็นเด็กนักเรียนในชั้นที่กำลังทำตาแป๋วตั้งอกตั้งฟังแล้ว ก็ระบายยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“หมดเวลาแล้ว ถ้าอย่างนั้น วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะ เก็บกระเป๋าแล้วรีบกลับบ้าน อย่ามัวไปเถลไถลที่ไหนกันจนมืดค่ำล่ะ เด็ก ๆ” พูดพลางปิดตำราเรียนโลกของเราสำหรับชั้นประถม ที่กำลังเปิดกางอยู่บนโต๊ะ “อ้อ ถึงบ้านแล้วก็รีบทำการบ้านแต่หัววัน ทบทวนบทเรียนกันด้วย อย่าปล่อยให้ดึกเกินไปจนต้องอดนอนกันล่ะ”
“ค้าบ”
“ค่า”
เด็กนักเรียนชายหญิงตัวน้อยขานรับพร้อมเพรียง กุลีกุจอเก็บหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนเข้ากระเป๋า หลังจากนั้นก็ต่างพากันเบียดแย่ง พาตัวเองออกจากห้องเรียนไปอย่างสนุกสนานร่าเริงตามประสาเด็ก
ครูหนุ่มยิ้มแย้มเป็นสุขกับเสียงเจื้อยแจ้วไร้เดียงสา เขายืนรอจนกระทั่งนักเรียนคนสุดท้ายก้าวพ้นผ่านจากประตูห้องไปเรียบร้อย จึงค่อยลงมือเก็บสื่อการเรียนการสอนที่นำมาด้วย ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนเพื่อกลับไปยังห้องพักครู
เสียงเล็กใสดังให้ได้ยินตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน นักเรียนที่ยังเล็กอยู่มากจนต้องมีผู้ปกครองมาคอยส่งคอยรับ เมื่อพวกเขาเห็นพ่อแม่หรือญาติของตนเองมายืนรออยู่ ก็จะแสดงสีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจโผเข้ากอดอย่างรักใคร่
นักเรียนที่โตขึ้นมาหน่อยซึ่งสามารถกลับบ้านเองได้แล้ว ที่อยู่ทางเดียวกันก็จับกลุ่มเดินทางกลับด้วยกัน ส่วนคนไหนที่ต้องแยกกลับไปอีกทาง ก็จะร่ำลากันกับกลุ่มเพื่อนก่อนที่จะต้องแยกตัวออกไป
หลาย ๆ คนยังคงรวมกลุ่มเพื่อเตะฟุตบอล เล่นวิ่งไล่จับ หรือกระโดดหนังยางกันต่อที่สนามหญ้าขนาดย่อมหน้าอาคารเรียน อีกไม่น้อยที่ยังคงนั่งต่ออยู่ในห้องเรียนเพื่อเรียนพิเศษในช่วงหลังเลิกเรียน
วิวัฒน์ระบายลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย รู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดและไม่เคยนึกเสียใจ เสียดายเวลาเลยสักนิด ที่ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและมาเป็นครูยังสถานที่ไกลปืนเที่ยงแห่งนี้
เขามีความสุขดี พอใจและปลอดโปร่งในอกทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ดื่มด่ำซึมซับกับบรรยากาศดี ๆ เหล่านี้ เขาชอบรอยยิ้มไร้เดียงสา ชอบเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเหล่าเด็กน้อย เพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็ยังทำให้เขาได้รู้สึกถึงชีวิตอันสดใส
ยังพอที่จะทำให้ได้รับรู้ถึงความหวังและความฝันจากห้วงเวลาแห่งอนาคต
ซึ่งอาจจะไม่มีจริงอีกต่อไป
จบตอน